อูโน่ยิ้มเยาะ อโลร่ารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตงั้นหรือ?“เรียกผู้หญิงคนนั้น” เขาพูดอโลร่าพยักหน้า เธอไม่มีความประทับใจใด ๆ สำหรับซูซี่ ทอมสันตั้งแต่แรกซูซี่ ทอมสันถูกเรียกตัวไปที่สำนักงานของอโลร่าโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ เธอรู้สึกไม่สบายใจตลอดทางที่ไปที่นั่นอโลร่า ตอนนี้ เธอรู้ดีกว่าควรที่จะอยู่ห่าง ๆ ไม่เหมือนกับครั้งแรกที่เธอเข้ามาในสำนักงานของอโลร่า“อย่ามัวอ้อมค้อมเลย บอกฉันหน่อยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นในห้องส่วนตัวบนชั้นหก” อโลร่าพูดด้วยคำง่ายๆซูซี่ ทอมสันตื่นตระหนกทันที ตามคาด เธอถูกเรียกตัวมาที่นี่เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องส่วนตัวชั้นหกในวันนี้เธออาจจงใจหลีกเลี่ยงข้อความที่ไม่เอื้ออำนวยต่อตัวเอง และปกปิดรายละเอียดบางอย่างเมื่อเธออธิบายให้อโลร่า อย่างไรก็ตามเธอกำลังเผชิญหน้ากับคนที่มีไหวพริบทั้งสองคน ไม่ว่าจะเป็นอโลร่า หรือ อูโน่ พวกเขาสามารถตั้งสมมติฐานของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้โดยอาศัยคำพูดและการแสดงออกของซูซี่ ทอมสันเท่านั้น“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำจริงๆนะ อโล่ร่า ฉันไม่รู้ว่าคุณเดนแฮมจะเรียกเจน ดันน์หลังจากที่ฉันปฏิเสธคำขอของเขา” ซูซี่ ทอมสัน ขอร้องอโลร่าด้
ไม่แน่ใจว่ามันเป็นแค่จินตนาการของเธอหรือด้วยเหตุผลอื่น ๆ เธอรู้สึกเหมือนว่าระยะทางจากทางเดินไปจนถึงลิฟต์เต็มไปด้วยตะปู ทุกย่างก้าวที่เธอทำรู้สึกเหมือนเหยียบตะปูเจน ดันน์ ยังคงเงียบขณะที่เธอเดินตามหลังอูโน่ไปประตูลิฟต์อยู่ตรงหน้าพวกเขา อูโน่หยุดเดินชั่วขณะและทำท่าทาง "กรุณาเข้าไป" ให้กับ เจน ดันน์ ที่อยู่ข้างหลังเขา “ได้โปรดครับ คุณหนูดันน์”“คุณ…” เจน ดันน์ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอเหลือบมองไปที่อูโน่ ที่กำลังมองหน้าเธอด้วยใบหน้านิ่ง ๆ เรียบเฉย แล้วเธอก็เอ่ยถามว่า “เอ่อ...ไม่ขึ้นไปด้วยกันเหรอคะ?”“นายท่าน อยากให้คุณขึ้นไปคนเดียวครับ คุณหนูดันน์”อูโน่ยังคงดึงข้อมือของ ซูซี่ ทอมสัน ไว้ เมื่อเห็นประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็กรีดร้องอย่างรวดเร็ว “เจน ดันน์! เจน ดันน์! เธอต้องช่วยฉัน! ฉันรู้ว่าเธอมีหัวใจที่อ่อนโยนที่สุด เธอทนไม่ได้ที่เห็นฉันอยู่ในสภาพอนาถเช่นนี้แน่ ๆ ใช่ไหม? ใช่ใหมเจน?"อูโน่จ้องไปที่ ซูซี่ ทอมสัน ด้วยความเกลียดชังในดวงตาของเขา เขาหันกลับมา และพูดกับ เจน ดันน์ ที่อยู่ในลิฟต์ว่า “คุณไม่ได้เป็นหนี้อะไรเธอเลยคุณหนูดันน์”“ดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องไปอ้อนวอนเจ้านายสำหรับผู้หญิงแ
“เจน ดันน์ เธอไม่สมควรได้รับความเมตตาจากใครในโลกใบนี้ ใครก็ตามที่ปฏิบัติต่อเธอด้วยความเมตตากรุณาถือว่าคน ๆ นั้นได้ทำผิดพลาดอย่างมหาศาล! เธอไม่คู่ควรกับความเมตตาของใคร! ”เขาพูดโดยไม่คิด ในดวงตาของเขาที่เรียบเฉย และเยือกเย็นอยู่เสมอมีลูกบอลแห่งความโกรธเผยให้เห็น – อีกทั้งยังมีความเศร้าโศกและความไม่พอใจแฝงอยู่!คำพูดของ ฌอน สจ๊วต ทิ่มแทง เจน ดันน์ ทะลุจุดที่อ่อนไหวที่สุดในส่วนลึกสุดของหัวใจเธอ!เธอเงยหน้าขึ้นทันที!มีแสงประกายเผยในดวงตาของเธอ มันเป็นแสงแห่งความโกรธเคือง เธอไม่มีทางจะสูญเสียการควบคุมตัวเอง และกรีดร้องด้วยเสียงที่หยาบและแหบของเธออีกต่อไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่ลูก้าเสียชีวิตในคุก เธอจ้องมองเขาอย่างดุร้ายและเธอพูดออกมาดัง ๆ"คุณจะไปรู้อะไร! คุณไม่รู้เลยสักนิด! คุณเคยสัมผัสอะไรมาบ้าง! คุณไม่รู้อะไรเลย! ใครให้สิทธิ์คุณมาวิจารณ์ฉัน!” ‘คุณเคยผ่านสิ่งที่ฉันเจอมาหรือเปล่า! คุณเคยสัมผัสกับความเจ็บปวดแบบเดียวกับที่ฉันเคยเจอหรือเปล่า!“ฉันรู้จักคุณดีเหมือนกัน คุณชายสจ๊วต จอมมหาอำนาจ ถ้าคุณพา ซูซี่ ทอมสัน ไปวันนี้คุณก็แค่ลงโทษเธอเล็กน้อย และฉันจะไม่ยืนอยู่ตรงนี้ต่อหน้าคุณ ในห้องของค
นิ้วเรียวของเขาพบกับรอยแผลเป็น มีความรู้สึกของพื้นผิวที่ไม่เรียบมาจากปลายนิ้วของเขา ขณะที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับรอยแผลเป็น ฌอน สจ๊วต รู้สึกราวกับว่าปลายนิ้วของเขาถูกน้ำร้อนลวก“พูดตามตรงนะ ฌอน สจ๊วต นายใจร้ายไปไหม ที่จะทรมานร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แบบนั้น?” การโทรยังไม่สิ้นสุด เอลิออร์ ไวท์ พูดด้วยท่าทีที่จริงจังและเย้ยหยันในอีกด้านของการโทรนี้ดูเหมือนว่าชายคนนั้นไม่ได้ยินที่ เอลิออร์ ไวท์ พูดเลย นิ้วหัวแม่มือของเขาลูบรอยแผลเป็นที่หยาบกร้านอย่างอ่อนโยน ทันใดนั้นเขาก็ทำอะไรแปลก ๆ เขาวางฝ่ามือทั้งหมดลงบนรอยแผลเป็นนั้นเขาศึกษามือของตัวเองอย่างใกล้ชิด สวรรค์รู้ดีว่าเขากำลังศึกษาเกี่ยวกับอะไรสายของ เอลิออร์ ไวท์ ยังคงเชื่อมต่ออยู่ แต่ เอลิออร์ ไม่ได้ยินใครพูดตอบกลับ ปลายสายนั้นช่างเงียบจริง ๆ เงียบมากจนรู้สึกเหมือนว่าเจ้าของโทรศัพท์ลืมวางสายอย่างไรก็ตาม เอลิออร์ ไวท์ ไม่ได้ริเริ่มที่จะยกเลิกการโทร เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากหัวเตียงแล้ว "คลิก" มันก็สว่างขึ้น เขาสูดดมกลิ่นนิโคตินอย่างออกรส ในเวลานี้ชายอีกด้านหนึ่งกล่าวอย่างอธิบายไม่ถูกว่า “มันยาวกว่าฝ่ามือของฉัน”"อะไร?" เอลิออร์ ไวท์ ตะ
ฌอน สจ๊วต นั่งข้างเตียงผู้ป่วย จ้องมองผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง เอลิออร์ ไวท์ เพิ่งทำการตรวจร่างกายของเธอ“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” เอลิออร์ ไวท์ ย้ำว่า “อย่างไรก็ตาม นายควรหยุดทรมานเธอ วันนี้เธอทุกข์มากพอแล้ว จมน้ำ เป็นไข้ หมดสติ — หมดหรือยังนะ? เธอตื่นขึ้นมา และนายทำให้เธอหมดสติไปอีกครั้ง”เอลิออร์ ไวท์ “จุ๊ จุ๊” สองครั้งก่อนจะพูดต่อ “ฌอน สจ๊วต นายมีทักษะในการทรมานผู้คนมากขึ้นใช่ไหม?”เห็นได้ชัดว่ามีการเสียดสีในน้ำเสียงของเขาสิ่งที่ทำให้ เอลิออร์ ไวท์ ประหลาดใจก็คือ คุณชายสจ๊วต คนนี้ไม่ได้ทำให้เขาเหมือนตกนรกด้วยสายตาที่เยือกเย็นของเขาอย่างน่าประหลาดใจโย่ ~ วันนี้เขาอารมณ์ดีจังไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องฉวยโอกาสที่หาได้ยากนี้ เพือแกล้งเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา ใครจะไปรู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน คุณชายสจ๊วตคนนี้ถึงจะคุยง่าย ๆ อีกครั้ง“เฮ้ บอกฉันสิ ว่านายทำอะไรกับเธอหลังจากที่ฉันออกไป?”ฟิ้วววววววววววว!คำพูดสุดเย็นยะเยือกพุ่งเข้าใส่ เอลิออร์ ไวท์ ทันที เขาเกือบจะสำลักคำพูดของเขาเอง “เอ่อ…ลืมไปเถอะ ถ้านายไม่ต้องการบอกฉัน” ราวกับว่าเขากำลังพยายามผ่อนคลายความตึงเครียด เอลิออร์ ไวท์ เชื่อมน
เจน ดันน์ ตื่นมาตอนบ่าย บางทีเธออาจจะเหนื่อยเกินไป และอาจจะมีไข้สูงเกินไป นั่นคือสาเหตุที่ร่างกายของเธออ่อนแอมากเพดานสีขาวเป็นสิ่งแรกที่เธอเห็นเมื่อตื่นขึ้นและลืมตา ในขณะนี้เธอยังคงติดอยู่ในความงุนงงไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน“เธอตื่นแล้วหรอ?”เสียงที่น่าดึงดูดดังขึ้นในทันทีหัวใจของ เจน ดันน์ สั่นสะท้านขณะที่เธอหันหัวไปโดยไม่รู้ตัว ข้าง ๆ เตียงของเธอ ชายคนนั้นนั่งด้วยท่าทางสง่างามบนเก้าอี้พนักพิงสูง มีแฟ้มอยู่ในมือของเขาเมื่อ เจน ดันน์ หันมามองเขานัยน์ตาฟีนิกซ์ที่ยาวและแคบของชายคนนั้น เงยขึ้นโดยบังเอิญเขาเงยหน้าขึ้นจากการมองแฟ้มในมือชั่วขณะ เขากวาดสายตาไปที่เธอและถามว่า “เธอหิวไหม?”หลังจากถามคำถามนั้น เขาดึงสายตากลับมาและก้มลงที่แฟ้มอีกครั้งริมฝีปากของ เจน ดันน์ แห้งและแตก เธอหันไปมองรอบ ๆ ตัวเธอ “ขอบคุณที่ส่งฉันมาที่โรงพยาบาลค่ะ คุณชายสจ๊วต ฉันทำให้คุณเดือดร้อนมิ ฉันขอโทษนะคะ"ฌอน สจ๊วต จับแฟ้มแน่น ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเสียงที่แหบ ๆ นี้ฟังแล้วแสบแก้วหู และอึดอัดขอบคุณที่ส่งฉันโรงพยาบาลมิสเตอร์สจ๊วต ฉันทำให้คุณเดือดร้อนมิสเตอร์สจ๊วต ฉันขอโทษ…นอกเหนือจากนี้เธอไม่มีเรื่องอื่นจะพ
ฌอน สจ๊วต ได้ยินเสียงหัวใจของเขาหล่น “ฉันไม่สนใจว่าเธอจะเชื่อหรือไม่ แต่นี่เป็นการเข้าใจผิด เจน ดันน์”เข้าใจผิด?เจน ดันน์ จ้องไปที่ ฌอน สจ๊วต เขาบอกว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดจริงหรือ?"คุณชายสจ๊วต คุณกำลังพยายามบอกฉันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ และคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอ?” เธอไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอรู้สึกได้เพียงว่าหัวใจของเธอร้อนรุ่มและปวดร้าวจนแทบหายใจไม่ออก“แล้วคุณเชื่อคำพูดของคุณเองไหมคุณชายสจ๊วต? คุณคิดว่าจะมีใครทำแบบนั้นกับฉันถ้าไม่อยู่ภายใต้คำสั่งของคุณ”การแสดงออกของ ฌอน สจ๊วต นิ่งเฉย ... เธอพูดถูก! ถ้าเขาไม่ได้สั่งอะไร จะมีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอ?บางทีสิ่งที่ เอลิออร์ ไวท์ พูดก็เป็นความจริง วิธีที่เขาปฏิบัติต่อเธอ และทัศนคติของเขาที่มีต่อการทดสอบทั้งหมดเมื่อสามปีก่อนได้กำหนดสถานการณ์ และประสบการณ์ของ เจน ดันน์ ในช่วงสามปีที่ผ่านมาใช่หรือไม่?นั่นคือสิ่งที่กระตุ้นให้คนเหล่านั้นปฏิบัติต่อเธออย่างไร้ห้าวหาญเช่นนั้นหรือ?ฌอน สจ๊วต เงยหน้าขึ้นก็พบกับการจ้องมองของเธอ “ถ้าฉันบอกว่า…”“คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ฉันจะเชื่อทุก ๆ สิ่งที่คุณพูดจริง ๆ”
เอลิออร์ ไวท์ ประสบความสำเร็จในการพิสูจน์ว่า เขานั้นรู้วิธีจัดการต่อสายน้ำเกลือให้คนไข้อย่างแท้จริง“ฉันพูดถูก ดูสิ! ฉันเป็นอัจฉริยะ ฉันจะทำของกล้วย ๆ แบบนี้ไม่เป็นได้ยังไง? ฌอน สจ๊วต ฉันจะบอกนายให้นะ การเป็นแพทย์ประจำตัวของนายเนี่ย มันเป็นความสามารถของฉันล้วน ๆ ไม่ใช่เพราะโชคช่วย”ทันใดนั้นประกายแห่งความภาคภูมิใจ และความพึงพอใจก็ปกคลุม เอลิออร์ ไวท์ ไว้ ปากของ ฌอน สจ๊วต เปรอะเปื้อนไปด้วยยาพิษที่ทำใหเขารู้สึกเสียใจมากก่อนหน้านี้“ฉันจะเพิ่มค่าจ้างให้นาย”เอลิออร์ ไวท์ รู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก จนอยากจะล้อเลียน ฌอน สจ๊วต ให้มากขึ้น แต่อีกฝ่ายก็แค่โยนคำพูดที่ทำให้รู้สึกหนักอึ้งกลับมา : “ฉันจะจ่ายเงินให้นายเพิ่ม”เอลิออร์ ไวท์ ไม่มีปัญหาเรื่องเงินเลย ถ้าเขาสนใจเรื่องเงินเขาคงกลับไปทำงานที่ บริษัท ไวท์ วิสาหกิจ เพื่อเป็นลูกชายสุดร่ำรวย และเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท เขาจะได้รับเงินมากขึ้น มากขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าการเป็นแพทย์มาก ๆ ถ้าเขาทำงานให้กับพ่อของเขา“เจตนานายคืออะไร ฌอน สจ๊วต? ฉันรักษาแฟนตัวน้อยของนาย แล้วนายก็มาดูถูกดูแคลนฉันเนี่ยนะ?”บางทีเขาอาจจะโกรธมาก ๆ แต่ เอลิออร์ ไวท์