ผมเขายังเปียกจากการอาบน้ำอยู่เลย เปรียบเทียบกับความสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติตามปกติของเขา เขามีหน้าตาที่ดูยุ่งเหยิง เมื่อเด็กน้อยสองคนที่อยู่ไปรอบตัวของเนลล์ ใบหน้าของพวกเขาดูบูดบึ้ง ในขณะที่เขาตะโกนว่า “ไปเล่นคนเดียวดีกว่า และปล่อยให้คุณแม่อยู่คนเดียว”ลิซซี่นั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร ทำท่าทางขึงขัง “คุณพ่อมีคุณแม่อยู่กับตัวเองมาหลายวันแล้ว วันนี้ถึงเวลาของเรากับแม่ คุณพ่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว พ่อไม่สามารถแข่งขันกับพวกเราที่เป็นลูกของคุณพ่อ ได้”กิดเดียนถึงกับหัวเราะเยาะด้วยคำพูดที่ตรงไปตรงมาของเด็กน้อย “แข่งขันอะไร? หนูไม่มีสิทธิ์จะมาต่อสู้เพื่อแย่งภรรยาของพ่อหรอกนะ”ลิซซี่ขมวดคิ้ว “คุณพ่อ ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง! แต่เธอยังเป็นแม่ของเราด้วยเหมือนกัน”“ฮ่า!” กิดเดียนยิ้มอย่างเยือกเย็นเนลล์ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะของเธอเอาไว้ได้ เมื่อเห็นผู้ใหญ่และเด็กมีหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่เธอเดินเข้าไปดู เธอดึงแขนกิดเดียน “เอาล่ะ ตอนนี้คุณกำลังพูดอะไรกับเด็ก ๆ! ให้ฉันเล่นกับพวกเขาสักครู่หนึ่ง แล้วคุณก็ไปทำในสิ่งที่คุณจะต้องทำ”กิดเดียนขมวดคิ้ว “แล้วสุขภาพของคุณล่ะ...”“ฉันสบายดี” เนลล์รู้สึกอบอุ่
ชิม่อนดูค่อนข้างสุภาพ ชิม่อนเดินไปพร้อมกับไม้ค้ำยันและนั่งตรงข้ามพวกเขาก่อนที่จะหยิบผลไม้บนโต๊ะขึ้นมากิน“อย่ามองผมด้วยสายตาที่โกรธแบบนั้น ผมไม่ใช่ว่าจะมาทำอะไร ผมไม่ได้เป็นที่ตัดสินใจ แต่เป็นคนที่อยู่สูงกว่าผม” เขาชี้ขึ้นไปเหนือหัวของเขาเกรกอรีเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “คุณกำลังพูดถึง เจฟฟ์ ฟลินเดอร์ อยู่หรือเปล่า?”ชิม่อนตกตะลึง “ใครคือเจฟฟ์ ฟลินเดอร์”เกรกอรีพูดไม่ออก สะท้อนให้เห็นว่าชิม่อนไม่ได้รู้ถึงการมีอยู่ของเจฟฟ์เขาสงสัยว่ามีสมาชิกในตระกูลฟลินเดอร์อีกกี่คนที่ถูกคุมขังในความมืดเหมือนกับเขา พวกเขาคิดว่าพวกเขากำลังทำตามคำสั่งของหลุยส์ ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วมีคนอื่นเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังต่างหากด้วยความคิดนั้น สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนเป็นหน้าตาที่บูดบึ้ง เจฟฟ์ ฟลินเดอร์ เขาเป็นใครกันแน่?เมื่อพิจารณาจากอายุของเขาแล้ว เจฟฟ์ดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุเท่ากับเกรกอรี เขาสามารถทำให้ชายชราอย่างหลุยส์นั้นทำตามคำสั่งของเขาได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น หลุยส์ยังให้ความเคารพต่อเจฟฟ์ ใกล้กับจุดสักการะ มันดูเหมือนกับว่าแนวความคิดของเขาจะไม่ได้ถูกบังคับเลยและเอนเอียงไปทางการอุทิศตนที่มาจากใจโดยตรงมา
ใครคนนั้นดูเหมือนจะเป็นผู้สูงวัย แต่ชิม่อนไม่เคยพบเขามาก่อนตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่เขาอยู่ในตระกูลฟลินเดอร์บุคคลนั้นทักทายเขาด้วยรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร “คุณคงเป็นคุณชิม่อน ฟลินเดอร์ ใช่ไหม?”ท่ามกลางความประหลาดใจของเขา ชิม่อนจำไม่ได้ว่าเคยเห็นบุคคลนี้มาก่อนหรือเปล่า หรือว่าหลุยส์มีคนรอบข้างที่เขาไม่รู้มาจักก่อน?แต่ถึงแม้ว่าเขาจะคิดเช่นนั้นเขาก็ไม่กล้าถามออกมาตรง ๆชิม่อนพยักหน้าแทนคำตอบ "ใช่"“เจ้านายกำลังรอคุณอยู่ ได้โปรดตามผมมา”บุคคลนั้นพาเขาเข้าไปในสถานที่บนเกาะเนื่องจากเวลานี้มืดแล้ว ชิม่อนจึงไม่สามารถจำทางได้ เขาจำได้คราว ๆ ว่าเส้นทางนั้นคดเคี้ยวราวกับเขาวงกต มันเป็นเส้นทางที่แตกต่างออกไปจากเส้นทางเดิมในตอนที่เขาได้พบกับหลุยส์ครั้งสุดท้ายถึงแม้จะอยากรู้อยากเห็น แต่ชิม่อนก็ระงับคำถามที่เขาอยากจะถามเอาไว้ทั้งคู่เดินเข้าไปในที่ดินที่แปลกตา พวกเขาเดินผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวอีกทางหนึ่งเป็นเวลานานก่อนที่พวกเขาจะมาถึงยังประตูไม้แกะสลักแห่งหนึ่ง ผู้เฒ่ายืนอยู่ด้านนอกประตูตะโกนขึ้นว่า “นายท่าน คุณชิม่อน ฟลินเดอร์ มาแล้วครับ”เสียงที่ชัดเจนของชายผู้นั้นดังขึ้นจากด้านใน "เข้ามา"
ชิม่อนไม่สามารถลบล้างความสับสนวุ่นวายที่เขากำลังเผชิญได้ แต่เขารู้ดีว่าตระกูลฟลินเดอร์ที่มีอำนาจมากมานเช่นนี้ย่อมชิงบัลลังก์กลับมาได้อย่างง่ายดายมันอาจจะฟังดูไม่เข้าท่าไม่ว่าชิม่อนจะคิดทบทวนมากแค่ไหนก็ตามเจฟฟ์อ่านใจเขาได้จากนั้นเขาก็ถามอย่างจริงจังว่า “นายจำชื่อหัวหน้าตระกูลคนแรกของตระกูลฟลินเดอร์ได้หรือไม่?”ชิม่อนงุนงงถ้าหากเขาจำไม่ผิด ดูเหมือนผู้นำคนแรกของตระกูลฟลินเดอร์จะมีชื่อว่า...เจฟเฟอร์สัน ฟลินเดอร์!ใช่แล้ว นั่นคือชื่อของเขาชิม่อนถูกทิ้งให้อยู่ในความตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เขาเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาเจฟฟ์ยกมุมปากขึ้นโดยไม่พูดอะไรชิม่อนมองเห็นความมั่นคงในสายตาของเจฟฟ์ และการปรากฏตัวที่สง่างามซึ่งมาพร้อมกับอำนาจสูงสุดในตระกูลชิม่อนกำลังล่องลอยหลุยส์พูดขึ้นในทันใด “กล่าวทักทายท่านฟลินเดอร์สิ!”ใบหน้าของชิม่อนถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อเขาส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อและพึมพำ “มัน เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นไปได้ยังไง...”แท้จริงแล้ว เขาเพียงแค่ปฏิเสธที่จะเชื่อว่าจะมีใครที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นับพันปีบนโลกใบนี้จริง ๆ!นานนับสหัสวรรษ! กระดูกของเขาควรจะกลายเป็นเถ้าถ่านหรือหิ
ถึงแม้ว่าแม้เจฟฟ์จะได้อธิบายไปแล้ว แต่ชิม่อนก็ยังไม่สามารถคลายความสงสัยได้เขาเคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับมันในหนังสือโบราณเท่านั้น แต่เขาไม่ยักรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันมีจริงแต่เมื่อไหร่กัน?ชิม่อนมองดูเจฟฟ์และก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่เขาใช้เวลาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะถามว่า “สิ่งที่คุณพูดมันเป็นความจริงเหรอ? ที่คุณบอกว่าคุณ...”เจฟฟ์ชำเรืองมองดูเขาอย่างเฉยเมยเพียงแค่สายตาที่เขาได้รับ ชิม่อนก็ไม่กล้าถามคำถามต่ออีกเลยชิม่อนสงสัยว่า ถ้าหากเจฟฟ์ผู้นี้คือเจฟเฟอร์สันจริง ๆ แล้วชายผู้นี้สามารถรักษาความเยาว์วัยของเขาไว้ได้ในขณะที่เขามีชีวิตอยู่มานานนับพันปีได้อย่างไร? เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งใดอยู่ภายในใจของเจฟฟ์เจฟฟ์จะไม่ปล่อยให้เขาค้นหามันเจอชายผู้นั้นเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ที่ฉันต้องการพบนายในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้นายได้รู้จักฉันและฉันก็เชื่อใจนาย ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ฉันจะต้องฝากฝังเอาไว้ในมือนาย และฉันก็จะได้สบายใจถ้าหากว่านายจัดการให้ฉันได้เข้าใจไหม?"ชิม่อนพยักหน้าอย่างหนักแน่น"บอกมาได้เลย"“เกรกอรีและคนอื่น ๆ กำลังมองหาหยกอาถรรพ์ แต่ฉันไม่ไว้ใจพวกเขา ดังนั้นฉ
กล่องไม้มีการออกแบบที่เรียบง่ายและดูไม่มีราคาอะไร น้ำหนักของมันเบาบางไม่เหมือนดั่งไม้พะยูงหรือไม้จันทน์เกรดสูงแต่ทว่าเสียงที่ดังขี้นกลับมาจากกล่องไม้ใบนั้น จนทำให้ทุกคนต่างก็ต้องตกตะลึงจนขนบนผิวหนังลุกเจฟฟ์มีใบหน้าที่โกรธแค้น ถึงแม้ว่าเขาจะฉลาดและเจ้าเล่ห์มากเพียงใด แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดสำหรับเขา เมื่อเขามีความคิดในเรื่องของการเล่นกับความรู้สึกและจิตใจมากกว่า ในขณะที่เทคโนโลยีสมัยใหม่นั้นไม่ใช่จุดแข็งของเขา เพราะเขาเรียนรู้มันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นอาจกล่าวได้ว่าถึงแม้ว่าเจฟฟ์จะมีแนวคิดขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยี แต่เขาก็ยังปฏิเสธที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่เขาไม่คุ้นเคยโดยไม่รู้ตัวเขามักจะอยู่อย่างสันโดษบนเกาะของเขา ในขณะที่โลกภายนอกไม่เคยตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขาเลย แล้วนับประสาอะไรที่เขาจะสามารถรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้ เจฟฟ์ไม่ทันได้เตรียมตัวเสียงใครบางคนภายในกล่องไม้ยังคงดังขึ้นต่อไป “ในเมื่อคุณเจฟฟ์ ฟลินเดอร์ ไม่สนใจการเป็นหุ้นส่วนกับเรา แล้วทำไมเราทั้งคู่ไม่ลองทิ้งไพ่ลงบนโต๊ะดูล่ะ”เจฟฟ์กัดฟันแน่นเขาหันกลับมาและเอียงศีรษะไปทางหลุยส์หลุยส์รับรู้ได้ถึงสิ่งที
ชิม่อนรับรู้ได้ถึงความชัดเจนในบทบาทของเขาในตระกูลนี้ เขาเป็นคนที่มีวรรณะที่ต่ำต้อยที่สุดทั้งเจฟฟ์ ฟลินเดอร์ส และหลุยส์ ฟลินเดอร์ต่างก็มีพลังที่จะปิดปากเขาได้ทุกเมื่อที่พวกเขาต้องการ มันคงจะง่ายเหมือนการขยี้มดด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวนั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาไม่ต้องการพูดอะไร ไม่ว่าเขาจะสงสัยหรือรู้สึกสับสนเพียงใดก็ตาม เขากลัวว่าเขาจะถูกฆ่าทิ้งถ้าหากว่าเขารู้มากเกินไปชิม่อน ฟลินเดอร์ไม่กล้าคิดว่าตระกูลฟลินเดอร์นั้นไร้เดียงสาอย่างที่เคยเป็นเพราะสัตว์ประหลาดอายุนับพันปีที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาก็ทำให้เขาตกใจมากพอแล้วถึงแม้ว่าเขาจะยังคงสงสัยเกี่ยวกับอายุของชายผู้นี้อยู่บ้าง แต่ดูเหมือนว่าเจฟฟ์จะไม่ได้หลอกลวงเขา เมื่อเขาได้เห็นชายผู้นั้นทำให้สิ่งของสามารถลอยอยู่ในอากาศได้ และชิม่อนก็มองไม่เห็นข้อผิดพลาดใด ๆ เมื่อเขาแสดงมันให้ดู เขาสามารถมีอายุนับพันปีได้อย่างที่เขาพูดจริง ๆ และถ้าหากเป็นเรื่องจริง สถานการณ์ทั้งหมดอาจจะทำให้ชิม่อนแย่ลงได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์ ไม่ว่าพวกเขาจะฉลาดแกมโกงและอันตรายมากแค่ไหนก็ตาม แต่ใครบางคนที่มีชีวิตอยู่ได้ถึงหนึ่งพันปีเช่นนี้ ชิม่อ
คนที่มีชีวิตอยู่มานานนับพันปีจะตายอย่างง่ายดายได้อย่างไร?นั่นคือเหตุผลที่ชิม่อนมั่นใจว่าเจฟฟ์จะต้องไม่ตายแต่คนที่เป็นอมตะจะต้องการหยกอาถรรพ์ไปเพื่ออะไร?ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเหตุผลที่หยกอาถรรพ์ในตำนานถูกผู้คนที่มีอิทธิพลไล่ตามนั่นก็เพราะว่ามันมีพลังแห่งความเป็นอมตะชายที่อยู่ตรงหน้าดูมีอายุราว 30 ปี ถึงแม้ว่าเขาจะอ้างว่าเขามีชีวิตอยู่มานานนับพันปีแล้วก็ตาม ถ้าเป็นเช่นนั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นอมตะอยู่แล้วหรอกเหรอ?ทำไมเขาถึงยังต้องการหยกอาถรรพ์อีก?ชิม่อนตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไรเขาทำได้เพียงถือกล่องบนฝ่ามืออย่างระมัดระวังและยืนขึ้น จากนั้นเขาก็ออกจากห้องไปภายใต้การนำของผู้อาวุโสไมค์หลังจากที่เขาจากไป หลุยส์ก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ“นายท่านครับ มันจะไม่เสี่ยงเกินไปหรือที่ท่านจะปล่อยให้เขาจัดการงานสำคัญเช่นนี้?”หลุยส์มองว่าชิม่อนเป็นคนนอกของตระกูลเท่านั้น ก่อนหน้านี้ชิม่อนไม่มีอำนาจแม้แต่จะเข้าพบกับเขา แล้วนับประสาอะไรกับเจฟฟ์ ฟลินเดอร์แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่นายท่านของเขากลับมอบบางสิ่งที่สำคัญอย่างลูกปัดเงิน ซึ่งเป็นเหมือนดั่งชะ