เนื่องจากเซซิลคนที่สี่ไม่มีร่มติดตัว เขาจึงเปียกโชกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเพราะฝนที่ตกลูซี่และแม่ของเธอประหลาดใจที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ก่อนที่พวกเธอจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชายคนนั้นรีบเข้าไปในบ้านและเริ่มคุ้ยหาเงินแม่และลูกสาวทั้งสองต่างตกใจกลัวเขาอย่างมาก แม้จะไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็กลัวเกินกว่าจะถาม ในขณะที่เขาดูเหมือนกำลังจะคลุ้มคลั่งเซซิลคนที่สี่แทบจะพลิกบ้านหา แต่เขาก็ยังหาเงินไม่เจอ เขารีบวิ่งไปคว้าเสื้อผ้าของแม่เธอและถามว่า “เงินอยู่ที่ไหน? คุณซ่อนเงินไว้ที่ไหน?”ในตอนนี้ลูซี่ก็รู้แล้วว่าเซซิลที่สี่ติดยานี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกทุกคนรู้ดีว่าคนติดยาจะไม่มีสติสัมปชัญญะดังนั้น ลูซี่จึงยิ่งหวาดกลัวเธออายุสิบห้าปีในตอนนั้นโชคดีที่แม่ของเธอฉลาด และเพื่อป้องกันไม่ให้เซซิลที่สี่ทำร้ายเธอ เธอจึงส่งเธอไปโรงเรียนประจำในตัวเมืองโรงเรียนใช้รูปแบบการจัดการแบบปิด ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ครอบครัวจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเว้นแต่เป็นกรณีพิเศษเธอและแม่ของเธออาศัยอยู่ด้วยความหวาดกลัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาร่างกายของแม่ของเธอก็ทำงานอย่างหนักในปีเ
ก่อนหน้านี้ เจด้าคิดเสมอว่าโจเอลเป็นเพลย์บอย และจะไม่มีวันปักหลักอยู่กับผู้หญิงคนไหนแน่ ๆเธอยอมรับความจริงนั้นได้ ตราบใดที่เธอได้เป็นภรรยาคนที่สองของตระกูลฟอสเตอร์ในที่สุดก็มาถึงในวันนี้ว่าเธอนั้นคิดผิดมาตลอดคนอื่น ๆ อาจไม่สามารถรู้อะไรได้ แต่เธอสังเกตเห็นว่าโจเอลตกหลุมรักผู้หญิงคนนั้นทำไมกัน?ทำไมผู้ชายทิ้งเธอไปทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับหันไปสนใจผู้หญิงคนอื่นเธอด้อยกว่าลูซี่ตรงไหน?เจด้าปฏิเสธที่จะยอมรับกับชะตากรรมนี้!ต้นกำเนิดแห่งความไม่มีความปรองดองและความขุ่นเคืองฝังลึกอยู่ภายใน เกิดเป็นประกายไฟเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถทำให้ไฟลุกโชนได้เธอกัดฟันกำหมัดแน่น และจ้องไปที่รูปภาพบนหน้าจอของเธอสักพักก่อนเธอจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ เจด้าหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรออก“สวัสดี ช่วยฉันหาคนให้สักคนสิ ให้เขาจัดการบางอย่างให้ฉัน...”ในขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่งลูซี่ไม่รู้ว่าเจด้ากำลังจับตาดูเธออยู่ซูซานให้ลูซี่หยุดหลายวัน ในไม่ช้าเธอก็จะได้ร่วมกองถ่ายหนังสือสวนสอบสวนแนวตลกร่วมกับไซมอนหลังจากนั้นดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะใช้เวลาสองสามวันนี้กับแม่ของเธอที่อยู่ในโรงพยาบาลโ
“ฉันคิดว่าเขาค่อนข้างหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาอาจจะไม่อยากถูกรบกวนด้วยการไปงานเทศกาลภาพยนตร์”เนลล์ขมวดคิ้วเทศกาลภาพยนตร์นี้อาจมีความสำคัญ แต่กาเร็ธในฐานะผู้กำกับที่มีชื่อเสียง ไม่ได้อยากถูกเปิดเผย และไม่ต้องการมัน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ว่าเข้าจะเข้าร่วมหรือไม่อย่างไรก็ตาม...เขาต้องการถ่ายทำภาพยนตร์แนวไซไฟอย่างนั้นเหรอสิ่งนี้หมายถึงอะไร?ทุกคนรู้ว่าภาพยนตร์ไซไฟที่ผลิตในประเทศโดยปกติแล้วมันเป็นสิ่งที่อันตรายภาพยนตร์เรื่องแนวนี้ล้มเหลวทุกครั้ง และไม่มีใครประสบความสำเร็จเลยในช่วงไม่กี่ครั้งที่ผ่านมานี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชม ผู้กำกับ นักแสดง หรือนักลงทุนในประเทศ พวกเขาสูญเสียความหวังทั้งหมดกับเรื่องนิยายวิทยาศาสตร์มันไม่ใช่ปัญหาของพรสวรรค์ของผู้กำกับหรือทักษะการแสดงของนักแสดง แต่เป็นสาระสำคัญที่ของเทคนิค ความก้าวหน้าในปัญหานี้ไม่น่าจะได้พัฒนาขึ้นในเร็ว ๆ นี้กาเร็ธกำลังบอกว่าเขาต้องการถ่ายทำภาพยนตร์นิยายวิทยาศาสตร์?เขาเสียสติไปแล้วหรือไง?เนลล์รู้สึกปวดหัวและนวดขมับ ก่อนจะถามไคลีว่า “เธอได้ยินเขาพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”ไคลีอยู่ในความคิดของเธอ พยายามนึ
“หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเขา มันทำให้ผมประทับใจ จากนั้นผมพึ่งรู้ว่าเขาเป็นเสาหลักของผู้กำกับในประเทศจีน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงนับถือในตัวเขา”กาเร็ธพูดประโยคที่มาร์คัสเคยพูดขึ้นมาให้เนลล์ฟังอีกครั้งทำให้เนลล์ถึงกับอีกเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากของผู้กำกับหนุ่มเขาพูด “โดยปกติแล้ว ตะวันตกมีชัยเหนือกว่าตะวันออกในด้านของหนังไซไฟอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเราอยากจะยอมแพ้หรอก แต่เพราะว่าเราไม่มีเทคนิคที่สมบูรณ์แบบและความคิดสร้างสรรค์มากพอที่สามารถใช้ในระยะยาวได้ แต่เขาก็มีความหวังที่จะเป็นคนแรกที่จะพังกำแพงพวกนั้นและเป็นคนสร้างหนังไซไฟในตะวันออกให้เข้าตาชาวตะวันตกได้ จากนั้นชาวตะวันออกจะเป็นที่ขนานนามทั่วโลกว่าสามารถทำหนังไซไฟที่ยอดเยี่ยมขึ้นมาได้เช่นเดียวกัน”ในขณะนั้น ทั้งออฟฟิศก็ตกอยู่ในความเงียบชั่วชณะเนลล์ที่กำลังนั่งพิงเก้าอี้โดยที่ไม่ชำเลืองมองที่ไหนเลยแทนที่จะเร่งรัดเธอ กาเร็ธทำรายการงบประมาณพร้อมกับข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นและวางไว้ด้านหน้าของเธอเนลล์ตอบกลับ หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก “ฉันขอเวลาคิดเรื่องนี้ก่อนนะ คุณกลับไปได้แล้ว”อ
แน่นอนว่ากาเร็ธไม่คิดจะปฏิเสธ เขาพยักหน้า “ได้ครับ ตกลง”ดังนั้นทั้งสามคนหาพื้นที่ในคืนนั้น เพื่อที่จะนัดคุยเกี่ยวกับโปรเจกต์บทสนทนาดำเนินการอย่างเรียบง่ายกาเร็ธไม่ได้ส่วนร่วมในโครงการนี้อย่างที่เขาตั้งใจเขารู้ว่าเนลล์จะต้องยอมแบกรับความเสี่ยงหากเธอลงทุนในโปรเจกต์นี้ และความจริงที่ว่าเขาญาติของกิดเดียนที่ไม่มีความสำคัญพอที่จะลงทุนด้วยดังนั้นเขาจึงดำเนินการเรื่องนี้ด้วยความสุจริตทั้งสามพูดคุยกับเป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนที่จะได้ข้อสรุปตามความเข้าใจอย่างถี่ถ้วน เนลล์รู้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงแต่มันโอกาสที่ควรค่าแก่การเสี่ยงอย่างที่กิดเดียนพูด ถ้าอันนิง อินเตอร์เนชั่นเนล ไม่ตกลงกับความลงทุนที่สูง และการทำงานที่เสี่ยงมากขนาดนี้ นักลงทุนรายอื่น ๆ คงไม่ยอมตะลุยไปกับมันแน่นอนการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมย่อมมีจุดสูงสุดของมัน แต่มันมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับไว้ในท้ายที่สุด เนลล์อนุมัติโปรเจกต์นี้ที่ถูกเสนอโดยกาเร็ธในเมื่อเธอต้องบินไปทำธุรกิจบางอย่างในสัปดาห์ถัดไป เธอจึงจัดสรรเงินส่วนหนึ่งให้เขาล่วงหน้า และจะจ่ายส่วนที่เหลือให้เขาหลังจากที่เธอกลับมาเรื่องนี้เป็นอันตกลง
นอกจากนี้ ใครกันที่มีชีวิตโดยที่ไม่มีอดีต? ใครที่ไม่มีความลับปิดบังอยู่บ้างตราบใดที่เธอมั่นใจว่ากิดเดียนรักเธอแค่คนเดียว เธอก็พอใจแล้วในขณะเธอคิดแบบนี้ ริมฝีปากของเนลล์ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจในขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่งภายในห้องทำงานแสงที่สลัวภายในห้อง กิดเดียนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งหนังหลังโต๊ะ สีหน้าของเขาดูเศร้าหมองขณะที่เขาเอนตัวพินเก้าอี้การสนทนาทางวิดีโอกำลังดำเนินการบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผู้ชายที่ปรากฏอยู่ปลายสายกำลังพูดบางอย่างด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่อง อย่างไรก็ตามตลอดเวลาการสนทนา กิดเดียนได้เพียงฟังอย่างเดียวโดยไม่ตอบหลังจากชายคนนั้นพูดมามากกว่าสิบนาทีและทำงานของเขาเกือบจะเสร็จ เขาถามอย่างช่วยไม่ได้เมื่อกิดเดียนไม่ยอมตอบเขา “กิดเดียน แซม ลีย์ เมื่อไหร่ที่คุณจะจัดการคนพวกนั้นสักที? มันยากสำหรับการทำงานของเราโดยที่คนของคุณยังอยู่ อีกอย่างพวกเราไม่อยากจะเปิดเผยตัวจนของคุณ แต่ในเมื่อคนของคุณยังอยู่ เราไม่มีทางเลือกนอกจากเปิดเผยตัวตนของคุณ!” กิดเดียนนั่งนิ่งพร้อมหรี่ตาลง นั่งเรียวยาวของเขาถูกวางลงบนที่พักแขนและค่อย ๆ เคาะลงอย่าเบามืออีกฝ่ายดูเหมือนจะหมดความอดทนอีกเช่นกัน
กิดเดียนถูกเนลล์อ่อยถูกครั้งที่เธอเข้าใกล้เขาเขาเอื้อมแขนของเขาไปกอดรอบเอวของเธอและดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดของเขา“เนลลี่ อย่าประเมินความแข็งแรงของคุณเธอน้อยไป”เขาค่อย ๆ โน้มหัวและยิ้ม ในขณะที่เขาพูดเสียงต่ำและแหบแห้งลมหายใจที่อุ่นของเขากระทบกับใบหน้าของเธอดูเหมือนจะทำให้เธอตื่นเต้นด้วยเหตุผลบางอย่าง เนลล์เขินถึงแม้ว่าสามีของเธอจะไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากพูดประโยคนั้นใบหน้าที่เรียวเล็กของเธอประกายความอมชมพูขึ้นมา ราวกับแสงของตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า เธอดูสวบและสง่างามมากกิดเดียนยิ้มพร้อมกับโน้มหัวของเขา และจูบเธอที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยนเนลล์ตัวแข็งและรู้สึกราวกับครึ่งหนึ่งของร่างกายเธอกำลังชาก่อนที่จะเขาจะทำอะไรมากกว่านี้ เนลล์หยุดเขา “อย่านะ ยังมีคนอื่นอีกนะที่ยังอยู่ในบ้าน!”ยังมีแม่บ้าน และเด็กสองคนที่อาศัยอยู่กับพวกเขาแม้ว่าเด็ก ๆ จะหลับไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าพวกเขาจะตื่นขึ้นเมื่อไหร่กิดเดียนเข้าใจเช่นกัน นอกจากจะด่าคนอื่นอย่างเงียบ ๆ ที่อาจจะทำให้เสียอารมณ์ เขาก็ยังก้มตัวและอุ้มเนลล์ขึ้นมาเนลล์ตกใจในการกระทำที่กระทันหันของเขา เธอโอบคอมของเขาอ้าปากค้าง
ไม่นาน เนลล์ก็สามารถถอดรหัสได้เธอดาวน์โหลดอีเมลและอ่านเนื้อหาทั้งหมดภายในอีเมลมีคำอธิบายเฉพาะของสมาคมจีน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกก่อนที่อาวุโสเคจะเสียมีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ถ้าเธอสามารถชี้เน้นประเด็นสำคัญที่น่าสงสัย ขอบเขตของการสืบสวนคงมีขนาดใหญ่แต่ถึงอย่างไร ใครที่เป็นคนส่งอีเมลฉบับนี้มา คงเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการสืบสวนก็สำคัญเหมือนกัน ดังนั้นแทนที่จะพูดถึงชื่อของผู้ต้องสงสัยที่ไม่อยากจะถูกเกี่ยวโยง จึงหันมาเน้นเพียงแค่ไม่กี่คนที่เกี่ยวข้องกับอาวุโสเคเท่านั้นดีกว่าเนลล์ไม่สนใจผู้ต้องสงสัยคนอื่น ๆ และมุ่งความสนใจต่อคนใดคนหนึ่งชายคนหนึ่งมีใบหน้าผอมแห้งและซีดเซียว เขาไม่สูงมาและคงจะสูงประมาณ 1.74 เมตร ถึง 1.75 เมตร เขาสวมใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีดำ เขาหัวโล้น และดูค่อนข้างซีดใบหน้าของเขาดูไม่มีเนื้อมากและมีลักษณะคล้ายคนเอเชียทั่วไป เขาไม่ได้ดูดึงดูดมากเกินไปและไม่น่าเกลียด เป็นเป็นคนที่สามารถกลมกลืนกับฝูงชนได้อย่างง่ายดายมากไปกว่านั้น คงเป็นสายตาของเขาที่ดูไม่ปกติสายตาคู่นี้ดูไม่ธรรมดา ชายคนนี้ผอมแต่ดวงตาของเขาไม่ได้มีสุขภาพที่ย่ำแย่ ในทางตรงกันข้าม สายตาของเขาเ