เจนขับรถไปที่บ้านด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า แต่เธอไม่ได้จอดรถไว้ที่โรงรถใต้ดิน เธอนั่งอยู่ในรถ และไม่อยากออกไปไหน เธอลดกระจกรถลงครึ่งหนึ่ง ยืดศีรษะออกครึ่งหนึ่งของเธอออกไปแล้วมองขึ้นไปบ้านสว่างไสวก่อนที่ฌอน สจ๊วตจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ มันมักจะเป็นสีดำ และไม่มีแสงไฟตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ไฟสว่างจ้า แสดงว่ามีใครบางคนอยู่ในบ้านรอให้เธอกลับไปอย่างไรก็ตาม ทำไมเธอถึงทนได้?วันนี้วุ่นวายมาก กับการปรากฏตัวของคาลเลน เฟโรซ และเจสัน ดันน์ เธอรีบวิ่งจากสนามรบหนึ่งไปยังอีกสนามรบ บ้านเป็นสถานที่ส่วนตัวที่สุดของเธอ แต่เธอก็ไม่รีบร้อนที่จะกลับไปตอนกลางวัน เรย์มารับกุญแจ เขาไม่พูดอะไรสักคำ และจากไปหลังจากที่เขารับกุญแจไป แต่มันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนดี เธอไม่สามารถแม้แต่จะทนกับคนงี่เง่าที่มีสมองของเด็กอายุแปดขวบเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นอย่างเร่งด่วนในรถที่เงียบสงบเธอเอื้อมมือออกไป และรับมัน"ออกมาดื่ม ... เอ่อ ... ฉันดื่มไวน์ คุณดื่มชา"เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เจนก็ผ่อนคลายอารมณ์ที่ตึงเครียดของเธอโดยไม่รู้ตัว ความสุขล้นอยู่บนใบหน้าอันบอบบางของเธอ "โอเค ที่เดิม?""ที่เดิม ฉันจ
ครึ่งนึงของชีวิตเพียงพอไหมนะ?!ปากของอโลร่า สมิธค้าง พูดไม่ออกความเจ็บปวดบางอย่าง เช่นที่พวกเขาพูด คือในอดีต และควรอยู่ในอดีต ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีจุดใดที่จะถือมันได้เช่นเดียวกับแสงไฟอันอบอุ่นที่ส่องออกมาจากทุกครัวเรือน ท่ามกลางครอบครัวนับหมื่น ทุกดวงแสดงถึงเรื่องราวมากมายบ่อยครั้ง คนที่ทำผิดต้อง "ร้องขอการให้อภัย"คุณเห็นไหม ฉันได้ขอโทษแล้ว แล้วทำไมคุณยังเก็บความเสียใจไว้อยู่ล่ะ? คุณเป็นคนอาฆาตพยาบาทอย่างแท้จริง คุณไม่ได้เป็นคนใจกว้างเลยในช่วงเวลานี้ ผู้ดูเหตุการณ์มักจะเริ่มมีช่วงเวลาแห่งการกระจ่างแจ้ง และเริ่มพูดว่า “คุณเห็นไหม พวกเขาขอโทษแล้ว คุณต้องการอะไรอีก? คุณใจดีสักครั้งเดียวไม่ได้เหรอ?”อย่างไรก็ตาม น้ำหนักของความเจ็บปวดสามารถเข้าใจได้โดยผู้ที่ทรมานต่อมันเท่านั้นขณะที่อโลร่ามองไปที่เจน ดันน์ที่กำลังเจ็บปวดจากความเจ็บปวดในอดีต ทั้งหมดที่เธอต้องการก็คือให้ยัยโง่คนนี้มีความสุขอย่างไรก็ตาม ยัยโง่ไม่ได้โง่จริง ๆ ยัยโง่รู้ดีกว่าใคร ๆ และยังมีความยืดหยุ่นมากกว่าใคร ๆ อโลร่ารู้ว่า มิฉะนั้นไม่มีทางที่จะมีใครรอดจากสวรรค์สู่นรกในชั่วข้ามคืน และทันใดนั้นก็อาศัยอยู่กับทุ
คฤหาสน์เก่าแก่สุดหรูหราของสจ๊วตกินพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล มีความนิ่งในการเคลื่อนไหวและมีการเคลื่อนไหวในความนิ่ง เมื่อร้อยปีที่แล้วผู้คนที่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่โซนบริเวณนี้ได้ ล้วนได้รับความเคารพนับถือจากคนทั่ว ๆ ไปกลิ่นของดอกไม้ล่องลอยอยู่ในอากาศ ใบหน้าของชายชราสจ๊วตถูกซ่อนไว้ด้วยควัน รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าวัยชราของเขาปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือผ่านควันนั้นเจนถูกพามาที่ห้องนั่งเล่น เธอยืนอยู่กลางห้องสักพัก นอกเหนือจากชายชราสจ๊วตแล้ว ยังมีคนรับใช้ของสจ๊วตยังยืนอยู่ทั้งสองข้างทางในชุดเสื้อคลุมจีนแบบโมโนโทนโดยเอามือไพล่หลังไว้ทันใดนั้นเจนก็หัวเราะกับตัวเอง เธอมองไปรอบ ๆ ตัวเธอ สภาพแวดล้อมของเธอในตอนนี้ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอเป็นอาชญากรในศาลกฎหมายสมัยโบราณชายชราชอบสูบไปท์มาก มีเสียงเดือดของไปท์ดังไม่หยุดหย่อน มันยังคงส่งเสียงดังเป็นระยะ ๆอูโน่ยืนอยู่ข้างหลังของชายชรา เขาและพ่อบ้านชรายืนอยู่คนละข้างของชายชราสจ๊วต เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขากลายเป็นลูกน้องที่ไว้ใจได้ให้กับชายชราสจ๊วตไปเสียแล้วดวงตาของเจนไร้ชีวิตชีวา เธอจ้องมองใบหน้าที่มั่นใจของอูโน่และมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าขอ
“สุดท้ายแล้ว คุณอยากจะเป็นเหมือนกับซินเดอเรลล่าในละครไหม? คุณอยากจะเลือกความรักไหม?” ชายชราสจ๊วตมองไปที่เจนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าที่มีอายุ และเหี่ยวย่นของเขาเห็นได้ชัดว่าเขากำลังหัวเราะเยาะกับมุมมองของเจนที่มีต่อคำว่า "ความรัก"เจนหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ เธอต้องการจุดจบของเจ้าชาย และเจ้าหญิง และมันเป็นเพียงครั้งเดียวในชีวิตของเธอที่เธอรู้สึกตกหลุมรักคน ๆ หนึ่ง อย่างไรก็ตามมันกลับกลายเป็นเรื่องตลกในสายตาของคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจหลังจากนั้นไม่นานการจ้องมองของเธอก็เฉียบคม เป้าหมายของชายชรามันไม่ง่ายอย่างที่คิดชายชราอาจมีเป็นพันวิธีที่จะไล่เธอออกไป เขาไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่โง่ที่สุดเช่นนี้นอกจากนี้ถ้าเขาอยากจะไล่เธอออกไปจริง ๆ ทำไมเขาถึงทำตอนนี้ล่ะ?ทำไมเขาถึงไม่ทำก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้? ทำไมต้องเป็นตอนนี้?สายตาของเจนจ้องไปที่อูโน่ที่ยืนอยู่ข้างหลังของชายชรา สมองของเธอทำงานอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ที่ฌอนปรากฏตัวในเอ๋อไห่เธอไม่ได้เห็นอูโน่เลยจนกระทั่งถึงขณะนี้สิ่งนี้มันหมายความว่าพวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับอูโน่เลย มีโอกาสที่เขาเป็นลูกจ้างกับฌอนครึ่งหนึ่งและว่างงานอีกคร
เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกรถแท็กซี่บริเวณรอบ ๆ คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วตเธอจะต้องเดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนถึงทางแยกของถนนที่จะมีรถวิ่งผ่านเจนลากร่างที่อ่อนล้าของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ชายชราสจ๊วตไม่แม้แต่จะทำตามมารยาทขั้นพื้นฐานในการส่งแขกกลับด้วยซ้ำชายชราทิ้งเธอไว้ลำพัง เขาไม่แม้แต่ที่จะขอให้ใครขับรถไปส่งเธอกลับบ้าน หรืออย่างน้อย ๆ ก็มาส่งเธอเรียกแท็กซี่เสียด้วยซ้ำเจนเดินออกจากคฤหาสน์เก่าแก่สจ๊วต และไปตามทางพื้นที่ส่วนตัวนั้น จนถึงบริเวณทางแยกของถนนที่เป็นพืนที่สาธารณะที่รถทั่ว ๆ ไปสามารถวิ่งผ่านไปมาได้"เดี๋ยวก่อน"มีคนร้องเรียกเธอและเธอก็หันกลับไปมองที่เสียงนั้นรถคันหนึ่งขับผ่านไปอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ กระจกหน้าต่างรถค่อย ๆ เลื่อนลงและใบหน้าของอูโน่ก็โผล่ออกมาจากรถ “ฉันจะขับรถไปส่งคุณเอง”เขาใจดีจริง ๆ หรือ? เจนมองเขานิ่ง ๆ สักพัก เธอคลี่ริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม “ขอบคุณ”เธอเปิดประตูและเข้าไปนั่งภายในรถอูโน่สตาร์ทรถขับออกจากทางแยกและออกสู่ถนนสายหลักเมื่อถึงทางยกระดับมีรถอยู่รอบ ๆ ไม่มากนัก ที่เบาะหลังเจนถูหลังที่เจ็บของเธอ "บอกฉันหน่อย"มือของคนขับบนพวง
"พวกเรารู้จักกันหรอ?"เจนเพิกเฉยต่อการเย้ยหยันของพวกอันธพาล และพยายามที่จะล้วงข้อมูลจากพวกเขา“คุณคือประธานจากดันน์ กรุ๊ป คุณร่ำรวย เราจะไม่รู้จักคุณได้อย่างไร?” หัวหน้าแก๊งค์อันธพาลกำลังเล่นกับไม้เบสบอลราวกับว่าเขาเป็นคนที่เจ๋งที่สุดในโลก“คนที่จ้างพวกคุณมา เขาให้เงินคุณเท่าไหร่? ฉันจะให้พวกคุณเป็นสองเท่า”“ฉันไม่สนใจเงินของคุณหรอกนะ”เจนตระหนักว่าคนเหล่านี้ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ เหตุผลเดียวที่พวกอันธพาลเหล่านี้ยอมทำสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นก็เพียงเพราะเงินอย่างไรก็ตามอันธพาลที่อยู่ต่อหน้าของเธอนั้นไม่ได้หวังเงินอย่างน้อยเธอก็รู้ว่าพวกเขาก็ไม่ได้ทำเพียงเพราะเงินอย่างเดียวมิฉะนั้นพวกเขาจะปฏิเสธเธอโดยไม่คิดได้อย่างไรเมื่อเธอเสนอเงินเพิ่มเป็นสองเท่า?ในขณะนั้นมีเพียงไม่กี่คนปรากฏขึ้นในหัวของเธอ เธอหรี่ตาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ และพูดว่า “คนที่จ้างพวกคุณมาเป็นคนตัวสูงผิวคล้ำ และมีรอยแผลเป็นที่หลังมือซ้ายใช่ไหม?”แม้ว่าอีกฝ่ายจะซ่อนมันได้ดี แต่พวกเขาก็ยังคงประหลาดใจเล็กน้อยอยู่พักหนึ่ง“เราไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงใคร”“คุณหนูดันน์ คุณต้องจำสิ่งหนึ่งไว้”“สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
ท้ายที่สุดแล้วไม้เบสบอลของพอร์กเกอร์ก้ไม่ได้ฟาดลงที่เจนอย่างไรก็ตามมันถูกฟาดลงบนหลังที่หนา และกว้างของบางคนมือของพอร์กเกอร์กำลังสั่นเทา หัวหน้าอันธพาลมองไปที่คนที่โผล่ออกมาเอาตัวกำบังให้เจน เมื่อกี้เขาถูกแรงผลักออกจนติดกำแพง เขาไม่ทันตั้งตัวจากการถูกผลักออกนั้น เขามองไปที่บุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นด้วยความตกใจ“คะ-คะ- คุณเป็นใคร?”คน ๆ นี้มาจากไหน?เขายังคงสงสัย แต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่สมควรจะทำในเวลานี้ เขาเย้ยหยันและร้องตะโกนออกมาว่า “พอร์กเกอร์โจมตีเลย!”"แต่…"“ไม่มีแต่ หลังจากทำเสร็จแล้วเราจะได้รีบออกจากเมืองนี้ และเราจะไม่กลับมาที่นี่อีก "“แต่คน ๆ นี้…จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…จะเป็นอย่างไร…”“จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลองคิดดูสิ คิดถึงจำนวณเงินทั้งหมดที่เราจะได้รับ มันเพียงพอแล้วสำหรับพวกเราที่จะใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวล หลังจากทำสำเร็จแล้วเราจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ๆ ตามที่เราต้องการได้หลังจากนี้”พอร์เกอร์กำลังลังเลหลังจากตกใจกับการปรากฏตัวของผู้ชายคนนั้นอย่างกะทันหัน หัวหน้าแก๊งค์เห็นว่าพอร์กเกอร์ลังเล เขาจึงตะโกนขึ้นว่า “นายไม่ได้ฆ่าคนหรือวางเพลิงซักหน่อย นา
เจนรู้สึกถึงความเปียกบนใบหน้า มันคือเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากของชายคนนี้เธอรู้สึกจุกในลำคอ และผลักเขาออกสุดกำลัง คนตรงหน้าของเธอเซไปข้างหลัง “เจนนี่อย่า…”"ทุกอย่างจะโอเค" เธอเอื้อมแขนไปจับแขนของคนที่กำลังจะวิ่งเข้ามาหาเธออีกครั้ง ผู้ชายกล้ามโตเห็นเธอแล้วยิ้มอย่างร้ายกาจ“ฉันกำลังกังวลว่าจะตีเธอไม่ได้ แต่เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมาก อยู่เฉย ๆ ซะนะ"จากปลายหางตาของเธอ เธอเห็นไม้เบสบอลที่พอร์กเกอร์ทิ้งลงบนพื้นก่อนหน้านี้ เธอหมอบลง และหยิบมันขึ้นมา เธอเหวี่ยงมันไปทั่วบนอากาศอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าเธอไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ เธอไม่มีทักษะใด ๆ เธอไม่รู้ว่าเธอตีโดนใครบ้างหรือเปล่า อย่างไรก็ตามในขณะนี้เธอต้องการที่จะอยู่รอดและต้องการที่จะต่อสู้กลับ“ไป!”"ไปให้พ้น!”“อย่าเข้ามา!”“ฉันบอกให้ทพวกคุณทุกคนไปให้พ้น! พวกคุณได้ยินฉันไหม?"เธอเหวี่ยงไม้เบสบอลอย่างไร้จุดหมายเธอยังคงตะโกนว่า "ไปให้พ้น" ด้วยเสียงแหบแห้ง และเกรี้ยวกราดเธอลืมความรู้สึกนี้ไปแล้ว เธอลืมไปว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอต่อสู้ด้วยความเข้มแข็งปีที่เธอถูกจองจำ เธอต้องเผชิญกับการทรมาน และการกลั่นแกล้งทุกรูปแบบ เธอเคยต่อสู้ แล