เสียงฝีเท้าของสาวใช้ได้ยินเข้ามาถึงในห้อง มีคนหยุดอยู่หน้าประตูและถามขึ้นเสียงเบา “คุณหนู คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”เจเน็ตชะงักนิ่งสาวใช้ต้องได้ยินเสียงความวุ่นวายและรู้สึกเป็นห่วง ดังนั้นเธอจึงมาหาเจเน็ตจ้องมองไปที่ผู้ชายคนนั้นและบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้เขาปล่อยเธออย่างไรก็ตาม เลียมแสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางของเธอ เขาจับเอวของเธอและกดให้พิงกับประตูเจเน็ตไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ดังนั้นเธอจึงตอบกลับสาวใช้ “ทุกอย่างเรียบร้อยดี”สาวใช้รู้สึกสงสัย ทว่าเธอก็ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านี้แล้วและจากไปเมื่อสาวใช้ไปแล้ว เจเน็ตจ้องมองไปที่เขาอีกครั้ง และพูดขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด “นายจะไม่ปล่อยฉันไปเลยใช่ไหม?”เลียมมองเธอด้วยท่าทางที่สงบลงแทนที่จะปล่อยเธอไป เขาขยับเขามาให้ใกล้มากขึ้นทำให้ช่องว่างระหว่างพวกเขาแคบลงไปอีกหัวใจของเจเน็ตสั่นระรัวขณะที่เธอรู้สึกความอึดอัดที่บีบบังคับอย่างรุนแรง โดยสัญชาตญาณ เธอขยับศีรษะของเธอไปด้านหลังทันใดนั้นเอง เลียมก็หัวเราะขึ้นเบา ๆ“เจน เธอมีฉันอยู่ในใจ”เจเน็ตสั่นสะท้านราวกับว่าเขามั่นใจในเรื่องนี้ เลียมเอื้อมมือออกไปจับคางของเธอและบังคับให้เธอมองมาที่เขา ค
เจเน็ตร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาของเธอราวกับลูกปัดที่ร่วงหล่นลงมาตามแนวแก้มของเธอเธอรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเธอหนักอึ้งเหลือเกิน เธอรู้สึกเป็นทุกข์อยู่ในอกและความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างของเธอส่งผลให้ร่างกายของเธอสั่นสะท้านเลียมถอนหายใจและกอดเธอเอาไว้เสียงสะอื้นของเจเน็ตรุนแรงขึ้น เธอดึงเสื้อของเขาและซบใบหน้าของเธอลงบนแขนของเขา ขณะที่เธอร้องไห้ราวกับเด็กผ่านมาห้าปีแล้ว เป็นเวลาสี่ปีที่พวกเขาห่างกัน และมีค่ำคืนที่ไร้ซึ่งการหักห้ามใจเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ต่อมาเธอก็ให้กำเนิดซันนี่เธอเบื่อหน่ายที่จะต้องทะเลาะและยุ่งเกี่ยวกับเลียมเธออยากจะเลิกมันไปให้หมด ปัจจุบันนี้ เธอแค่อยากไปสักที่ที่ห่างไกลกับลูกเธอและอาศัยอยู่เงียบ ๆ เธอไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อีกแล้วด้วยเหตุนี้เธอจึงยอมทิ้งสถานะของเธอในฐานะลูกสาวของตระกูลแฮนค็อกและพ่อเธอที่เธอรักถึงอย่างนั้นเลียมกลับเสนอข้อเสนอนั้นขึ้นมาในเวลานั้นเขามีความตั้งใจอื่นแอบแฝงอยู่หรือเปล่า?เขาต้องการไม่ให้เธอใช้ชีวิตที่ดีด้วยการตอบแทนหลังจากที่ทำร้ายเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ยอมทิ้งความหวังในตัวเขาอย่างสิ้นเชิ
เขาพยักหน้าและมองไปที่เธอ เจเน็ตควบคุมตัวเองไว้และบ่นออกมา “การขอแต่งงานครั้งนี้ไม่เห็นจะโรแมนติกเอาซะเลย งานแต่งงานก็ไม่มี ดังนั้นฉันจะไม่ยอมรับมันหรอก อย่ามาเพ้อฝันไปหน่อยเลย”เลียมตอบด้วยการยักไหล่อย่างไม่สนใจไยดี “ไม่เป็นไร ตราบใดที่กฎหมายยังรองรับอยู่”เจเน็ตพูดอะไรไม่ออกในไม่ช้า รถก็มาถึงสนามบินเจเน็ตรู้สึกลังเลเมื่อเห็นตั๋วเครื่องบินที่เลียมเตรียมเอาไว้ให้เธอเธอนึกถึงปฏิกิริยาของพ่อของเธอเมื่อเขากลับถึงบ้าน และรู้เรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้ว เธอก็ยังคงไปขึ้นเครื่องบินกับเลียมเธอรู้ว่าไม่สามารถหันหลังกลับไปได้แล้วหลังจากตัดสินใจเรื่องนี้แม้ว่าเธอจะพูดว่าเธอปฏิเสธที่จะยอมรับการแต่งงาน ทว่าลึก ๆ แล้วเธอเองก็เห็นด้วยเธอเห็นด้วยกับการจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้อง และเธอก็เต็มใจเซ็นชื่อของเธอลงไป เธอยอมรับในเสียงที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจของเธอเช่นกันเป็นเวลา 16:00 น.แล้ว ตามเวลาที่พวกเขามาถึงที่เมืองหลวงเจเน็ตไม่ได้รับโทรศัพท์ใด ๆ บนเครื่องเนื่องจากเธอปิดโทรศัพท์อย่างไรก็ตาม โทรศัพท์ของเธอเริ่มดังไม่หยุดเมื่อเธอลงจากเครื่องบินเป็นทั้งอีธานและอัลริกที่โทรเข้ามาเ
เลียมสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเธอและหรี่ดวงตาของเขาลงหยอกล้อ“เธอกำลังมองอะไรอยู่เหรอ คุณนายแจ็คแมน?”เขาถามขึ้นขณะที่เช็ดผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนูเจเน็ตหน้าแดงและแกล้งไอออกมาแก้ความเขินอาย จากนั้นเธอก็ทำหน้ามุ่ยและพึมพำตอบ “ใครจะไปอยากมองนาย? นายมันเด็กไร้ยางอาย!”จากนั้นเธอก็หันหลังและแกล้งทำเป็นไม่สนใจเขายิ่งเธอพยายามทำตัวเหมือนหวงเนื้อหวงตัวมากเท่าไร เธอก็ยิ่งแสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมาทันใดนั้น เลียมก็อารมณ์ดีขึ้นมา ความเคร่งขรึมในตัวเขาหายไปเขาเช็ดผมให้แห้งพลางถอดผ้าเช็ดตัวออกแล้วปีนขึ้นไปบนเตียงเจเน็ตรู้สึกแปลก ๆ เมื่อความรู้สึกอบอุ่นเริ่มโอบรอบตัวของเธอเอาไว้เธอตกใจและลุกขึ้นนั่งตัวตรงเพื่อมองไปที่ชายคนนั้นที่ยกผ้าห่มขึ้นเธอกรีดร้องออกมา “นายทำอะไร?!”เขาเลิกคิ้วอย่างซื่อ ๆ “กำลังจะนอน”เจเน็ตจ้องมองเขา “นายไม่มีห้องนอนของนายหรือไง? นายไม่ไปนอนที่ห้องของนายเหรอ?”เลียมส่ายหัวของเขาและอธิบายอย่างอดทน “ก่อนหน้านั้นเรายังไม่ได้แต่งงานกัน ดังนั้นเราจึงต้องแยกห้องนอนกัน แต่ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เธอเคยเห็นคู่รักนอนแยกห้องกันหรือไง?”เจเน็ตเงียบเธอรู้
สุดท้ายแล้วเนลล์ก็รู้ว่าเจเน็ตต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เธอด่าผู้ชายคนนี้มาโดยตลอด เธอสงสัยว่าเขาเป็นใครและเขาขาดความรับผิดชอบเพียงใดที่ละเลยลูกของเขาและทิ้งเจเน็ตไว้ตามลำพังสีหน้าของเนลล์หดหู่เมื่อเธอมองเลียมแม้จะรู้ว่าปัญหาและความขัดแย้งบางอย่างยังคงพัวพันอยู่รอบตัวของพวกเขา ทว่าเนลล์ก็ยังพูดเชิงต่อต้านอยู่เล็กน้อยเลียมไม่ได้รังเกียจ เขารู้ว่าเนลล์และเจเน็ตเป็นเพื่อนสนิทกัน เขาจึงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเนลล์หลังจากไปรับซันนี่แล้ว เลียมก็พาเจเน็ตกลับบ้าน เนลล์ไม่ค่อยพอใจนักที่เจเน็ตอยู่กับเลียม แต่สุดท้ายแล้วมันคือปัญหาส่วนตัวของเพื่อน และเธอก็ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวโชคดีที่เจเน็ตได้สัญญาของเธอกลับมาแล้ว เธอเตรียมที่จะคัมแบ็คในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ด้วยความช่วยเหลือของอัลริก สัญญาที่ลงนามภายใต้บริษัทแฮนค็อกอาจจะเป็นโมฆะ ทว่าอีธานก็แทบจะเป็นบ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขารู้ว่าลูกสาวของเขาแต่งงานโดยไม่ได้แจ้งให้เขาทราบล่วงหน้า เขาเคยประกาศด้วยซ้ำว่าใครก็ตามที่กล้าเซ็นสัญญากับเธอจะต้องเป็นศัตรูกับแฮนค็อก!มีความเป็นไปได้มากว่าอีธานต้องการขัดขวางเธอ
เนลล์เม้มริมฝีปากของเธอ เธอคิดไตร่ตรองและตอบตกลง“ได้ เข้ามา”สเตฟานี่ไปจอดรถของเธอเอาไว้ข้างหลังรถของเนลล์ จากนั้นก็ขึ้นมานั่งบนที่นั่งของผู้โดยสารบนรถของเนลล์เนลล์รู้สึกอึดอัดใจ มันเป็นครั้งที่สองที่เธอบังเอิญมาเจอกับปัญหาของสเตฟานี่และจัสตินถ้ามันเกิดขึ้นถึงสองครั้ง มันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกต่อไป เนลล์ได้เจอกับคนทั้งคู่ถึงสองครั้ง เธอคงจะไม่เชื่อว่ามันเป็นความบังเอิญเหมือนกันนับประสาอะไรกับสเตฟานี่“คุณการ์เร็ต คุณต้องการจะคุยอะไรกับฉัน?”แม้ว่าเธอจะรู้เรื่อง ทว่าเนลล์ก็ยังคงถามคำถามแทนที่จะหันมาพูดกับเนลล์ สเตฟานี่มองไปข้างหน้าด้วยท่าทางเย็นชาและพูดขึ้น “คุณได้ยินที่พวกเราคุยกับก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”“อะแฮ่ม!”เนลล์ไออย่าเก้ ๆ กัง ๆ และอธิบาย “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ จริง ๆ ฉันกำลังจะขับรถออกไปแต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะอยู่ที่นั่น”สเตฟานี่มองเธอด้วยท่าทางเยาะเย้ย“แบบนั้น คุณก็ได้ยินทุกอย่างใช่ไหม?”เนลล์พูดอะไรไม่ออกเธอไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ทำหน้าบึ้งหลังจากเห็นท่าทางที่สเตฟานี่พูดกับเธอ เธอตอบกลับไป “ใช่ ฉันยอมรับว่าฉันได้ยินทุกอย่าง แต่ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องของคุณไม่เกี่
เนลล์นำชามซุปที่ป้าจอยซ์เตรียมเอาไว้ให้กิดเดียน เพราะว่าเนลล์รู้สึกไม่ค่อยสบาย และมักจะรู้สึกหนาวอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งกิดเดียนก็ยุ่ง ป้าจอยซ์จึงทำซุปให้พวกเขาเพื่อบำรุงร่างกายเนลล์ทานไปบ้างแล้ว ดังนั้นเธอจึงนั่งลงข้าง ๆ กิดเดียนเพื่อเป็นเพื่อนเขา เธอดูขณะที่เขาดื่มซุปและพูดขึ้น “ฉันพนันได้เลยว่าตอนนี้พวกการ์เร็ตต์กำลังยุ่งด้วยอาการป่วยของนายท่านใหญ่”กิดเดียนหัวเราะออกมาด้วยความเย็นชา“ไม่ใช่แค่ยุ่งครับ แต่วุ่นวายสุด ๆ “เนลล์ยิ้ม “ตระกูลการ์เร็ตต์มีลูกมากมายค่ะ คุณลุงการ์เร็ตต์และคุณลุงรองการ์เร็ตต์เป็นลูกคนละแม่ บวกกับพวกเขามีกลุ่มและผู้สนับสนุนตัวเอง เป็นปกติที่ความขัดแย้งระหว่างพี่น้องจะดำเนินต่อไป แต่โชคดีที่นายท่านใหญ่การ์เร็ตไม่เป็นไร ฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะเตรียมการที่จำเป็นสำหรับงานศพของนายท่านเพื่อเห็นแก่ตระกูล เพื่อให้การต่อสู้และการขัดแย้งไม่เลวร้ายจนเกินไป”กิดเดียนพยักหน้า “ผมก็หวังเช่นนั้น”เขาหยุดไปชั่วขณะราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้พลางเหลือบมองไปที่เนลล์เนลล์เลิกคิ้วขึ้น“มีอะไรคะ?”“ไม่มีอะไรครับ”กิดเดียนพบว่ามันตลกและหัวเราะขึ้นเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ
เซลีนพยักหน้ารับ“คุณปู่ หนูเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง และมีหลายสิ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น หนูกลัว...”ท่าทางของนายท่านใหญ่การ์เร็ตต์ดูซึมลง“นั่นคืออดีต อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป หนูอย่าไปจมอยู่กับมัน เกรแฮมคนเล็กเป็นคนใจกว้างและเขาก็ไม่ได้รังเกียจหนู ดังนั้นหนูไม่ต้องกังวลเรื่องนี้”เซลีนกัดริมฝีปากของเธอและส่ายหัวด้วยความแน่วแน่“ไม่ มันเป็นความผิดของหนูทั้งหมด ถ้าหนูไม่ไปเจอคนผิดและรู้เรื่องของคุณพ่อและคุณย่าก่อนที่ผลจะออกมาแตกต่างแบบนี้ แม้ว่าหนูจะกลับมาที่ตระกูลการ์เร็ตต์แล้ว หนูรู้ดีว่าใคร ๆ ก็คิดว่าอดีตของหนูเป็นตราบาป”“หนูอายค่ะคุณปู่ ทำไมหนูต้องสร้างปัญหาให้คนอื่นด้วย? มันจะยุติธรรมพอถ้าหากนายน้อยเกรแฮมใส่ใจ แต่เขาไม่และเขาก็ใจดีมาก นี่ก็เป็นเหตุผลมากพอแล้วที่หนูจะไม่ทำร้ายเขาและปล่อยให้ใคร ๆ ฉีกหน้าเขาด้วยการพูดว่าเขาแต่งงานกับลูกสาวของฆาตกร หนูทำไม่ได้!ขณะที่เซลีนพูด เธอปิดใบหน้าของเธอเอาไว้พลางสะอื้นนายท่านใหญ่การ์เร็ตต์โกรธมากจนสีหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึก และบรรยากาศภายในห้องก็ตึงเครียดขึ้นหลังจากนั้นไม่นานเขาก็คำรามขึ้น “พวกสวะ! ใครคือลูกสาวของฆาตกร?