หลังจากเจนทำงานเสร็จเธอก็เดินกลับบ้านคนเดียวในตอนกลางคืนตามปกติซูซี่จะไม่มีทางไปทำงาน และกลับพร้อม ๆ กับเธอแน่นอนเมื่อเจนกลับมาถึงหอพัก เธอก็ต้องรู้สึกประหลาดใจที่เห็นไฟในห้องนั่งเล่นเปิดอยู่ ซูซี่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นนั้นและเล่นโทรศัพท์ของเธออยู่เมื่อเจนเข้ามาในห้องซูซี่ก็วางโทรศัพท์ของเธอลงทันที และยืนขึ้น“กลับมาแล้วเหรอ?”เจนรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น โดยปกติแล้วซูซี่จะหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอนของเธอและคงนอนหลับไปแล้ว แต่วันนี้เธอนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เธอกำลังรอเจนอยู่หรือเปล่านะ?"อืม" เจนปกติเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรอยู่เป็นทุนเดิมกล่าวตอบซูซี่สั้น ๆ ในช่วงสามปีที่เธออยู่ในคุกชีวิตของเธอก็ไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงมากนักความเงียบจึงกลายมาเป็นโหมดปกติของเธอ“ฉันได้ยินมาว่ามีลูกค้าถามหาเธอในห้องวีไอพีที่ชั้นหก เขาคือใคร?"ซูซี่กำลังพยายามพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเธออยู่ใช่ไหมนะ? เจนเงยหน้าขึ้นมองซูซี่ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองอย่างไม่เห็นคุณค่า…ใช่ราวกับว่า“ลูกค้าใหม่” เจนพูดช้า ๆ ในใจของเธอรู้ดีราวกับว่าเธอสามารถเข้าไปในความคิดของซูซี่ได้ สิ่งที่ซูซี่อยากถามจริง ๆ แล้วค
ไม่มีใครคาดคิดว่าไฮด์ จะถามเรื่องนี้ขึ้นมาแม้แต่อากาศก็ดูเหมือนจะเยือกเย็นขึ้นในเพียงแค่ชั่วพริบตา อย่างน้อยที่สุดเส้นขนทั้งหมดบนร่างกายของซูซี่ก็ลุกซู่ เพราะความกังวลใจของเธอเอง"หืม? สิ่งที่เธอพูดมันจริงหรอเจน"ใช่ หรือ ไม่ เพียงแค่คำเดียวเจนเพียงแค่ต้องอ้าปากพูดออกไปเธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าซูซี่จ้องมองเธออย่างกังวล และตื่นตระหนกเธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองไปที่ ไฮด์ ปากของเธอเปิดขึ้น ริมฝีปากของเธอโค้งเป็นรอยยิ้ม "ใช่ค่ะ"เสื้อผ้าที่หลังของซูซี่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งขี่รถไฟเหาะ…เธอคงไม่อยากสัมผัสความรู้สึกนั้นอีกแล้ว ไม่อีกตลอดชีวิตเธอมองเจนด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ผู้หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกกดดันที่มองไม่เห็น และความรู้สึกละอายซูซี่อาจไม่เคยสังเกตว่า ยิ่งเธอดูถูกเจนมากเท่าไหร่หัวใจของเธอก็ยิ่งเจ็บปวด และทุกครั้งเจนก็ทำเกินความคาดหมายของเธอตลอดเธอได้รับการช่วยเหลือจากเจนผู้หญิงที่เธอดูถูกอยู่ตลอดมันเหมือนกับการมีอัจฉริยะที่มีไอคิว 180 ที่ถูกคนโง่ ๆ ช่วยไว้ เธอกลับรู้สึกโกรธมากขึ้น แทนที่จะรู้สึกขอบคุณ"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว คุณชายโซรอส ดิฉันขอตัวนะคะ" เ
บอดี้การ์ดร่างใหญ่และกำยำ สุดเคร่งขรึมยืนอยู่ตรงหน้าของซูซี่“ท่านคะ ที่นี่คือ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์! ท่านกำลังพยายามที่จะทำอะไรอยู่คะ? ไม่ว่าท่านกำลังต้องการที่จะทำอะไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถทำทุกอย่างได้ตามที่ปราถนาที่ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์”เธอไม่ได้ตกใจอะไรมากนัก เพราะท้ายที่สุดที่นี่คือ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ และข้อเท็จจริงนั้นเป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอคุณเดนแฮมมี่ที่ท่าลังเลเช่นกัน เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ แม้กระทั่งในพื้นที่ทางตอนใต้ทันใดนั้นก็มีคนเดินเข้ามาภายในห้อง และกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของคุณเดนแฮม ท่าทางที่ดูหวาดกลัวเล็กน้อยในตอนต้น ถัดมากกลับกลายเป็นการสบประมาทขึ้นมาในทันที “คุณทอมสัน ฉันได้ยินมาว่า คุณเป็นคนที่ถูกขับไล่ที่ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของ อีสต์ เอ็มพอเรอร์”ซูซี่จำสิ่งที่อโลร่าเคยพูดในวันนั้นขึ้นมได้ในทันที และใบหน้าของเธอก็ซีดลง ครั้งนี้เธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก “นะ- นายออกไปห่าง ๆ ฉันนะ”“อย่ากลัวไปเลย คุณทอมสัน เราจะไม่ทำอะไรคุณหรอก เราแค่อยากให้คุณแสดงบางอย่างเพื่อเรา”“แสดงอะไร?”“เดี๋ยวคุณก็จะรู้เ
คุณเดนแฮมมองผู้หญิงตรงหน้าแล้วขมวดคิ้ว “น่าเกลียดเกินไป”หัวใจของซูซี่เต้นรัว สี่คำนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกกังวลใจมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ครั้งนี้เธอกลับรู้สึกอยากให้เจนมีใบหน้าและทรวดทรงสวยงามกว่าคนอื่นถ้าคุณเดนแฮมคิดว่าเจนน่าเกลียด ซึ่งนั่นก็หมายความว่าซูซี่จะต้องตกอยู่ในปัญหาอย่างแน่นอนในตอนท้ายใช่ไหม?ซูซี่มองไปที่ตู้กระจกใสนั้นอย่างระมัดระวัง น้ำข้างในสูงกว่าหนึ่งเมตรแล้ว เธอรีบบอกคุณเดนแฮมว่า “อย่าตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกนะคะ เจนจะแสดงโชว์ที่ดีให้คุณได้รับชมอย่างแน่นอน”แม้ว่าเจนจะมาถึงที่นี่เพียงคนเดียว แต่เธอก็เข้าใจสถานการณ์จากการสนทนาของซูซี่กับคุณเดนแฮม การแสดงที่เรียกว่านี้กำลังจะเป็นการทดลองที่น่าทึ่งอีกครั้งสำหรับเธอคุณเดนแฮมมองไปที่เจนด้วยความสงสัย “สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?”ไหล่ของเจนกระตุกเล็กน้อย นี่เป็นครั้งที่สองของวันนี้ที่เธอได้ยินเรื่องนั้น - "สิ่งที่เธอพูดจริงหรือเปล่า?เธอยิ้มและไม่มองคุณเดนแฮม แต่กลับหันไปมองซูซี่แทน การจ้องมองของเธอทำให้ซูซี่หลบสายตา ราวกับว่าเธอกลัวที่จะถูกเปิดโปง ใบหน้าของเธอร้อนลุ่มดั่งไฟก้มลงมองพื้น เพราะ
แม้ในขณะที่เขาตะโกนใส่คุณเดนแฮม ฌอนเองก็ยังไม่หยุดเหวี่ยงไม้ถูพื้นใส่ตู้นั้น เขาไม่เคยยอมแพ้ในการทำลายตู้นั้นเลย!ฌอนโจมตีตู้ใสนั้นเหมือนคนที่กำลังถูกปีศาจเข้าสิงอยู่บนทางด่วนที่ห่างจาก อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ ห้าพันเมตร รถแข่ง Maserati กำลังทะยานด้วยความเร็ว 120 กม. / ชม. หน้าต่างกระจกรถถูกลดลงและมีเสียงลมพัดผ่านอยู่ภายนอกตัวรถ จมน้ำ เสียงคนในรถเอ่ยขึ้นคนขับรถที่เบาะหน้าพูดอย่างลังเลว่า “ท่านแน่ใจหรอครับว่าทุกอย่างจะโอเค คุณชายโซรอส? ภาชนะนั้นพังยากมาก และคุณขอให้ผมปลี่ยนกุญแจ อาจจะมีคนตายได้เลยนะครับ”มีเสียงหัวเราะเบา ๆ หายไปท่ามกลางสายลม อย่างไรก็ตามเขาได้ยินคำพูดที่ตามมาอย่างชัดเจน“แล้ว ถ้ามีคนตายจริง ๆ ล่ะ? การป้อนคีย์ผิดโดยไม่ตั้งใจนั้นผิดกฎหมายหรือไม่? จอห์น เดนแฮม เป็นคนที่มีส่วนร่วมในเกมนี้ในทางที่ผิด เขาควรเป็นคนที่ต้องกังวลต่างหาก”คนขับไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่มือของเขาสั่นอยู่บนพวงมาลัย“เธอจะไม่ตายหรอก หากพวกเขาต้องการจะช่วยเธอจริง ๆ พวกเขาก็ต้องตีให้หนักพอ และมันจะพังเอง มันจะทำให้เธอตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง”คนขับรู้สึกหนาวสั่นในใจ ‘นายท่าน แค่พยายามทำให้เธอตกใจใช่ไหม
คางของเธอเจ็บอย่างกะทันหัน และใบหน้าอันหล่อเหลาก็พุ่งเข้าหาเธอทันที "ดูใกล้ ๆ ฉันเป็นใคร?"น้ำเสียงเย็นชาและกลิ่นที่คุ้นเคย อยู่ใกล้ใบหน้าของเธอทำให้เจนเข้าใจมากขึ้นในทันที "ทำไมคุณ…"“ทำไมฉันถึงมาที่นี่” ฌอนไม่ได้ให้โอกาสเจนได้พูดจนจบประโยคนั้นเลย ริมฝีปากของเขาโค้งลงเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา “ยังจะต้องถามไหม? เธอไม่รู้หรือ ว่างานอดิเรกอย่างหนึ่งของฉันคือการเห็นเธอทรมาน”ถัดจากเขา อูโน่ส่งเสียงครวญครางสายตาของเขากวาดไปทั่วมือขวาของเจ้านายแปะ แปะ แปะ ... มือขวาของเจ้านายของเขายังคงมีเลือดไหลหยด แล้วทำไมเขาถึงอธิบายเรื่องนั้นให้คุณหนูดันน์ฟัง?มือขนาดใหญ่ของฌอนเหวี่ยงคางของเจนออกไปจากตัวเขา ร่างสูงโปร่งของเขายืนขึ้นเขาเหลือบตาลงมองที่เจน "ลุก มากับฉันถ้าเธอยังไม่ตาย”อูโน่ไม่ค่อยชอบคุณหนูดันน์มากนัก แต่ผู้หญิงบนโซฟาตอนนี้ช่างแตกต่างจากผู้หญิงที่หยิ่งผยองคนนั้นเมื่อสามปีก่อน นอกจากนี้เธอเพิ่งกลับมาจากความตาย เธอดูยุ่งเหยิงมึนงง อูโน่จึงเดินเข้าไปหาเธอและยื่นมือมาช่วยเธอ“เธอมีขาใช่ไหม?” อูโน่ถูกจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาจากเจ้านายของเขา อูโน่ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะดึงมือที่เขายื่นออกไป
ประตูลิฟต์เปิดออก ฌอนก็อุ้มเจนขณะที่เขาวิ่งออกจากลิฟต์ เขาวิ่งตรงเข้าไปในห้องนอนของเขา และวางเธอลงบนเตียงขนาดใหญ่ทันที เขาเอื้อมมือไปถอดเสื้อผ้าที่เปียกโชกของเธอออกเขาปลดกระดุมเธอทีละเม็ด ผู้หญิงคนนี้มักจะสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ หลาย ๆ ชั้น แม้กระทั่งในวันที่อากาศร้อนจัดเช่นนี้เมื่อนิ้วชี้ของเขาแตะลงบนเสื้อซับในแขนยาวตัวที่สาม เขาก็งงงวยอย่างที่สุด ใครเขาจะใส่ชุดซับในผ้าฝ้ายแขนยาวที่ผลิตมาสำหรับฤดูใบไม้ร่วง ไว้ภายใต้เสื้อผ้าหลาย ๆ ชั้นในฤดูร้อนแบบนี้?ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เธออยู่ในเสื้อผ้าที่เปียกโชกได้ฌอนเร่งการเคลื่อนไหวของเขา เขารีบถอดเสื้อผ้าที่ชุ่มไปด้วยน้ำของเธอออกเขาดำเนินการทั้งหมดเหล่านี้พร้อมกันโดยไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียว แน่นอนว่าด้วยความเร่งรีบในการเปลื้องผ้า เขามองข้ามรอยแผลเป็นที่ซ่อนอยู่ที่หลังเอวของเธอไปโดยสิ้นเชิงฌอนนำเสื้อเชิ๊ตสีขาวมาปกปิดร่างกายของเธอไว้ และกำลังจะถอดกางเกงที่เปียกโชกของเธอออก แต่แล้วจู่ ๆ ผู้หญิงบนเตียงก็เริ่มฟาดขาทั้งสองข้างของเธอราวกับหวาดกลัวอย่างที่สุดชีวิตฟิ้วววววว! มีเพียงความเงียบและสายลมฌอนเงยหน้ามองผู้หญิงที่นอนอยู่บนเ
เธอขัดขืนเขา แต่เขายิ่งใช้กำลังกับเธอมากขึ้นเท่านั้นเพี้ยะ!มีเสียงตบดังขึ้น และทันใดนั้นเสียงรอบข้างก็เงียบลงฌอนมองไปที่ผู้หญิงที่ถูกตรึงไว้ข้างใต้เขาด้วยความไม่เชื่อ มือของเธอสั่นอย่างรุนแรงขณะที่เธอมองเขาด้วยความหวาดกลัวอย่างที่สุดฌอนจ้องมองไปที่ผู้หญิงที่นอนอยู่บนผ้าปู เธอไม่ได้ตบเขาแรงเกินไป และมันก็ไม่ได้เจ็บเลยสักนิด อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตอภิสิทธิ์ชนของท่านสจ๊วต ผู้ซึ่งเป็นผู้นำของสจ๊วต เอ็มไพร์ ที่ได้รับการยกย่องของเมืองเอสซิตี้ ตัวเขา ฌอน สจ๊วตได้ถูกใครบางคนตบ ริมฝีปากบางของเขากดเป็นเส้น และเขามองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างใต้เขา ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน และลงจากเตียงหันหลังให้เจนขณะที่เขาพูดว่า"เปลี่ยนชุดที่เปียกของเธอซะ อย่าทำให้เตียงฉันเปียก"เขาโยนกางเกงวอร์มผู้ชายตัวใหม่ให้กับเธอ พวกมันลงบนมือของเธออย่างพอดีเจนกระพริบตา เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมา เขาข่มอารมณ์โกรธของเขาขณะที่เขาออกจากห้องภายใต้สายตาที่จับจ้องของเจน "รีบเปลี่ยน เร็ว อีกไม่นาน เอลิออร์ ไวท์ จะเข้ามาตรวจร่างกาย"ให้เธอตรวจร่างกาย?“แต่ฉันไม่ได้ป่วยนะ”“ถ้าคุณไม่ป่วยทำไมจู่ๆคุณถึงหมดสติแบบน