เลียมพูดพลางหันหน้าไปทางเกรกอรีลุงเอียนหันมาสนใจที่เขาเช่นกัน ดวงตาของเขาเป็นประกายไปด้วยความอยากรู้กิดเดียนจึงเล่าเรื่องเกี่ยวกับต้นกำเนิดของหยกอาถรรพ์ และความต้องการของพวกเขาให้กับเขาฟังเขาไม่ได้ปิดบังเรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงยังไง ลุงเอียนก็เป็นญาติของตระกูลกริฟฟิน มันคงจะผิดจรรยาบรรณสำหรับพวกเขา ถ้าโกหกผู้ชายคนนั้นเป็นเพราะว่าเกรกอรีกำลังต้องการความช่วยเหลือ เขาจึงต้องตอบแทนด้วยความจริงใจเกรกอรีจึงเลือกที่จะสารภาพออกมาหลังจากได้บอกถึงต้นกำเนิดของหยกอาถรรพ์ และเหตุผลที่พวกเขาต้องการมันแล้ว เกรกอรีก็พูดเสริมว่า “หยกชิ้นนี้เป็นเพียงแค่ของเล่นสำหรับคุณลุง และมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายนัก หากคุณลุงยินดีที่จะแยกชิ้นส่วนของมันออกมา ผมจะให้หยกอีกชิ้นหนึ่งให้กับคุณลุงเป็นการตอบแทน หากมีสิ่งไหนที่คุณต้องการ ผมจะมอบมันให้กับคุณอย่างแน่นอน คุณคิดว่ายังไงครับ?"ลุงเอียนค่อย ๆ หรี่ตาลงเขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าทำไมเลียมถึงได้พาคนจำนวนมากมาพบกับเขาในวันนี้เขารู้ว่าทุกคนที่อยู่ข้างหน้าของเขาในตอนนี้ สามารถโน้มน้าวใครก็ได้ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่พวกเขาต้องการ เมื่อพวกเขา
เขาแนะนำทุกคนให้กับภรรยาของเขาสุดท้ายเขาก็แนะนำผู้หญิงคนนั้นให้พวกเขาได้รู้จัก “นี่ซาร่าภรรยาของฉันเอง”เลียมและเจเน็ตรีบเดินไปข้างหน้า พลางเอ่ยคำทักทายเธออย่างสุภาพ “สวัสดี คุณนายอัลฟูธ”คุณนายอัลฟูธดูเหมือนจะอายุสี่สิบปี แต่สภาพร่างกายของเธอดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่ค่อยดูแลผิวกายของเธอ มันจึงทำให้เธอดูซีดเซียวไปบ้าง แต่เราก็สามารถเห็นได้ว่ารูปร่างหน้าตาจริง ๆ ของเธอยังคงดูดีอยู่ เธอจะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยตั้งแต่ยังเด็กอย่างแน่นอนเธอเผยยิ้มออกมา พลางพูดว่า “ข้างนอกอากาศหนาว ถ้ามีธุระอะไร ก็เข้าไปคุยกันข้างในเถอะค่ะ”พอพูดจบ เธอก็ขยับตัวไปด้านข้าง ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านเมื่อกลุ่มของพวกเขาเข้ามาในบ้าน เครื่องทำความร้อนก็ได้เริ่มทำงาน ทำให้บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยอากาศอุ่น คุณนายอัลฟุธสั่งให้สาวใช้ไปช่วยถอดเสื้อคลุมของพวกเขาออกเพราะความเร่งรีบทั้ง เนลล์ เจนนิงส์ และคนอื่น ๆ ยังคงสวมชุดเดียวกันกับที่พวกเขาได้ใส่ไปงานเลี้ยงอาหารค่ำในก่อนหน้านี้ เว้นแต่ว่าพวกเขาสวมเสื้อโค้ททับไว้อีกหนึ่งตัวโชคดีที่บ้านหลังนี้มีเครื่องทำความร้อน พวกเขาจึงไม่รู้สึกหนาว แม้ว่า
แต่ทว่าเขากลับไม่เคยเห็นชื่อ 'ชอว์น ชาร์ริงตัน' ในรายชื่อของแขกเลย ขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้อยู่ สีหน้าของเลียมก็ดูหม่นหมองลง“ผมไม่เคยเห็นชื่อนี้ผ่านตามาก่อนเลย”เมื่อเขาพูดคำจบ คุณนายอัลฟูธก็ถึงกับตกใจ“มันจะเป็นไปได้ยังไง…”ตอนนี้ดูเหมือนว่าลุงเอียน จะคิดอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา เขาพูดออกมาว่า “ถ้าคุณไม่พูดถึงเรื่องนี้ ฉันก็คงจะไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้ฉันนึกขึ้นได้แล้วว่า วันนี้ฉันยังไม่เห็นชอว์นเลย”เมื่อถึงจุดนี้ความจริงก็เริ่มชัดเจนมากขึ้นเกรกอรีพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ผมเกรงว่าผมคงจะต้องรบกวนคุณนายอัลฟูธให้ติดต่อหลานชายของคุณแล้วล่ะครับ”คุณนายอัลฟูธพยักหน้าทันที“ได้ค่ะ ฉันจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้เลย”ขณะที่เธอพูด เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาชอว์นแต่เมื่อกดโทรออกก็มีเสียงแจ้งเข้ามาว่า โทรศัพท์ที่อยู่ปลายสายนั้นกำลังปิดเครื่องอยู่ทั้งคู่ต่างก็ตกตะลึงในทันที“เขาปิดโทรศัพท์ได้ยังไง? ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะลองโทรไปอีกครั้งหนึ่ง”ขณะที่พูดให้ความมั่นใจกับพวกเขา คุณนายอัลฟูธก็ได้โทรหาชอว์นอีกหลายครั้งแต่ไม่ว่าเธอจะกดโทรออกไปหาเขากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ปลายสายก็ยังปิดเครื่องอยู
แม้ว่าเขาจะทำงานหนักขนาดนั้น แต่ก็ไม่เคยนำเงินกลับมาที่บ้านเลยทั้งคุณนายอัลฟูธและลุงเอียนต่างก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับเรื่องนี้คงเป็นเพราะว่าเขาโตแล้ว และเขาก็มีความคิดเป็นของตัวเอง เขาคงอยากจะเก็บเงินไว้ใช้เอง พวกเขาจึงไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจนั้นดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยถามไถ่ เกี่ยวกับสถานะทางการเงินของเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้ ชอว์นเชื่อในคำมั่นสัญญาของพวกเพื่อน ๆ และลงทุนในโครงการผลิตภาพยนตร์ขนาดใหญ่หลายเรื่องในคราวเดียวไม่มีใครคาดคิดว่าภาพยนตร์เหล่านั้นจะขาดทุนหลายต่อหลายครั้ง จนเขาเสียเงินมากมายในการลงทุนไป เพราะมันแทบจะไม่สร้างกำไรกลับมาเลยบริษัทของเขาเพิ่งจะก่อตั้งได้เพียงไม่นาน แล้วมันจะทนต่อสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร?เขาสร้างหนี้อีกหลายสิบล้านดอลลาร์ในระยะเวลาอันสั้น เพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของตัวเองต่อหน้าครอบครัว และป้องกันไม่ให้พวกเขารู้ถึงสถานะทางการเงินที่แท้จริงในปัจจุบันของเขา เขาจึงเลือกที่จะไม่กู้เงินจากธนาคาร และไปกู้เงินที่มีดอกเบี้ยสูง จากบริษัทเอกชนแทนเงินที่กู้ยืมมานั้น มาพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากในช่วงเริ่มต้น ชอว์นยังคงสามารถประหยัดอ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีอคติกับแฟนสาวของเขาเป็นอย่างมากไม่ว่ายังไงก็ตาม มันก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี ที่ชารอนได้รับการช่วยเหลือกิดเดียนและคนอื่น ๆ จึงไม่มีความจำเป็น ที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เมื่อพวกเขากล่าวคำขอบคุณกับลุงเอียนแล้ว พวกเขาก็จากไปพร้อมกับหยกอาถรรพ์หลังจากปัญหาทั้งหมดผ่านไป เมื่อพวกเขากลับมาที่บ้านกริฟฟิน เวลาก็ได้ล่วงเลยมาถึงตีสองแล้ว เดิมทีวิกกี้และเกรกอรี ตั้งใจจะไม่ไปที่บ้านพักของกริฟฟิน แต่เนื่องจากพวกเขามาถึงที่นี่แล้ว มันคงจะดูเป็นการไร้มารยาทเกินไป ถ้าหากว่าพวกเขากลับไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อวยพรวันเกิดให้ท่านผู้หญิงกริฟฟินพวกเขาจึงไปที่นั่น เพื่อกล่าวคำทักทายกับเธอด้วยเหตุผลนั้น พวกเขาจึงตามคนอื่น ๆ กลับไปที่บ้านกริฟฟินณ เวลานี้ ท่านผู้หญิงกริฟฟินก็ยังไม่ได้นอนถ้ามันเป็นวันธรรมมาดาทั่วไป เธอก็คงจะอยู่บนเตียงไปแล้วแต่ว่าวันนี้มีแขกมาที่นี่มากหน้าหลายตา แม้ว่าจัสติน และคนอื่น ๆ จะต้อนรับ และสร้างความบันเทิง กับฝูงชนที่อยู่ข้างนอกเพื่อเธอแล้ว แต่เธอก็ยังต้องพบปะกับแขกบางคนด้วยตนเองอยู่ดียิ่งไปกว่านั้น เธอรู้ว่าพวกเด็ก ๆ ออกไปข้างนอก แล้วยังไม่ได้กลับมา เธอ
บริเวณโดยรอบเป็นทะเลทรายรกร้างทุกพื้นที่ดูเป็นสีเหลือง และความเขียวขจีแทบจะไม่มีให้เห็น แม้ว่าจะมีความเขียวขจีอยู่บ้าง แต่ก็มีแค่ไม่กี่ที่เท่านั้น แทบจะต้องมองเข้าไปใกล้ ๆ ถึงจะเห็นเนลล์ถอนหายใจออกมา กับความจริงที่ว่าแม่ของเธอได้อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้มาหลายปีแล้วเธอไม่ได้คิดว่ามันเป็นสถานที่ที่แย่ไปซะทีเดียว แต่ลึก ๆ แล้ว เธอก็เข้าใจว่าแม่ของเธอเติบโตขึ้นมาโดยได้รับการเอาใจใส่ ในฐานะของลูกสาวคนโตของครอบครัวมอร์ริสันแม้ว่าเธอจะแต่งงานกับฌอร์น เจนนิงส์ คนที่นอกใจเธอ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะละเลยเธออย่างน้อยที่สุด ในชีวิตของเธอก็ไม่เคยต้องลำบากอะไรแต่ทว่าในทะเลทรายนี้ ไม่ว่าเราจะมีเงินมากแค่ไหน แต่ก็มีทรัพยากรบางอย่างที่ยากจะหามาได้ทันเวลาแม่ของเธอคงจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในการทำความคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ ในช่วงสองสามปีแรกขณะที่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนลล์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อยราวกับว่ากิดเดียนอ่านใจเธอได้ เขาจับมือเธอเอาไว้ พลางพูดออกมาเบา ๆ ว่า “อย่าคิดมากไปเลยได้ไหม?”เนลล์หันไปมองหน้าเขา และพยักหน้าหลังจากนั้นครู่หนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป เ
สิ้นเสียงนั้น ก็มีรูปร่างผอมเพรียวของเคธี่ปรากฏขึ้นมาแม้ว่าจะตกใจไปบ้าง แต่คลื่นแห่งความสุขก็ได้ไหลผ่านเข้ามาที่ใบหน้าของเนลล์"คุณแม่คะ!"เคธี่รู้สึกมีความสุขมากที่ได้เห็นพวกเขาเช่นกันเธอเมินใส่คนใช้ที่กำลังพยุงแขนของเธอเอาไว้ ก่อนจะสะบัดมันออก และรีบวิ่งเข้าไปหาพวกเขา“เนลลี่!”แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอกันแค่สองสามเดือน แต่พวกเขาก็ยังมีความสุขมากที่ได้พบกันอีก พวกเขาจึงโอบกอดกันเอาไว้จนแน่นเนลล์โอบกอดเธอไว้อยู่นาน ก่อนจะยอมปล่อยมือออกในเวลานี้ เด็ก ๆ ตัวน้อยทั้งสองก็ตื่นขึ้นมาในอ้อมแขนของกิดเดียนเด็ก ๆ ขยี้ตาเพื่อดูสิ่งรอบกายในต่างประเทศที่พวกเขากำลังมาถึง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน ขณะที่มองดูคนแปลกหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกเขาน่าแปลกที่เคธี่ไม่รู้สึกถึงความตื่นกลัว ที่เธอมักจะเป็นเวลาที่ต้องเจอกับผู้คนใหม่ ๆ ซึ่งนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าเธอค่อนข้างสบายใจ กับสภาพแวดล้อมปัจจุบันของเธอก็เป็นได้เมื่อเห็นเด็ก ๆ ทั้งสองคนเธอก็ยิ้มออกมา เธออาจจะไม่ได้ดูอบอุ่นเหมือนกับปู่ย่าตายายทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้น เนลล์ก็ยังสังเกตเห็นร่องรอยของความไม่เป็นมิตรได้จากสายตาของเคธี่เ
ในขณะที่เธอกำลังเดินตามเคธี่ไป ความรู้สึกหมดหนทางก็ได้เข้าครอบงำเนลล์ก่อนจะออกไป เธอได้เหลือบมองกิดเดียน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาควรจะดูแลลูก ๆ ให้ดี และอย่าคิดมากกับสิ่งที่แม่ของเธอพูดแน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายที่เธอพยายามจะสื่อนั้นได้ เพราะว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันมานานมากจนรู้ใจกันและกันเป็นอย่างดีเขาพยักหน้าตอบเธอโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยจากนั้นเนลล์ก็ตามเคธี่เข้าไปในที่สวนข้างหลังบ้านเรือนกระจกตั้งตระหง่านอยู่เหนือสวน เพื่อปกป้องพวกต้นไม้จากความร้อนที่มากเกินไปด้วยหลังคาโปร่งแสงเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ต้นไม้ก็จะเติบโตได้เป็นอย่างดี และอุณหภูมิในเรือนกระจกก็สบายพอสมควรเช่นกันพวกเขาเดินผ่านสวนไป และเมื่อพวกเขาเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง เคธี่ก็หันไปหาลูกสาวของเธอ ก่อนจะถามว่า “เธอเจอกับกิดเดียนได้ยังไง? ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าเขาเคยหย่าและมีลูกแล้ว?”เนลล์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นว่าแม่ของเธอกำลังโมโห เธอตอบว่า “แม่คะ มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดหรอกนะคะ นั่งลงและฟังฉันก่อนนะคะ”เธอค่อย ๆ ดึงแขนแม่ของเธอไปที่โซฟา พลางอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอกับกิดเดี