เนื่องจากวิกกี้และสามีของเธออยู่ที่นี่ เนลล์จึงไม่มีอะไรที่ต้องรู้สึกกังวลอีกต่อไปไม่นานนักรถก็จอดลงที่หน้าบ้านพักของกริฟฟินท่านผู้หญิงกริฟฟินก็รู้ได้ในทันทีว่า ท่านผู้หญิงควีนตันได้มาถึง และรออยู่ที่หน้าประตูแล้วทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่เด็ก มิตรภาพที่พวกเขามีให้กันนั้น จึงแน่นแฟ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเธอรู้ว่าท่านผู้หญิงควีนตันกำลังจะมา ท่านผู้หญิงกริฟฟินก็รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นพิเศษในตอนเช้า เธอไม่เห็นด้วยกับคำพูดของคนในครอบครัวของเธอ ถึงยังไงเธอก็ยังยืนกรานที่จะออกมาต้อนรับเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอเป็นการส่วนตัวเมื่อครอบครัวลีย์ลงจากรถ หญิงชราทั้งสองคนก็สวมกอดกัน และภาพนั้นมันช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจน่าเสียดายที่วันนี้อากาศไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก หนักไปทางค่อนข้างหนาวเย็น แม้ว่าหญิงชราทั้งสองคนจะรู้สึกดีกับมัน แต่กลับไม่มีสมาชิกในครอบครัวคนไหน อนุญาตให้พวกเขาอยู่ข้างนอกต่อจัสติน กริฟฟิน พยายามพูดเกลี้ยกล่อมกับท่านผู้หญิงกริฟฟินว่า “คุณแม่ครับ วันนี้อากาศหนาวมาก เราเข้าไปข้างในกันดีกว่านะครับ”ในที่สุดท่านผู้หญิงกริฟฟินก็ยอมเข้าไปในบ้านแต่โดยดี“ก็ได้ เข้าไปข้
ลีโอนาร์ดน้อยดิ้นจนตัวหลุดออกจากแขนของเจเน็ตเขาโบกมือด้วยความกระตือรือร้น “พี่ไปซ่อนนะ ผมจะเป็นคนหาเอง”ลิซซี่พยักหน้า พลางหันไปจับมือของวีมอนด์เอาไว้“แล้วน้องชายของพี่ล่ะ จะเล่นด้วยกันรึเปล่า?”คราวนี้ลีโอนาร์ดน้อยนิ่งเงียบไปเขาเพียงแค่กดริมฝีปากเข้าหากัน และมองดูวีมอนด์น้อยด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตรหลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายของเนลล์ วีมอนด์น้อยก็เข้าใจแล้วว่า เด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้รังแกพี่สาวของเขาแต่อย่างใด พวกเขาแค่หยอกเล่นกันเฉย ๆแต่ทว่าเขาก็ยังเป็นเด็กที่มีความมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ มันจะไม่เป็นอะไร ถ้าหากว่าเขาอยู่ที่บ้านกับครอบครัวของตัวเอง แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพบกันครั้งแรกแบบนี้ เขาจะไม่มีวันขอโทษสำหรับสิ่งที่เขาทำลงไปอย่างเด็ดขาดเด็กทั้งสองคนยืนจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น ใบหน้าเล็ก ๆ ของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่กลั้นหายใจไว้ด้วยความโกรธ อย่างไม่มีใครยอมใครเนลล์และเจเน็ตต่างก็หัวเราะออกมาสุดท้ายเด็ก ๆ ก็ไม่ได้เล่นซ่อนหาด้วยกันเด็กชายทั้งสองคนเป็นเด็กฉลาด แต่ก็ดื้อรั้นและก้าวร้าวเล็กน้อย พวกเขาจึงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้
“ผมเพิ่งจะนึกถึงคำถามนี้ขึ้นมาได้ ตอนที่คุยกับเลียม” กิดเดียนพูดออกมาอย่างใจเย็น เขาวาดรูปวงกลมลงบนพื้นผิวของแก้วด้วยนิ้วของเขา พลางพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าเกรกอรีและวิกกี้จะคิดถึงเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า แต่เมื่อความคิดนั้นมันแล่นเข้ามาในหัวของผมตอนนี้ มันทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก”ขนาดเขายังรู้สึกแบบนั้น แน่นอนว่าเนลล์ก็ต้องรู้สึกแบบนั้นเช่นเดียวกันสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที เธอนิ่งเงียบ แล้วลุกขึ้นยืนอย่างกระทันหัน“ฉันควรจะโทรหาวิกกี้ และเกรกอรีในตอนนี้เลย”“ไม่ต้องรีบไปหรอก”กิดเดียนห้ามเธอเอาไว้“อธิบายทางโทรศัพท์ มันคงไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจได้ง่าย ๆ คุณไม่ได้จะไปเจอกับวิกกี้ตอนพรุ่งนี้เช้าหรอกเหรอ? ผมว่าคุณค่อยไปอธิบายให้เธอฟังในวันพรุ่งนี้ก็ได้”เนลล์คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตกลงไม่ว่าเรื่องนี้มันจะเร่งด่วนมากแค่ไหน แต่คืนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรขนาดนั้นดังนั้น เธอจึงเลิกคิดที่จะโทรหาวิกกี้ ก่อนจะดื่มนมที่กิดเดียนเอามาให้เธอ จากนั้นเธอก็แปรงฟันและเข้านอนวันต่อมาเธอตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเกือบจะเก้าโมงเช้าแล้วเมื่อเธอผ่านการอุ้มท้องมาหลายเดือน ความรั
ทันทีที่เนลล์ตั้งคำถามนั้นขึ้นมา ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึงเห็นได้ชัดว่าปัญหาดังกล่าว พวกเขาไม่เคยคิดถึงมันเลยเช่นกันเกรกอรีขมวดคิ้วแน่น“ได้ฟังเธอพูดแบบนี้แล้ว ฉันก็อดสงสัยถึงแรงจูงใจของ เจฟฟ์ ฟลินเดอร์ ไม่ได้เลยเหมือนกัน แต่หลังจากที่ได้สังเกตเขามาระยะหนึ่ง ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าแผนการสุดท้ายของเขามันคืออะไรกันแน่”วิกกี้ก็ขมวดคิ้วตาม“พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องเดียวหรอกที่แปลก ฉันยังมีเรื่องอื่นที่รบกวนจิตใจอยู่ด้วยเหมือนกัน”เนลล์ถามว่า “เรื่องอะไรเหรอ?”“เกรกอรีกับฉันได้ไปพบกับเจฟฟ์เป็นการส่วนตัวมา ตามหลักแล้ว ถ้าคนอย่างเขามีพรสวรรค์และมีอำนาจมากถึงขนาดนั้น เขาคงจะไม่อยู่นิ่งเฉยและใจเย็นได้ในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่ว่าเขากลับควบคุมครอบครัวฟรินเดอน์ไว้ทั้งหมด แม้แต่หลุยส์ก็ยังอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนทาสเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันจะต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นแน่ ๆ”หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนต่างก็พากันครุ่นคิดหลุยส์ ฟลินเดอร์ เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ?เขาสามารถรักษาตำแหน่งของเขา ในฐานะผู้อาวุโสของตระกูล ท่ามกลางการแข่งขันได้ แสดงว่าเขาจะต้องไม่ใช่คนธร
เลียมพูดพลางหันหน้าไปทางเกรกอรีลุงเอียนหันมาสนใจที่เขาเช่นกัน ดวงตาของเขาเป็นประกายไปด้วยความอยากรู้กิดเดียนจึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับต้นกำเนิดของหยกอาถรรพ์ และความต้องการของพวกเขาให้กับเขาฟังเขาไม่ได้ปิดบังเรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงยังไง ลุงเอียนก็เป็นญาติของตระกูลกริฟฟิน มันคงจะผิดจรรยาบรรณสำหรับพวกเขา ถ้าโกหกผู้ชายคนนั้นเป็นเพราะว่าเกรกอรีกำลังต้องการความช่วยเหลือ เขาจึงต้องตอบแทนด้วยความจริงใจเกรกอรีจึงเลือกที่จะสารภาพออกมาหลังจากได้บอกถึงต้นกำเนิดของหยกอาถรรพ์ และเหตุผลที่พวกเขาต้องการมันแล้ว เกรกอรีก็พูดเสริมว่า “หยกชิ้นนี้เป็นเพียงแค่ของเล่นสำหรับคุณลุง และมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายนัก หากคุณลุงยินดีที่จะแยกชิ้นส่วนของมันออกมา ผมจะให้หยกอีกชิ้นหนึ่งให้กับคุณลุงเป็นการตอบแทน หากมีสิ่งไหนที่คุณต้องการ ผมจะมอบมันให้กับคุณอย่างแน่นอน คุณคิดว่ายังไงครับ?"ลุงเอียนค่อย ๆ หรี่ตาลงเขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าทำไมเลียมถึงได้พาคนจำนวนมากมาพบกับเขาในวันนี้เขารู้ว่าทุกคนที่อยู่ข้างหน้าของเขาในตอนนี้ สามารถโน้มน้าวใครก็ได้ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่พวกเขาต้องการ เมื่อพวกเขา
เขาแนะนำทุกคนให้กับภรรยาของเขาสุดท้ายเขาก็แนะนำผู้หญิงคนนั้นให้พวกเขาได้รู้จัก “นี่ซาร่าภรรยาของฉันเอง”เลียมและเจเน็ตรีบเดินไปข้างหน้า พลางเอ่ยคำทักทายเธออย่างสุภาพ “สวัสดี คุณนายอัลฟูธ”คุณนายอัลฟูธดูเหมือนจะอายุสี่สิบปี แต่สภาพร่างกายของเธอดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่ค่อยดูแลผิวกายของเธอ มันจึงทำให้เธอดูซีดเซียวไปบ้าง แต่เราก็สามารถเห็นได้ว่ารูปร่างหน้าตาจริง ๆ ของเธอยังคงดูดีอยู่ เธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยตั้งแต่ยังเด็กอย่างแน่นอนเธอเผยยิ้มออกมา พลางพูดว่า “ข้างนอกอากาศหนาว ถ้ามีธุระอะไร ก็เข้าไปคุยกันข้างในเถอะค่ะ”พอพูดจบ เธอก็ขยับตัวไปด้านข้าง ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านเมื่อกลุ่มของพวกเขาเข้ามาในบ้าน เครื่องทำความร้อนก็ได้เริ่มทำงาน ทำให้บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยอากาศอุ่น คุณนายอัลฟุธสั่งให้สาวใช้ไปช่วยถอดเสื้อคลุมของพวกเขาออกเพราะความเร่งรีบทั้ง เนลล์ เจนนิงส์ และคนอื่น ๆ ยังคงสวมชุดเดียวกันกับที่พวกเขาได้ใส่ไปงานเลี้ยงอาหารค่ำในก่อนหน้านี้ เว้นแต่ว่าพวกเขาสวมเสื้อโค้ททับไว้อีกหนึ่งตัวโชคดีที่บ้านหลังนี้มีเครื่องทำความร้อน พวกเขาจึงไม่รู้สึกหนาว แม้ว่า
แต่ทว่าเขากลับไม่เคยเห็นชื่อ 'ชอว์น ชาร์ริงตัน' ในรายชื่อของแขกเลย ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้อยู่ สีหน้าของเลียมก็ดูหม่นหมองลง“ผมไม่เคยเห็นชื่อนี้ผ่านตามาก่อนเลย”เมื่อเขาพูดคำจบ คุณนายอัลฟูธก็ถึงกับตกใจ“มันจะเป็นไปได้ยังไง…”ตอนนี้ดูเหมือนว่าลุงเอียน จะคิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา เขาพูดออกมาว่า “ถ้าคุณไม่พูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็คงจะไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้ฉันนึกขึ้นได้แล้วว่า วันนี้ฉันยังไม่เห็นชอว์นเลย”เมื่อถึงจุดนี้ความจริงก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นเกรกอรีพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ผมเกรงว่าผมคงจะต้องรบกวนคุณนายอัลฟูธให้ติดต่อหลานชายของคุณแล้วล่ะครับ”คุณนายอัลฟูธพยักหน้าทันที“ได้ค่ะ ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้เลย”ขณะที่เธอพูด เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาชอว์นแต่เมื่อกดโทรออกก็มีเสียงแจ้งเข้ามาว่า โทรศัพท์ที่อยู่ปลายสายนั้นกำลังปิดเครื่องอยู่ทั้งคู่ต่างก็ตกตะลึงในทันที“เขาปิดโทรศัพท์ได้ยังไง? ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะลองโทรไปอีกครั้งหนึ่ง”ขณะที่พูดให้ความมั่นใจกับพวกเขา คุณนายอัลฟูธก็ได้โทรหาชอว์นอีกหลายครั้งแต่ไม่ว่าเธอจะกดโทรออกไปหาเขากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ปลายสายก็ยังปิดเครื่องอยู
แม้ว่าเขาจะทำงานหนักขนาดนั้น แต่ก็ไม่เคยนำเงินกลับมาที่บ้านเลยทั้งคุณนายอัลฟูธและลุงเอียนต่างก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องนี้คงเป็นเพราะว่าเขาโตแล้ว และเขาก็มีความคิดเป็นของตัวเอง เขาคงอยากจะเก็บเงินไว้ใช้เอง พวกเขาจึงไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจนั้นดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยถามไถ่ เกี่ยวกับสถานะทางการเงินของเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้ ชอว์นเชื่อในคำมั่นสัญญาของพวกเพื่อน ๆ และลงทุนในโครงการผลิตภาพยนตร์ขนาดใหญ่หลายเรื่องในคราวเดียวไม่มีใครคาดคิดว่าภาพยนตร์เหล่านั้นจะขาดทุนหลายต่อหลายครั้ง จนเขาเสียเงินมากมายในการลงทุนไป เพราะมันแทบจะไม่สร้างกำไรกลับมาเลยบริษัทของเขาเพิ่งจะก่อตั้งได้เพียงไม่นาน แล้วมันจะทนต่อสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?เขาสร้างหนี้อีกหลายสิบล้านดอลลาร์ในระยะเวลาอันสั้น เพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของตัวเองต่อหน้าครอบครัว และป้องกันไม่ให้พวกเขารู้ถึงสถานะทางการเงินที่แท้จริงในปัจจุบันของเขา เขาจึงเลือกที่จะไม่กู้เงินจากธนาคาร และไปกู้เงินที่มีดอกเบี้ยสูง จากบริษัทเอกชนแทนเงินที่กู้ยืมมานั้น มาพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากในช่วงเริ่มต้น ชอว์นยังคงสามารถประหยัดอ