เจเรมี่ดูวิดีโอจบ เขามีสีหน้าว่างเปล่า “คุณได้มันมาจากไหน” เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเมเดลีนรู้สึกถึงความผิดปกติ “ฉันได้มันมาจากไหน มันสำคัญอย่างนั้นเหรอ? ความจริงมันสำคัญกว่าไม่ใช่เหรอ?”"ความจริงอย่างนั้นเหรอ?" เจเรมี่เงยหน้าขึ้น และปัดนิ้วลบวิดีโอนั้่น เขายังลบสำเนาสำรองของมันที่อยู่ในอัลบั้มของเมเดลีนอีกด้วยเมเดลีนตกใจกับการกระทำของเขามาก เธอยื้อแย่งเพื่อเอาโทรศัพท์ของเธอคืน แต่มันสายเกินไป เขาล้างโฟลเดอร์อัลบั้มที่ถูกลบไปแล้ว“เจเรมี่ ทำไม? ทำไมคุณทำอย่างนั้น? คุณไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้มีคนวิจารณ์ฉันทางโลกออนไลน์มากแค่ไหน? นั่นเป็นวิดีโอเดียวที่ฉันสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของฉันได้!”ความหวังของเมเดลีนพังทลายลงอย่างไรก็ตาม เจเรมี่ยังคงเยาะเย้ยอย่างไม่แยแส “ความบริสุทธิ์ของเธอเกี่ยวอะไรกับฉัน? ตราบใดที่ทำให้เมเรดิธมีความสุขมันก็เพียงพอแล้ว”คำถามของเจเรมี่ทำให้เมเดลีนพูดไม่ออกความบริสุทธิ์และชีวิตของเธอไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา!เขาสนใจแต่เมเรดิธ ดังนั้นแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับเขา เขาก็ยังคงรับได้ทั้งหมดเป็นเพราะเขารักเธอ เขาตาบอดเพราะความรัก เขาร
คำกล่าวหาที่เยือกเย็นของผู้ชายคนนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเมเดลีน เธอรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องน่าตลกสิ้นดี“คุณไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนยังอย่างนั้นเหรอ คุณวิทแมน”คำตอบของมาเดลีน ยิ่งเพิ่มอนุภาพความโกรธของเจเรมี่มากขึ้นกว่าเดิม เขาเชิดคางของเธอขึ้นอย่างโกรธเคือง ในขณะที่เขาจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีดำที่เต็มไปด้วยความโกรธ“งั้นเธอไปตามหาคนรักเก่ามางั้นสินะ หืม?”‘คนรักเก่า? เขาต้องหมายถึงแดเนียลแน่ ๆ’แดเนียลเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเจเรมี่ พวกเขาอายุมากกว่าเธอสองปี อีกทั้งเขายังเป็นรุ่นพี่ของเธอเเดเนียลเองเคยสารภาพรักกับเมเดลีน ในระหว่างพิธีจบการศึกษา ทุกคนในโรงเรียนคิดว่าพวกเขาเริ่มออกเดทในภายหลังเมเดลีนไม่คิดว่า เจเรมี่เองจะเชื่อข่าวลือพวกนั้นเช่นเดียวกับทุกคน“เมเดลีน ฉันบอกเธอไว้ก่อนเลยนะว่า ถึงแม้ว่าวันหนึ่งฉันจะไล่เธอออกไป แต่อย่าคิดว่าเธอจะหนีไปหาผู้ชายคนอื่นได้ ฉันชักอยากจะเห็นซะแล้วว่า ใครจะกล้าเก็บขยะที่ฉันเคยใช้แล้วทิ้งมาใช้ต่อ!”ขยะ?เขากำลังเปรียบเปรยเธอด้วยคำพูดเช่นนี้ความเจ็บปวดเริ่มลุกลามที่หัวใจของเมเดลีน เธอผลักผู้ชายร้ายกาจออกไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว“เจเรมี แค่เพราะคุณไม่ซ
เมเดลีนคิดว่าเธอตอบกลับเมเรดิธได้ดี อีกฝ่ายคงรู้สึกสะเทือนไม่น้อย แต่ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของเมเรดิธ เธอกลับรู้สึกพ่ายแพ้อย่างไร้ทางสู้เจเรมี่อยู่เคียงข้างหล่อนในการตรวจสุขภาพของแม่เด็กในระยะหลังมันควรจะเป็นสิ่งที่สามีภรรยาพึงกระทำ แต่เจเรมี่กำลังให้ความสำคัญกับผู้หญิงอีกคนเมเรดิธเดินนำหน้าด้วยความภาคภูมิใจ “แมดดี้เกิดอะไรขึ้น? เธอกำลังรู้สึกอารมณ์เสีย? หรือกำลังรู้สึกอกหัก?"เมเดลีนกำหมัดแน่น เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่ไม่สงบของตัวเธอเอง เธอปฏิเสธที่จะยอมให้ตัวเองเสียภาพลักษณ์ที่นิ่งสงบ “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกว่าเธอช่างไร้ยางอาย”ทันทีที่จบประโยค เมเดลีนจ้องมองใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเมเรดิธ“นี่! เมเรดิธ ฉันเองไม่คิดว่าจะสามารถพบเจอผู้หญิงคนไหนที่ไร้ยางอาย และยังภาคภูมิใจแบบเธอ คนที่คิดว่าตัวเองสูงส่งมากทั้ง ๆ ที่เป็นได้แค่เมียน้อย”"แก..."“วันหนึ่ง เจเรมี่จะรู้ว่าลูกในท้องของเธอ มันไม่ใช่สายเลือดของเขา”หน้ากากจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่เมเรดิธสวมอยู่ถูกฉีกออกจากใบหน้า ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มออกมา ขณะที่เธอพูดว่า“เจเรมี่รักฉันมาก ต่อให้เด็กคนนี้จะไม่ใช่ลูกของเขา แต่เขาก็ยังคงรักเด็กคนนี้ ไม่
เวลาล่วงเลยผ่านไปไม่นาน เจเรมี่ก็มาถึงที่นี่ แต่เขาไม่ได้มาตามคำขอของเมเดลีน เขามาเพื่อต่อว่าเธออย่างโหดร้ายแสงในห้องเยี่ยมผู้ต้องหาที่มืดสลัว แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่เมเดลีนจะเห็นแรงอาฆาตพยาบาท และความร้ายกาจบนใบหน้าของชายคนนั้นเมเดลีนยังคงยืนยันด้วยความหนักแน่น “ฉันไม่ได้เป็นคนผลักเมเรดิธ เธอล้มลงด้วยความตั้งใจของตัวเอง เจเรมี่โปรดเชื่อฉันสักครั้ง!”เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เจเรมี่ก็ยื่นมือออกมา มือเย็นของเขาจับหลังคอของเธอแน่นก่อนดึงเธอเข้าหาตัวดวงตาสีดำที่ไร้ก้นบึ้งของเขา นัยน์ตาสีดําเหมือนกริชเย็น เขายิงแสงสลัว ๆ และพูดว่า “ไม่เพียงแต่มีหลักฐาน แต่ยังมีพยาน เธอยังมีหน้ามาบอกว่าเธอไม่ได้ทำ?”“ฉันไม่ได้ทำ! เมเรดิธเป็นคนสร้างมันขึ้นมา! ฉันไม่ได้ผลักเธอ! ฉันไม่ได้ทำ!” เมเดลีนอารมณ์เสีย เธอยังคงเน้นย้ำความจริง โดยหวังว่าผู้ชายคนนั้นจะเชื่อเธอสักครั้ง… ถึงอย่างนั้น ดวงตาของเจเรมี่่มีแต่ความน่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ มือของเขาที่หลังคอของเธอถูกบีบให้แน่นขึ้น “แมร์ยอมเสี่ยงเอาชีวิตและลูกในท้องเพื่อมาใส่ร้ายเธอ? เมเดลีนเธอไม่คิดบ้างหรอว่าทฤษฎีของเธอช่างน่าสมเพชสิ้นดี”เมเดลีนกล้ำกลืน
เมเดลีนนึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้ตัวเธอเองอยู่ในสภาพที่สะบักสะบอมขนาดไหน และผู้หญิงทุกคนย่อมต้องการปรากฏตัวในภาพปลักษณ์ที่ดูดีที่สุดให้กับผู้ชายที่รักเห็น แต่บัดนี้นั้นเขากำลังเห็นเธอที่นี่ ในสภาพที่เลวร้ายและไม่เหลือชิ้นดีนี้ ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยรอยแผลที่มาจากน้ำใจที่เขามอบให้“ใครอนุญาตให้เข้ามา” เจเรมี่หยุดอยู่นอกประตูเมเดลีนมองไปที่เขา “นี่คือบ้านของฉัน”"บ้านของเธอ?" เขาหัวเราะเบา ๆ “เธอคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เรียกที่นี่ว่าบ้านของเธองั้นเหรอ”แสงสว่างในดวงตาของแมเดอลีนค่อยๆ จางหายไป พร้อมกับน้ำคำที่เจเรมี่มอบให้ประหนึ่งเศษแก้วทิ่มแทงหัวใจเธอ“ถ้าเมอร์ไม่ใจดีสงสารเธอ เธอก็คงได้นอนเน่าอยู่ในคุก” คำพูดของเจเรมี่ผสมผสานไปด้วยความรักที่มีต่อเมเรดิธ“เหอะ ใช่ ถ้ามันไม่เป็นเช่นนั้น ฉันก็คงไม่ได้ไปอยู่ในสถานที่บ้า ๆ นั่น”เจเรมี่กำลังโกรธอย่างเห็นได้ชัดกับสิ่งที่เธอพูด “นึ่เธอยังพยายามที่จะพูดเรื่องพรรณนั้นแม้กระทั่งตอนนี้งั้นเหรอ?“เจเรมี่ ฉันไม่ได้ทำ! ฉันกำลังพูดความจริง!" เมเดลีนกำหมัดแน่น เชิดหน้าขึ้นพร้อมคําพูดของเธออย่างสง่าผ่าเผยไม่ว่าอย่างไร ใบหน้าที่เหมือนเป็นงานชิ้นเอกของพ
เจเรมี่ เกิดความกลัวอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนมีหนามที่หลบซ่อนอยู่ในใจกำลังแทงเขาอย่างไร้ความปราณี เขาอุ้ม มาเดลีน ขึ้นมาโดยไม่มีความลังเลใด ๆเมื่อเมเรดิธเห็นทุกการกระทำจากด้านหลังเธอก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขา “เจเรมี่คุณจะพาแมดดี้ไปไหน”เจเรมี่ ไม่สนใจตอบคำถามกับนั่น เขารีบไปโรงพยาบาลในขณะที่อุ้มมาเดลีนตลอดเส้นทางที่รถวิ่ง สมองของเขาถูกล้อมรอบไปด้วยช่วงเวลาที่เขาได้พบกับหญิงสาวครั้งแรกเมื่อเขายังเด็ก ช่วงเวลานั้นละเอียดอ่อน แต่เงียบสงบและพึงพอใจ มันยังคงเล่นซ้ำอยู่ในสมองของเขาหัวใจของเจเรมี่เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เขาลืมไปแล้วว่าสิ่งที่เขาต้องทำคือการดูถูก มาเดลีน ณ ตอนนี้เขาพาเธอไปที่แผนกฉุกเฉินอย่างสุดชีวิตเธอบอกว่าเธอตั้งท้องและเด็กคนนี้เป็นของลูกของเขา ร่างกายของเขาเปื้อนไปด้วยเลือดของเธอเจเรมี่รู้สึกราวกับว่าเขากำลังหายใจไม่ออกจากสิ่งที่มองไม่เห็น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหวังว่า มาเดลีน จะไม่เป็นไรเขาเดินกลับไปกลับมาขณะรออยู่ข้างนอก เขารู้สึกกังวลอย่างมากขณะนี้มีพยาบาลคนหนึ่งเดินออกมา เจเรมี่ดักหน้าเธอแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?ภรรยาผมเป็นอะไร”พยาบาลมองไปที่เจเรมี่ มีควา
หลังจากที่บังเอิญได้ยินเรื่องราวเกือบทั้งหมดท่าทีดั่งเดิมของเจเรมี่ก็เปลี่ยนไปเขาย่างกายเข้าใกล้เพื่อไขข้อสงสัยสายตาอันเฉียบคมกำลังหยุดจ้องจากด้านหลังที่มองเห็นเมเรดิธกำลังเอาหลังพิงผู้ชายคนหนึ่ง เขาคือหมอรักษาอาการของมาเดลีน เมเรดิธกำลังคุยกับเขา“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ฉันคิดไม่ถึวว่าแมดดี้ จะทำอะไรแบบนั้น…” ไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเมเรดิธ ถอนหายใจเจเรมี่ ไม่เข้าใจเรื่องที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอย่างเเจ่มแจ้ง เขาเดินไปข้างหน้าเพื่อจะถามถึงเรื่องราวทั้งหมด หมอก็ขมวดคิ้วและพูดอย่างเชื่องช้า “เฮ้อ! มันผิดจริยธรรมทางการแพทย์ของฉันที่จะโกหก แต่น้องสาวของคุณมีบางอย่าง จริง ๆ แล้ว เธอไม่ได้ท้อง แต่เธอยืนยันที่จะแสร้งทำเป็นท้อง แถมเธอยังใช้เลือดปลอมเพื่อหลอกว่าทารกได้รับผลกระทบ เมื่อเราตรวจพบเธอขู่ว่าจะฆ่าตัวตายและบังคับให้เราร่วมมือกับเธอ พวกเราไม่มีคำพูด ใดๆ!”ใบหน้าของเจเรมี่ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งทันทีหลังจากที่เขาได้ยินเรื่องนี้เธอแกล้ง?มาเดลีน เสแสร้งว่าท้อง? เลือดของเธอยังเป็นของปลอม?“ฉันเข้าใจดีทำไม แมดดี้ ถึงทำแบบนั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะถึงขั้นขู่ฆ่าตัวตายแล
“เฮ้! เจเรมี่ เหยียดหยันเล็กน้อย เขามองต่ำลงไปที่ มาเดลีน อย่างเย็นชาด้วยดวงตาสีเข้มของเขา“มาเดลีน ฉันเองสินะที่ประเมินเธอต่ำไป เธอทำได้แม้กระทั่งติดสินบนแพทย์ที่นี่เพื่อให้พวกเขาโกหกฉันเกี่ยวกับการตั้งท้องของเธอ เธอคิดว่าฉันเป็นคนโง่งั้นเหรอ? คิดว่าฉันจะโดนหลอกง่ายขนาดนี้เลยเหรอ”มาเดลีน เงยหน้าขึ้นและร้องไห้อย่างเศร้า ๆ “ไม่! ฉันไม่ได้โกหก เจเรมี่! ทำไมฉันต้องโกหกเรื่องแบบนั้น ฉันท้องจริงๆ! ไม่เชื่อฉันเหรอ สัมผัสท้องของฉัน เด็กอยู่ที่นี่จริงๆ…”มาเดลีน ลุกขึ้นยืนด้วยกำลังทั้งหมดและคว้ามือของ เจเรมี่ เธออยากให้เขาเชื่อเธอ เธอต้องการให้เขารู้สึกถึงชีวิตที่กำลังก่อตัวอยู่ในท้องของเธอกระนั้นเจเรมี่ ผลักมือของเธอออกไป“ออกไป! อย่ามาแตะต้องฉันด้วยมือที่สกปรกของเธอ!” ดวงตาของเจเรมี่เฉียบคมราวกับมีด “เธอไม่ได้ท้อง ถึงแม้ว่าเธอจะทัองจริง ๆ ฉันจะให้เธอทำแท้ง เธอไม่สมควรได้รับมัน! มาเดลีน ผู้หญิงอย่างเธอจะไม่มีโอกาสที่จะข้องเกี่ยวอะไรกับฉันทั้งนั้น!”เจเรมี่!” เมื่อ มาเดลีน เห็นว่า เจเรมี่ กำลังจะจากไปเธอก็วิ่งไล่ตามเขาในขณะที่สะดุด เธอคว้าแขนของเขา “ เจเรมี่อย่าไป เธอบอกฉันว่าเธอจะปกป้