มาเดลีน มีอาการฮึดฮัดในความเจ็บปวดทันที จอห์นใช้กำลังทั้งหมดเพื่อทรมานเธอ ราวกับว่าเขาต้องการที่จะทำลายกระดูกของเธอให้แหลกสลาย หลังจากนั้นไม่นาน มาเดลีนได้ยินเหตุผลอันเป็นข้ออ้างของเขา“เจเรมี่ อย่าคิดว่าผมทำเกินกว่าเหตุกับเธอนะ ผมเป็นพ่อคนผมทนไม่ได้ที่เห็นลูกสาวของตัวเองถูกรังแกแบบนี้! หลังจากที่เมอร์ให้กำเนิดลูก นายจะรู้ว่าการเป็นพ่อแม่ของใครบางคนจะรู้สึกอย่างไร”เมื่อเขาพูดเช่นนั้น เขาก็ถูเท้าของเขาที่หลังมือของมาเดลีนคล้ายกับระบายอารมณ์มือของมาเดลีนเริ่มมีเลือดออกอีกครั้งจากแผลที่ถูกเศษแก้วแทงเธอไม่ได้ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดและไม่ได้ร้องขอความเมตตาเจเรมี่ไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง สำหรับมาเดลีนแล้ว นั่นคือ เขาเห็นด้วยกับการกระทำของจอห์นซึ่งเข้าใจโดยไม่ต้องพูดออกมาเลย“เจเรมี่ ฉันเจ็บหน้าที่สุดเลย ฉันกลัวมากว่าใบหน้าของฉันจะไม่มีวันหาย” เมเรดิธสะอื้นเบาๆในขณะที่เหตุการณ์กำลังดำเนินต่อไปเจเรมี่ขมวดคิ้วและมองไปที่มาเดลีนด้วยความขยะแขยง “เธอสมควรได้รับความเจ็บปวดนี้แล้ว”จากนั้นเขาก็อุ้มเมเรดิธขึ้นและพูดว่า“เด็กโง่ ผมสัญญาว่าใบหน้าของคุณจะสวย
มาเดลีนยืนอยู่ในคืนฤดูหนาวที่มีฝนตก ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นสีดำสนิทสิบล้านนี่เป็นตัวเลขแสนมหึมาสำหรับเธอแม้ทุกคนจะรู้จักเธอในนามของนายหญิงของตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งในเกลนเดล แต่เธอก็ไม่เคยได้รับข้อได้เปรียบใดๆจากตัวตนของเธอในนามนั้นเลย ตรงกันข้าม เธอรู้สึกสะบักสะบอมและอ่อนล้ามาเดลีนไม่กล้าโทรหาตำรวจอย่างผลีผลามเพราะเธอคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของเลนเป็นหลักเธอไม่มีทางเลือก เธอทำได้เพียงร้องขอความช่วยเหลือจากเจเรมี่อย่างไรก็ตาม บางทีเจเรมี่อาจบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของเธอก็เป็นได้ในตอนนั้นเธอไม่สามารถติดต่อเขาได้ไม่ว่าเธอจะโทรมากี่ครั้งก็ตามเธอคิดเพียงว่าปู่ของเธอต้องทุกข์ทรมานแค่ไหนตอนนี้ เธอจึงกลับไปที่คฤหาสน์ครอว์ฟอร์ดเธอยกมือขวาขึ้นและพึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าจอห์นกระทืบมัน มันเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่สามารถออกแรงด้วยมือได้มาเดลีนเคาะประตูด้วยมือซ้าย หลังจากนั้นไม่นานประตูก็เปิดออก แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมาเธอก็ได้รับการต้อนรับด้วยการถูกสาดน้ำจากถังน้ำเย็น“ออกไป! อย่ามาทำประตูหน้าบ้านฉันให้สกปรก! ถ้าฉันรู้ว่าเธอทำร้ายเมอร์ มากขนาดนี้ฉันคงไม่ตกลงที่จะพาเธอเข้ามาในครอบคร
“ทำไมฉันถึงได้ช่วยแม่มดชั่วร้ายอย่างเธอด้วยไขกระดูกของฉัน? เจเรมี่ตกหลุมรักผู้หญิงอย่างเธอได้เพราะเขาตาบอด!”มาเดลีนตบเมเรดิธครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกคนในบ้านออกมาหลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียงแห่งความวุ่นวายเมื่อโรสเห็นเมเรดิธเมเรดิธถูกตบ เธอรีบวิ่งไปคว้าผมของมาเดลีน หล่อนเตะเธอ แต่มาเดลีนยังคงจับเมเรดิธไว้แน่น“เจเรมี่ ฉันเจ็บเจ็บ! เจเรมี่ ช่วยฉันด้วย! มาเดลีนจะทำร้ายฉันให้ตาย!”มาเดลีนคร่ำครวญและกรีดร้อง ในที่สุด เธอก็ส่งเสียงเรียกเจเรมี่“มาเดลีน บ้าไปแล้วหรือเปล่า?” เจเรมี่ลากมาเดลีนที่กำลังเสียออกไป จากนั้น เขาก็รวบเมเรดิธ ไว้ในอ้อมแขน“ฮือออ…เจเรมี่ ฉันเจ็บมากเลย เจ็บหน้า! แมดดี้เป็นบ้า!” เมเรดิธบ่นขณะที่เธอพิงแขนของเจเรมี่มาเดลีนก็รับตอบไป “เมเรดิธ หยุดเสแสร้ง ฉันควรจะเป็นคนที่ร้องไห้! ทำไมฉันต้องรู้จักผู้หญิงตีสองหน้าอย่างเธอด้วย?”“เจเรมี่ ฟังนั่นสิ! ผู้หญิงคนนั้นกำลังแหกปากตะโกนและตบเมอร์ต่อหน้าคุณและเธอยังคงบอกว่า เมอร์ทำผิดต่อเธอ คุณควรจะหย่ากับผู้หญิงคนนี้ไปตั้งนานแล้ว!” โรสเข้ามาช่วยลูกสาวของเธอที่ต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรมคิ้วของเจเรมี่ขมวดเข้าด้วยกัน มีความน่ากล
เมื่อเจเรมี่ถามคำถามเช่นนั้น มาเดลีนสามารถคาดเดาคำตอบได้อย่างไม่ต้องสงสัยพยาบาลที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ปฏิเสธ "คุณพูดเรื่องอะไร? โรคมะเร็งปอด? นอกเหนือจากสุขภาพจิตแล้ว ร่างกายของเขายังแข็งแรงมาก เขาจะเป็นมะเร็งปอดได้อย่างไร? คุณกำลังเข้าใจอะไรผิด”หลังจากจบประโยคที่เธอพูดอย่างนั้น มาเดลีนมีความรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายของเธอลดลงอย่างวูบวาบก่อนที่เจเรมี่จะวางสาย พยาบาลพูดสวนขึ้นมาว่า "เมื่อกี้คุณบอกว่าเขาหายไปงั้นเหรอ? ก่อนหน้านี้เขาหายตัวไป แต่เขาบอกว่าหลานสาวบอกให้เขาซ่อนตัวเพราะเธอเล่นซ่อนหากับเขา”สิ่งที่เธอได้ยินเป็นฉากๆต่อมานั้น ทำให้มาเดลีนเข้าใจทุกอย่างปู่ของเธอไม่ได้ป่วยและเขาไม่ได้ถูกลักพาตัวหรืออะไรทั้งนั้น เมเรดิธเป็นคนวางแผนก่อเรื่องปั่นประสาทเธอทั้งหมดนี้!“แมดดี้ ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว เธอจงใจขอให้ปู่ของเธอซ่อนตัวเพื่อที่เธอจะได้จัดฉากให้ฉันลักพาตัวเขา” เมเรดิธได้เริ่มการโจมตีนี่ก่อนหลังจากที่ทุกอย่างเงียบมาสักพัก เธอเริ่มร้องไห้ฟูมฟาย “แมดดี้ ทำไมเธอทำอย่างนั้นล่ะ? ฉันมักจะเห็นเธอเป็นน้องสาวของฉัน ทำเรื่องแบบนี้มาใส่ร้ายฉันได้ยังไง? แม้ว่าเธอจะเกลียดฉัน แต
จอห์นและโรสตกใจมากเมื่อเห็นมาเดลีนอาเจียนออกมาเป็นเลือด แต่ในขณะเดียวกันพวกเขากลับมีความรู้สึกดีใจทั้งคู่ปิดประตูและไม่สนใจมาเดลีน พวกเขาไม่สนใจเธอเลย มันจะดีกว่าไหมถ้าเธอตายไปมาเดลีนนอนขดตัวอยู่ระหว่างพุ่มไม้โดยร่างของเธอถูกปกคลุมไปด้วยดินและน้ำฝน เธอกุมท้องที่แสนเจ็บปวดของเธอและมองดูขณะที่เจเรมี่อุ้มเมเรดิธเข้าไปในรถอย่างอ่อนโยนเขาสามารถมองเห็นเธอได้ผ่านกระจกหลัง แต่เขาไม่อยากมองมาทางเธอด้วยซ้ำในทางกลับกัน เมเรดิธกำลังจ้องมองเธอ หล่อนยิ้มอย่างมีชัยชนะอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเห็นมาเดลีนเริ่มซีดเหมือนศพและปากของเธอถูกกลบไปด้วยเลือดมาเดลีนลดมือของเธอที่พยายามขอความช่วยเหลือลงอย่างสิ้นหวังขณะที่เธอดูรถที่กำลังขับออกไปน้ำตาของเธอไหลรวมกับน้ำฝนเป็นสายธารเดียวกันทำให้การมองเห็นของเธอพร่ามัวเขาดูเป็นกังวลเรื่องลูกของเมเรดิธมาก แต่เขากลับไม่สนใจเด็กในท้องของเธอ เขาอยากฆ่าเด็กในท้องของเธอด้วยซ้ำไปมาเดลีนหัวเราะเบาๆ เธอหัวเราะกับให้กับชีวิตที่น่าเศร้าของเธอดั่งเช่นนิยาย! ชีวิตของเธอกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? บางทีมันอาจเริ่มต้นจากช่วงเวลาที่เธอตกหลุมรักผู้ชายที่เธอไม่ควรตกหลุ
มาเดลีนกลับไปที่บ้าน เธอต้องการออกจากที่นี่ทันทีหลังจากที่เก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้ว สายตาของเธอกวาดไปทั่วห้องเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยถึงสิ่งของจำเป็น เมื่อสายตาเธอสะดุดเข้ากับเสื้อผ้าเด็กบนโซฟาเธอก็อดไม่ได้ที่จะจับมันขึ้นมาถือไว้ในมือทั้งที่รู้สึกไม่พอใจเมื่อเธอนึกย้อนไปว่าเจเรมี่เป็นคนที่ซื้อเสื้อผ้าเด็กเหล่านี้ให้กับเมเรดิธ เธอรู้สึกเจ็บปวดแปลบที่อกเธอสัมผัสท้องอ่อนๆของเธอที่พึ่งจะได้สามเดือน ราวกับน้ำตาหล่นออกมาที่มุมตาของเธอท้ายที่สุดแล้วมาเดลีน เช็ดน้ำตาของเธอออกอย่างรวดเร็วเธอเกลียดตัวเองที่ล้มเหลวกับการดำเนินชีวิตตามความคาดหวังลมๆแล้งๆ ผู้ชายคนนั้นโหดร้ายกับเธอมากแต่เธอก็ยังคงกังวลและโหยหาผู้ชายคนนี้คนที่ต่อให้เธอตายเธอก็ไม่มีทางได้รับความรักจากเขาอีก! มาเดลีนเก็บเสื้อผ้าเด็กหอบมันลงไปชั้นล่าง เรื่องไม่คาดฝันมักเกิดขึ้นกับเธอเสมอ เจเรมี่และเมเรดิธยืนอยู่ที่ประตูเมื่อเธอเห็นเมเรดิธจับมือถือแขนเจเรมี่อย่างใกล้ชิด หัวใจของมาเดลีนก็เริ่มเจ็บแปลบราวกับถูกแทงด้วยเข็มนับล้านแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า“แมดดี้ เธอจะไปไหน?” เมเรดิธถามขณะกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา เธอมองไปถุงที่มาเดล
การเลือกซื้อชุดครั้งนี้ ไม่ว่าทารกในครรภ์ของเธอจะเป็นเพศใดก็ตามต้องสามารถสวมใส่สิ่งเหล่านี้ได้ทั้งสองแบบมาเดลีนจ่ายค่าเสื้อผ้า แต่แล้ว เธอโชคไม่ดีนักเมื่อเธอเห็นเมเรดิธอยู่ข้างหลัง เมื่อเธอหมุนตัวกลับไปที่ประตูทางเข้าดูเหมือนว่าเธออยู่คนเดียวรอยยิ้มที่น่ากลัวปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ มาเดลีนอยากจะเดินผ่านเธอไป เธอไม่ต้องการเสียเวลากับสิ่งตรงหน้า แต่เมเรดิธกลับหยุดเธอไว้“แมดดี้ เธอเรื่องแย่มากๆอยู่นี่แล้วเธอยังมีอารมณ์ที่จะมาเดินเลือกซื้อสินค้าอีกหรือ? ตำรวจกำลังตามหาเธออยู่ไม่ใช่เหรอ?”มาเดลีนสับสนว่าหล่อนกำลังพูดถึงอะไร จากนั้น เมเรดิธพูดต่อว่า “เธอมันเป็นนักแสดงตัวอย่าง มันคงไม่เป็นไรหรอก ถ้าเธอไม่มีพรสวรรค์ในการรังสรรค์ผลงาน แต่ทำไมเธอถึงต้องคัดลอกงานของคนอื่น? บริษัท มิโนร่า กำลังฟ้องร้องเธอในข้อหาทำลายชื่อเสียงบรษัทของเขา นอกจากนี้ พวกเขายังฟ้องเธอในข้อหาละเมิดสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย หากเธอถูกตัดสินว่ามีความผิดนี้ เธอจะต้องถูกจำคุก”มาเดลีนรู้สึกงงงวยกับทุกอย่าง บริษัทที่เมเรดิธกล่าวถึงคือบริษัทที่มอบความไว้วางใจให้เธอออกแบบแหวนคู่รักยังไงก็ตาม การรังสรรค์ผลงานท
ในที่สุดมาเดลีนก็ไม่สามารถหลีกหนีความจริงได้เธอถูกนำตัวเข้าห้องขัง เวลาล่วงเลยผ่านไปสองวันและแล้วเธอก็ได้พบกับเจเรมี่มันเป็นห้องประชุมเดียวกับครั้งที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ดูสะบักสะบอมยิ่งกว่าครั้งก่อน และเช่นเดียวกันชายคนนั้นดูโกรธมากกว่าครั้งก่อนเขาเหมือนปีศาจจากนรก อุ้งมือขนาดใหญ่คว้าคอเสื้อของมาเดลีน ในขณะที่ เขาเริ่มเดินเข้ามาสายตาที่เย็นชาของเขาแทบจะทะลุทะลวงเธอเหมือนดาบน้ำแข็ง“มาเดลีน ผมเคยเตือนอะไรเธอไปบ้าง? การใช้ชีวิตเงียบๆมันยากขนาดนี้เลยเหรอ? เธอกำลังมองหาความตายอยู่หรือไง?”“เจเรมี่ ฉันไม่ได้ผลักเธอ เมเรดิธเป็นคนจงใจปล่อยมือฉันหลังจากจับฉัน! คุณสามารถดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน! ต้องมีกล้องรักษาความปลอดภัยในร้านนั้น! เจเรมี่ คุณจะรู้ความจริงหลังจากที่คุณเห็น!” มาเดลีนขอโอกาสสุดท้ายในชีวิต เธอยังคงเน้นย้ำคำพูดของเธอ“ความจริงก็คือเธอผลักแมร์! มันชัดเจนในการแสดงภาพวันนั้นจากการบันทึกของกล้อง!”เป็นไปได้ยังไง?มาเดลีนตะลึง สภาพจิตใจของเธอว่างเปล่าเจเรมี่แสดงภาพให้เธอดู มาเดลีนคิดไม่ถึงจริงๆว่าภาพจากมุมนี้ทำให้ดูเหมือนว่าเธอเป็นคนที่ผลักเมเรดิธออกไ