หลังจากที่สเตฟานี่ไปแล้ว นายท่านใหญ่การ์เร็ตต์มองเซลีนด้วยความรักและยิ้มออกมา “เซลีน น้องสาวของหนูมักจะเอาแต่ใจอยู่บ่อย ๆ ได้โปรดอดทนกับเธอและอย่าไปใส่ใจ”เซลีนยิ้มด้วยความเชื่อฟัง “แน่นอนค่ะ ครอบครัวของเราต้องมาก่อน รักษาความสงบเป็นเรื่องที่สำคัญ”ชายชราพยักหน้าด้วยความชื่นชม เมื่อจบบทสนทนานั่นแล้ว คุณคอลลินส์ก็มาพาเขาออกไปมองดูที่ด้านข้าง เนลล์พูดไม่ออก“ฮ่า ฮ่า คุณไม่คิดว่าเซลีนเท่านั้นที่จะใช้กลอุบายเดียวกันกับไม้ตายของเธอ? มักจะเล่นงานเหยื่อและทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ถ้ามันไม่ได้ผลและเธอก็หนีไปทุกครั้ง”กิดเดียนยิ้มออกมาอย่างเย็นชา“ผมเดาว่าผู้คนส่วนมากในโลกตัดสินภาพลักษณ์ของคนด้วยตาของพวกเขาแทนที่จะใช้หัวใจ”เนลล์เลิกคิ้วเธอหันไปมองกิดเดียนและยิ้ม “ฉันสงสัยว่าประธานลีย์คนดีของเราตัดสินภาพลักษณ์ของผู้คนด้วยตาของเขา หรือหัวใจกันนะ?”เมื่อก้มหน้า ริมฝีปากของกิดเดียนก็คลี่ยิ้มที่ทำให้ใว้ใจไม่ได้ “ผมมองที่ผู้คนด้วยตาและมีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่ผมใช้หัวใจของผมมอง”เขาจับมือของเธอแนบกับอกของเขา“ฟังสิครับ หัวใจของผมมีความสุขเพราะคุณนะ!”แก้มของเนลล์ระเรื่อด้วยสีกุหลาบ ไ
ห้องชงชาตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่เนลล์ไม่ได้ใกล้ชิดกับนายท่านใหญ่ พวกเขาไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ขึ้นได้ด้วยการพูดคุยกันในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ชั่วโมงอย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงเสียใจกับข่าวร้ายนี้“คุณลุงรองการ์เร็ตต์ ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ”โจเซฟยิ้ม“ไม่เป็นไร ทุกคนต้องผ่านชีวิตและความตาย นายท่านใหญ่ป่วยและไม่สามารถใช้ชีวิตที่ดีที่สุดได้แล้ว ลุงไม่ควรพูดแบบนี้ในฐานะลูกชายของเขา แต่คงไม่เป็นไรที่จะพูดแบบนี้ในวัยนี้”“เพราะลูกของเธอ สภาพจิตใจของจูลี่ไม่อยู่ในสภาพที่ดีและยังคงไม่สามารถปล่อยวางได้แม้ว่าจะรับเลี้ยงสเตฟานี่แล้วก็ตาม เราสูญเสียเธอไปด้วยโรคซึมเศร้าเมื่อเธออายุได้เพียงสามสิบปี"“สิ่งนี้ยังคงอยู่ในใจนายท่านใหญ่มาโดยตลอด เขายุ่งอยู่กับธุรกิจของครอบครัวมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา และไม่เคยตามหาเด็กจริง ๆ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าเด็กตายหรือยังคงมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เขาใกล้จะถึงจุดสุดท้ายของชีวิตแล้ว เขาไม่ต้องการจากไปด้วยความรู้สึกผิดและพยายามตามหาหาเธอ”“ความจริงคือ มันไม่สำคัญว่าเด็กคนนั้นจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม ตราบใดที่นายท่านใหญ่คิดว่าเธอคือเด็กคนนั้น ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จะ
เจเน็ตพิจารณาถึงสิ่งที่เธอพูดคุยกับเนลล์ก่อนหน้านี้ ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าการเดินทางกลับไปที่จินเฉินเป็นเรื่องจำเป็นเธอเท่านั้นที่สามารถกลับไปได้ ทว่าเด็กไม่ควรเดินทางไปด้วยประการแรก เด็กเพิ่งจะหายป่วยและยังเป็นทารก มีความเป็นไปได้ที่อาการจะกลับมาทรุดลงประการที่สอง เจเน็ตกังวลว่าอีธานจะไม่ยอมรับเด็กเข้าตระกูล เด็กที่เป็นผู้รับจะต้องอยู่ตรงกลางหรือเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างพวกเขาเนลล์ฟังความกังวลของเจเน็ต และเข้าใจความรู้สึกเดียวกันนั้นเนลล์พยักหน้าและพูดขึ้น “เจน ไม่ต้องกังวล ฉันจะดูแลซันนี่อย่างดี กลับไปและจัดการธุระของเธอให้เรียบร้อย ฉันรับรองกับเธอได้เลยว่าลูกของเธอจะอยู่ครบเป็นชิ้นเป็นอันเมื่อเธอกลับมา”เจเน็ตยิ้มด้วยความพอใจ “ฉันไว้ใจเธอ”เธอหยุดชั่วขณะและจ้องมองเด็กคนนั้นด้วยความโหยหาก่อนจะส่งเขาให้กับคาเรน เจเน็ตลุกขึ้นและตอบ “มันดึกแล้ว ตอนนี้ฉันควรต้องไปแล้ว ให้คาเรนอยู่และช่วยเธอดูแลเขา เธอเคยดูแลเด็กและเข้าใจลักษณะอาการของซันนี่ เธอเป็นคนมีประสบการณ์”เนลล์พยักหน้ารับ เธอสั่งให้ป้าจอยซ์ให้เตรียมการสำหรับคาเรนและเด็กก่อนจะลุกขึ้นไปส่งเจเน็ตไป“พรุ่งนี้ไฟล์ทบินข
ทันใดนั้น มาม่าลินด์บลูมก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่องในมือ“ท่านผู้หญิง พบแล้วค่ะ”เธอยื่นกล่องให้ท่านผู้หญิงด้วยรอยยิ้ม เธอเหลือบไปเห็นกล่องไม้จันทร์สีน้ำตาลเข้มแกะสลักด้วยลวดลายที่ซับซ้อน เธอมองแว๊บแรกก็สามารถบอกได้เลยว่ามันต้องมีค่ามากท่านผู้หญิงเปิดกล่องซึ่งเผยให้เห็นผ้าไหมสีอำพัน ที่วางอยู่ด้านบนนั้นเป็นสร้อยคอไพลินที่ดูน่าเอ็นดูเมื่อกะพริบตา ใบหน้าของเนลล์ก็ซีดเผือดลงนี่เป็นเพราะการออกแบบของสร้อยคอดูคุ้นตาด้วย มันดูเหมือน...ท่านผู้หญิงหยิบสร้อยขึ้นมาพลางรำพึงรำพัน “นี่ก็เมื่อนานมาแล้ว ฉันยังสาวเมื่อคุณปู่ของคุณได้ซื้อสิ่งนี้มาจากพ่อค้าของเก่า เราไม่ได้รู้จักกันเป็นเวลานานมาก แต่เขาก็ให้สร้อยเส้นนี้กับฉันเป็นของขวัญวันหมั้นของเรา”“เนลลี่ หนูเป็นเด็กดี ฉันไม่มีอะไรจะให้หนูนอกเสียจากสร้อยคอเส้นนี้ ฉันหวังว่าหนูและกิดเดียนจะเหมือนเรา เพื่อเข้ากันได้ดี สวยงาม และใช้ชีวิตที่สงบสุขอยู่ด้วยกัน”เพราะการขมวดคิ้วทำให้เนลล์ไม่ได้แสดงความดีใจออกมา ความจริงเธอหลงอยู่ในความคิดของเธอเมื่อสังเกตเห็นว่าเธอไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ท่านผู้หญิงแปลกใจและพูดเสียงดังขึ้น “เนลลี่”เนลล์ได้สติกลับม
เป็นวันส่งท้ายปีเก่าทางจันทรคติไม่กี่วันต่อมานี่เป็นวันหยุดเทศกาลทั่วประเทศเนื่องจากทุกคนอยู่ที่เมืองหลวง พวกเขาจึงต้อนรับปีใหม่ร่วมกัน ดังนั้นเนลล์จึงพาลิซซี่และซันนี่กลับไปที่ลีย์ เรสซิเด้น ในช่วงบ่ายแม้จะมีการเฉลิมฉลองปีใหม่ กิดเดียนก็ยังคงอยู่ที่ออฟฟิศตรวจดูเอกสาร เขาสามารถตามกลับมาที่บ้านได้ในภายหลังเนลล์โทรไปบอกเขาล่วงหน้าและบอกให้เขาตรงไปที่ลีย์ เรสซิเด้น หลังจากเขาเสร็จงานแล้ว แทนที่จะกลับไปบ้านที่เฟิงเฉียว วิลล่ามันเป็นภาพของความรื่นเริงในลีย์ เรสซิเด้น และเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่ทุกคนจะมารวมตัวกันเมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่านผู้หญิงมีอารมณ์ดี นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ในอดีต ไม่กิดเดียนอยู่ที่ต่างประเทศก็จีนก็ยุ่งอยู่กับบางอย่าง แม้ว่าพวกเขาจะกลับมาแล้ว มันค่อนข้างไม่น่ายินดีที่จำนวนสมาชิกในครอบครัวมีเพียงปู่ย่าและหลานสองคนทว่าปีนี้ต่างออกไป เมื่อเห็นเปลเด็กไกวอยู่ใกล้ ๆ เธอ หัวใจของท่านผู้หญิงก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น ราวกับว่าความกังวลหลายปีถูกยกออกจากเธอปีใหม่หลังจากนั้น จีนในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลลีย์ ควรกลับบ้านมาที่บ้านเพื่อร่วมงานสำคัญเช่นนี้อย่างไรก็ตาม ด้วยค
ผู้ชายคนนั้นเม้มริมฝีปากของเขา “ผมพูดว่าคุณต้องเรียนรู้วิธีทำ”เขาวางเกี๊ยวที่ห่อแล้วในมือของเขาลงและเดินเข้าไปหาเธอจากด้านหลังของเธอ เมื่อเห็นเธอทำหน้าบึ้งและหงุดหงิดเขาโอบแขนของเขาไว้รอบตัวของเธอ ชายคนนั้นให้แผ่นเกี๊ยวกับเธอและจับมือของเธอขณะที่เขาแนะนำเธอถึงวิธีการทำ“ดูสิครับ อย่ากดตรงนี้แรงเกินไปไม่อย่างนั้นมันจะไม่ขยับ ใช้มือนี้ค่อย ๆ บีบมันให้เข้ารูปแบบขึ้นมา จำความรู้สึกนี้ หมุน จีบ หมุน ครับ มันไม่ง่ายกว่าเหรอ?”เนลล์รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าการห่อเกี๊ยวง่ายดายด้วยวิธีที่เขาสอนให้เธอแบบประชิดตัวกิดเดียนจับมือของเธอเอาไว้และสอนเธอห่อเกี๊ยวแบบเดียวกันหลาย ๆ ครั้ง เมื่อถึงเกี๊ยวตัวที่ห้า เนลล์ไม่สามารถทนนั่งเฉย ๆ ได้ และบอกขึ้น “ขอฉันลองทำเอง”มองด้วยดวงตาเข้ม ชายหนุ่มพยักหน้า “ได้ คุณลองดูนะ”เธอยกกระดาษห่อเกี๊ยวขึ้นมาด้วยความระมัดระวังและจับจีบเบา ๆ ตามความรู้สึกที่เขาสอนให้กับเธอไม่นาน เธอก็สามารถจับจีบเกี๊ยวจนเสร็จแม้ว่ามันจะไม่ได้ออกมาดีเหมือนที่วิธีที่เขาสอนเธอ แต่อย่างน้อยมันก็เรียกว่าเกี๊ยวได้ด้วยความดีใจ เธอคว้าเกี๊ยวและหันมาหาเขาด้วยรอยยิ้ม “ดูสิคะ ฉันทำไ
สถานการณ์ทางฝั่งเจเน็ตดูไม่ค่อยดีนัก ทว่าก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมดสุดท้ายแล้ว อีธานก็ยังคงโกรธอยู่ แต่เขาไม่ยอมรับเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา มากไปกว่านั้น มีอัลริกที่มาทำหน้าที่สะพานเชื่อมระหว่างพ่อและลูกสาว อย่างน้อยก็สามารถนั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารได้สำหรับสัญญา อีธานปฏิเสธที่จะเปลี่ยนความคิด เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะทำให้เธอหงุดหงิดเจเน็ตถอนหายใจในสายโทรศัพท์ ไม่รู้จะหาคำพูดใดที่เหมาะสม เนลล์ทำได้เพียงแนะนำเธอว่าไม่ต้องรีบและค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปนี่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูกสาว สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นเพียงคนนอก เธอไม่สามารถทำอะไรได้ในสถานการณ์แบบนี้เจเน็ตไม่ได้พูดคุยนานนักและวางสายไปในเวลาไม่กี่นาทีต่อมาเนลล์และกิดเดียนเดินเล่นต่ออีกหน่อยก่อนก่อนจะกลับค่ำคืนของงานเลี้ยงเกี๊ยวค่อนข้างรื่นเริงและกลมเกลียวกันแม้ว่าจีนที่ไม่ค่อยฉลาดก็รู้จักควบคุมตัวเองในวันนี้ และไม่ทำให้ท่านผู้หญิงหงุดหงิด บรรยากาศจึงดีตลอดทั้งคืนขณะที่พวกเขาอยู่ดึกสำหรับรอวันปีใหม่ เนลล์และกิดเดียนจึงอยู่ที่ลีย์ เรสซิเด้นพวกเขาตื่นเพราะเสียงประทัดในเช้าวันรุ่งขึ้นลีย์ เรสซิเด้นตั้งอยู่ในตัวเมื
กิดเดียนเองก็รู้ข่าวนี้เช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับความกลุ้มใจของเนลล์ เขากลับใจเย็น“เกรแฮมคนเล็กมีความเชื่อมั่นในตัวเอง เขาจะไม่ยอมก้มหัวให้ครอบครัวของเขา ถ้าเขาทำ นั่นหมายความว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะเป็นอิสระและความมุ่งมั่นตั้งแต่ต้น อย่างไรเขาก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้แต่งงานกับเซลีนก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผลประโยชน์ร่วมกัน แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลยจริง ๆ “ทว่าเนลล์ก็ยังคงกังวล“แต่เธอ...”เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเธอ กิดเดียนก็บีบฝ่ามือของเธอเบา ๆ “ไม่ต้องกลัวนะ” เขากระซิบบอก “ทั้งเกรแฮมและลีย์เราอยู่คนละฝั่งกันแล้ว สำหรับผู้หญิงคนนั้นที่ทำแบบนั้นกับคุณ พวกคุณไม่สามารถหยุดต่อสู้และเป็นเพื่อนกันได้อีกไม่ว่าเธอจะแต่งงานกับเกรแฮมคนสุดท้องหรือไม่ก็ตาม เธอยังคงเป็นศัตรู มันไม่ส่งผลกระทบต่อคุณ ไม่ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันหรือไม่”เนลล์เงยหน้าของเธอขึ้นและจ้องมองไปที่เขา สัญญาณของความทุกข์คลี่คลายลง จากการที่เธอคลายจากการขมวดคิ้ว“มันจะไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหมคะ? คุณสามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียวใช่ไหม ถ้าการ์เร็ตต์และเกรแฮมรวมเข้าด้วยกัน?”กิดเดียนยิ้มเขาเอื้อม