“เจน ดันน์ เธอไม่สมควรได้รับความเมตตาจากใครในโลกใบนี้ ใครก็ตามที่ปฏิบัติต่อเธอด้วยความเมตตากรุณาถือว่าคน ๆ นั้นได้ทำผิดพลาดอย่างมหาศาล! เธอไม่คู่ควรกับความเมตตาของใคร! ”เขาพูดโดยไม่คิด ในดวงตาของเขาที่เรียบเฉย และเยือกเย็นอยู่เสมอมีลูกบอลแห่งความโกรธเผยให้เห็น – อีกทั้งยังมีความเศร้าโศกและความไม่พอใจแฝงอยู่!คำพูดของ ฌอน สจ๊วต ทิ่มแทง เจน ดันน์ ทะลุจุดที่อ่อนไหวที่สุดในส่วนลึกสุดของหัวใจเธอ!เธอเงยหน้าขึ้นทันที!มีแสงประกายเผยในดวงตาของเธอ มันเป็นแสงแห่งความโกรธเคือง เธอไม่มีทางจะสูญเสียการควบคุมตัวเอง และกรีดร้องด้วยเสียงที่หยาบและแหบของเธออีกต่อไปแล้ว นับตั้งแต่วันที่ลูก้าเสียชีวิตในคุก เธอจ้องมองเขาอย่างดุร้ายและเธอพูดออกมาดัง ๆ"คุณจะไปรู้อะไร! คุณไม่รู้เลยสักนิด! คุณเคยสัมผัสอะไรมาบ้าง! คุณไม่รู้อะไรเลย! ใครให้สิทธิ์คุณมาวิจารณ์ฉัน!” ‘คุณเคยผ่านสิ่งที่ฉันเจอมาหรือเปล่า! คุณเคยสัมผัสกับความเจ็บปวดแบบเดียวกับที่ฉันเคยเจอหรือเปล่า!“ฉันรู้จักคุณดีเหมือนกัน คุณชายสจ๊วต จอมมหาอำนาจ ถ้าคุณพา ซูซี่ ทอมสัน ไปวันนี้คุณก็แค่ลงโทษเธอเล็กน้อย และฉันจะไม่ยืนอยู่ตรงนี้ต่อหน้าคุณ ในห้องของค
นิ้วเรียวของเขาพบกับรอยแผลเป็น มีความรู้สึกของพื้นผิวที่ไม่เรียบมาจากปลายนิ้วของเขา ขณะที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสกับรอยแผลเป็น ฌอน สจ๊วต รู้สึกราวกับว่าปลายนิ้วของเขาถูกน้ำร้อนลวก“พูดตามตรงนะ ฌอน สจ๊วต นายใจร้ายไปไหม ที่จะทรมานร่างกายที่ไม่สมบูรณ์แบบนั้น?” การโทรยังไม่สิ้นสุด เอลิออร์ ไวท์ พูดด้วยท่าทีที่จริงจังและเย้ยหยันในอีกด้านของการโทรนี้ดูเหมือนว่าชายคนนั้นไม่ได้ยินที่ เอลิออร์ ไวท์ พูดเลย นิ้วหัวแม่มือของเขาลูบรอยแผลเป็นที่หยาบกร้านอย่างอ่อนโยน ทันใดนั้นเขาก็ทำอะไรแปลก ๆ เขาวางฝ่ามือทั้งหมดลงบนรอยแผลเป็นนั้นเขาศึกษามือของตัวเองอย่างใกล้ชิด สวรรค์รู้ดีว่าเขากำลังศึกษาเกี่ยวกับอะไรสายของ เอลิออร์ ไวท์ ยังคงเชื่อมต่ออยู่ แต่ เอลิออร์ ไม่ได้ยินใครพูดตอบกลับ ปลายสายนั้นช่างเงียบจริง ๆ เงียบมากจนรู้สึกเหมือนว่าเจ้าของโทรศัพท์ลืมวางสายอย่างไรก็ตาม เอลิออร์ ไวท์ ไม่ได้ริเริ่มที่จะยกเลิกการโทร เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากหัวเตียงแล้ว "คลิก" มันก็สว่างขึ้น เขาสูดดมกลิ่นนิโคตินอย่างออกรส ในเวลานี้ชายอีกด้านหนึ่งกล่าวอย่างอธิบายไม่ถูกว่า “มันยาวกว่าฝ่ามือของฉัน”"อะไร?" เอลิออร์ ไวท์ ตะ
ฌอน สจ๊วต นั่งข้างเตียงผู้ป่วย จ้องมองผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง เอลิออร์ ไวท์ เพิ่งทำการตรวจร่างกายของเธอ“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” เอลิออร์ ไวท์ ย้ำว่า “อย่างไรก็ตาม นายควรหยุดทรมานเธอ วันนี้เธอทุกข์มากพอแล้ว จมน้ำ เป็นไข้ หมดสติ — หมดหรือยังนะ? เธอตื่นขึ้นมา และนายทำให้เธอหมดสติไปอีกครั้ง”เอลิออร์ ไวท์ “จุ๊ จุ๊” สองครั้งก่อนจะพูดต่อ “ฌอน สจ๊วต นายมีทักษะในการทรมานผู้คนมากขึ้นใช่ไหม?”เห็นได้ชัดว่ามีการเสียดสีในน้ำเสียงของเขาสิ่งที่ทำให้ เอลิออร์ ไวท์ ประหลาดใจก็คือ คุณชายสจ๊วต คนนี้ไม่ได้ทำให้เขาเหมือนตกนรกด้วยสายตาที่เยือกเย็นของเขาอย่างน่าประหลาดใจโย่ ~ วันนี้เขาอารมณ์ดีจังไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องฉวยโอกาสที่หาได้ยากนี้ เพือแกล้งเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา ใครจะไปรู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน คุณชายสจ๊วตคนนี้ถึงจะคุยง่าย ๆ อีกครั้ง“เฮ้ บอกฉันสิ ว่านายทำอะไรกับเธอหลังจากที่ฉันออกไป?”ฟิ้วววววววววววว!คำพูดสุดเย็นยะเยือกพุ่งเข้าใส่ เอลิออร์ ไวท์ ทันที เขาเกือบจะสำลักคำพูดของเขาเอง “เอ่อ…ลืมไปเถอะ ถ้านายไม่ต้องการบอกฉัน” ราวกับว่าเขากำลังพยายามผ่อนคลายความตึงเครียด เอลิออร์ ไวท์ เชื่อมน
เจน ดันน์ ตื่นมาตอนบ่าย บางทีเธออาจจะเหนื่อยเกินไป และอาจจะมีไข้สูงเกินไป นั่นคือสาเหตุที่ร่างกายของเธออ่อนแอมากเพดานสีขาวเป็นสิ่งแรกที่เธอเห็นเมื่อตื่นขึ้นและลืมตา ในขณะนี้เธอยังคงติดอยู่ในความงุนงงไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน“เธอตื่นแล้วหรอ?”เสียงที่น่าดึงดูดดังขึ้นในทันทีหัวใจของ เจน ดันน์ สั่นสะท้านขณะที่เธอหันหัวไปโดยไม่รู้ตัว ข้าง ๆ เตียงของเธอ ชายคนนั้นนั่งด้วยท่าทางสง่างามบนเก้าอี้พนักพิงสูง มีแฟ้มอยู่ในมือของเขาเมื่อ เจน ดันน์ หันมามองเขานัยน์ตาฟีนิกซ์ที่ยาวและแคบของชายคนนั้น เงยขึ้นโดยบังเอิญเขาเงยหน้าขึ้นจากการมองแฟ้มในมือชั่วขณะ เขากวาดสายตาไปที่เธอและถามว่า “เธอหิวไหม?”หลังจากถามคำถามนั้น เขาดึงสายตากลับมาและก้มลงที่แฟ้มอีกครั้งริมฝีปากของ เจน ดันน์ แห้งและแตก เธอหันไปมองรอบ ๆ ตัวเธอ “ขอบคุณที่ส่งฉันมาที่โรงพยาบาลค่ะ คุณชายสจ๊วต ฉันทำให้คุณเดือดร้อนมิ ฉันขอโทษนะคะ"ฌอน สจ๊วต จับแฟ้มแน่น ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเสียงที่แหบ ๆ นี้ฟังแล้วแสบแก้วหู และอึดอัดขอบคุณที่ส่งฉันโรงพยาบาลมิสเตอร์สจ๊วต ฉันทำให้คุณเดือดร้อนมิสเตอร์สจ๊วต ฉันขอโทษ…นอกเหนือจากนี้เธอไม่มีเรื่องอื่นจะพ
ฌอน สจ๊วต ได้ยินเสียงหัวใจของเขาหล่น “ฉันไม่สนใจว่าเธอจะเชื่อหรือไม่ แต่นี่เป็นการเข้าใจผิด เจน ดันน์”เข้าใจผิด?เจน ดันน์ จ้องไปที่ ฌอน สจ๊วต เขาบอกว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดจริงหรือ?"คุณชายสจ๊วต คุณกำลังพยายามบอกฉันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ และคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอ?” เธอไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอรู้สึกได้เพียงว่าหัวใจของเธอร้อนรุ่มและปวดร้าวจนแทบหายใจไม่ออก“แล้วคุณเชื่อคำพูดของคุณเองไหมคุณชายสจ๊วต? คุณคิดว่าจะมีใครทำแบบนั้นกับฉันถ้าไม่อยู่ภายใต้คำสั่งของคุณ”การแสดงออกของ ฌอน สจ๊วต นิ่งเฉย ... เธอพูดถูก! ถ้าเขาไม่ได้สั่งอะไร จะมีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอ?บางทีสิ่งที่ เอลิออร์ ไวท์ พูดก็เป็นความจริง วิธีที่เขาปฏิบัติต่อเธอ และทัศนคติของเขาที่มีต่อการทดสอบทั้งหมดเมื่อสามปีก่อนได้กำหนดสถานการณ์ และประสบการณ์ของ เจน ดันน์ ในช่วงสามปีที่ผ่านมาใช่หรือไม่?นั่นคือสิ่งที่กระตุ้นให้คนเหล่านั้นปฏิบัติต่อเธออย่างไร้ห้าวหาญเช่นนั้นหรือ?ฌอน สจ๊วต เงยหน้าขึ้นก็พบกับการจ้องมองของเธอ “ถ้าฉันบอกว่า…”“คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ฉันจะเชื่อทุก ๆ สิ่งที่คุณพูดจริง ๆ”
เอลิออร์ ไวท์ ประสบความสำเร็จในการพิสูจน์ว่า เขานั้นรู้วิธีจัดการต่อสายน้ำเกลือให้คนไข้อย่างแท้จริง“ฉันพูดถูก ดูสิ! ฉันเป็นอัจฉริยะ ฉันจะทำของกล้วย ๆ แบบนี้ไม่เป็นได้ยังไง? ฌอน สจ๊วต ฉันจะบอกนายให้นะ การเป็นแพทย์ประจำตัวของนายเนี่ย มันเป็นความสามารถของฉันล้วน ๆ ไม่ใช่เพราะโชคช่วย”ทันใดนั้นประกายแห่งความภาคภูมิใจ และความพึงพอใจก็ปกคลุม เอลิออร์ ไวท์ ไว้ ปากของ ฌอน สจ๊วต เปรอะเปื้อนไปด้วยยาพิษที่ทำใหเขารู้สึกเสียใจมากก่อนหน้านี้“ฉันจะเพิ่มค่าจ้างให้นาย”เอลิออร์ ไวท์ รู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก จนอยากจะล้อเลียน ฌอน สจ๊วต ให้มากขึ้น แต่อีกฝ่ายก็แค่โยนคำพูดที่ทำให้รู้สึกหนักอึ้งกลับมา : “ฉันจะจ่ายเงินให้นายเพิ่ม”เอลิออร์ ไวท์ ไม่มีปัญหาเรื่องเงินเลย ถ้าเขาสนใจเรื่องเงินเขาคงกลับไปทำงานที่ บริษัท ไวท์ วิสาหกิจ เพื่อเป็นลูกชายสุดร่ำรวย และเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัท เขาจะได้รับเงินมากขึ้น มากขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าการเป็นแพทย์มาก ๆ ถ้าเขาทำงานให้กับพ่อของเขา“เจตนานายคืออะไร ฌอน สจ๊วต? ฉันรักษาแฟนตัวน้อยของนาย แล้วนายก็มาดูถูกดูแคลนฉันเนี่ยนะ?”บางทีเขาอาจจะโกรธมาก ๆ แต่ เอลิออร์ ไวท์
เจน ดันน์!เจน ดันน์ อีกแล้ว!ซูซี่ ทอมสัน ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเธออิจฉา ตอนนี้เธอต้องถ่อมตัวเข้าไว้“ทะ-ท่านประธานใหญ่คะ”เธอตัวสั่น และพูดว่า “ฉันไม่มีอะไรที่เทียบกับ เจน ดันน์”“ฉันไม่ฟังเรื่องไร้สาระ” หลังจากพูดถ้อยคำที่เย็นชาเหล่านี้จบ ชายคนนี้ก็จงใจบีบมือที่สวมถุงมือของเขาไว้ที่คางของ ซูซี่ ทอมสัน ให้แน่นยิ่งขึ้น แรงนั้นรู้สึกราวกับว่ามีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะบดขยี้ขากรรไกรล่างของเธอให้แหลกคามือซูซี่ ทอมสัน เจ็บปวดมาก เธอเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ เธอสงสัยด้วยซ้ำว่าเธอเพิ่งได้ยินเสียงกระดูกของตัวเองถูกบดขยี้“ฉัน - ฉัน – ฉันจะพูดค่ะ” เธอรู้สึกว่าชายที่อยู่ต่อหน้าเธอนั้นเขาคือปีศาจ มันน่ากลัวมากเกินไป เธอถูกครอบนำโดยความหวาดกลัว เธอรู้สึกเกลียด เจน ดันน์ อีกครั้ง... ผู้หญิงคนนั้น สัญญากับเธออย่างชัดเจนว่าจะช่วยอ้อนวอนผ่อนปรนเรื่องนี้!เธอไม่ได้ทำเลย!เธอแค่แสดงท่าที แสร้งทำเป็นคนดี!น่าขยะแขยง ยัยตัวแสบ!ชิ!เธอควรจะได้รับรางวัลสำหรับการเป็นนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม!ไม่ว่า ซูซี่ ทอมปสัน กำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามความกลัวเป็นสิ่งเดียวที่เธอรู้สึกเมื
เมื่อ ซูซี่ ทอมสัน เงยหน้าขึ้น สายตาของเธอก็พบกับดวงตาที่ลึกซึ้งคู่หนึ่งแม้แต่ในเวลาเช่นนี้ ซูซี่ ทอมสัน ก็ยังคงหน้าแดงเธอมองไปที่ ไฮด์ โซรอส อย่างประหม่า "ทะ ท่าน ซะ – โซรอส”เธอกระพริบตาโดยหวังว่า ไฮด์ โซรอส จะช่วยเธอได้ไฮด์ โซรอส วางขวดไวน์ในมือของเขาลง เขามองไปที่ ซูซี่ ทอมสัน และยิ้มทันที การเต้นของหัวใจของ ซูซี่ ทอมสัน นั้นเร็วขึ้น เธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย…อย่างที่คาดไว้คุณชายโซรอสยังคงจำเธอได้แน่ ๆ”นี่ใครหรอ คุณชายสจ๊วต?”ทันใดนั้น ซูซี่ ทอมสัน ไม่อยากที่จะเชื่อหูของเธอเอง เธอรู้สึกราวกับว่าเธออยู่ในบ้านน้ำแข็งที่หนาวเหน็บฌอน สจ๊วต นั่งไขว่ห้างด้วยขาอันเรียวยาวของเขาอย่างสง่างาม เขานั่งอยู่บนโซฟาพรางพูดว่า “เธอหรอ? เธอบอกว่าเธอชอบ คุณชายไฮด์ โซรอส ฉันไม่คาดคิดว่าสำหรับเด็กผู้หญิงที่ใสซื่อ และไร้เดียงสาคนนี้จะรักนายได้ขนาดนี้…ฉันจะเอายังไงดี? ในฐานะเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน ฉันคิดว่าฉันรู้สึกต้องมีความรับผิดชอบ ที่จะต้องพาเธอมาหานาย คุณชายโซรอส เพื่อที่นายจะได้ไม่พลาดโอกาสที่จะได้พบกับรักแท้ของนายอย่างไรล่ะ”ถ้า ฌอน สจ๊วต พยายามที่จะทำให้ ไฮด์ โซรอส รู้สึกแย่เขาก็คงจ