เจเรมี่พุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังเปลือกหอยหลากสีสันทันใดนั้นภาพเดิมก็ปรากฏในสมองของเขาอีกครั้งภายใต้แสงอาทิตย์ร้อนแรงของฤดูร้อน เขากำลังแบกเด็กผู้หญิงตัวน้อยไว้บนแผ่นหลังวิ่งเลียบไปตามชายหาดอย่างรีบร้อนเด็กผู้หญิงคล้องแขนไว้รอบลำคอของเขาแล้วเอ่ยเรียกอย่างอ่อนหวาน…เพียะ!เจเรมี่กำลังจ่อมจมอยู่กับภาพเหตุการณ์ในอดีตที่เขาเกือบจะได้ยินเด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยเรียกชื่อของตัวเอง แต่เขากลับถูกเมเดลีนตบอย่างแรงเมเดลีนกระชากสร้อยคอของตัวเองต่อหน้าเจเรมี่แล้วขว้างมันลงบนพื้น“ฉันควรจะลืมคุณ คุณจะได้ไม่ฆ่าพ่อแม่ของฉัน ฉันควรทำแบบนั้น! ฉันไม่ควรยกโทษให้คุณและไม่ควรให้โอกาสคุณได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ของเราอีกครั้งเลย!”เธอผลักเขาแล้วเริ่มวิ่งหนีเจเรมี่มองแผ่นหลังของเมเดลีนก่อนจะย่อตัวลงเพื่อหยิบสร้อยเปลือกหอยที่พังอันนั้นมันเป็นเพียงเปลือกหอยธรรมดา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันดูคุ้นเคยและมีความพิเศษต่อเขาเมเดลีนวิ่งออกมาจากทางเข้าคฤหาสน์แล้ววิ่งต่อไปโดยไร้จุดหมายตอนแรกเธอมาที่คฤหาสน์เพื่อทบทวนความทรงจำอันอบอุ่น แต่ไม่เคยคาดมาก่อนว่าจะเป็นการมาพบกับเจเรมี่เธอบอกว่าเสียใจเกี่ยวกับเรื่องนี
เมเดลีนมองชายหนุ่มที่กำลังยิ้มแย้มอย่างประหลาดใจ “คุณเพิ่งจะพูดว่าฉันช่วยคุณเหรอคะ คุณโจนส์?”ไรอันชะงักไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นเขาก็พยักหน้า“ผมไม่รู้ว่าคุณจำเรื่องนี้ได้ไหม” ไรอันประคองเหรียญอันหนึ่งไว้ระหว่างนิ้วของเขาเมเดลีนส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ค่ะ”“ถ้างั้นคุณคงลืมไปแล้วจริง ๆ” ไรอันหัวเราะกลับเกลื่อนความผิดหวัง ขณะที่เขากำลังจะอธิบายคุณนายโจนส์ก็เดินเข้ามาเมื่อเปรียบกับทัศนคติที่แข็งกร้าวในวันนั้นแล้วเธอดูเป็นมิตรและเข้าถึงได้ง่ายกว่ามากในครั้งนี้“ฉันได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับบ้านของคุณแล้วคุณมอนต์โกเมอรี ถ้าหากคุณยังไม่มีที่ไปในตอนนี้ คุณสามารถอยู่ที่ห้องพักแขกของเราได้ ฉันเสียใจกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในตอนนั้นและฉันหวังว่าคุณจะไม่ถือสาอีก”เมเดลีนวางถ้วยชาลงแล้วลุกขึ้นจากเตียง “ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณค่ะคุณนายโจนส์ มันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด ดังนั้นฉันจะไม่ถือสามันอีกค่ะ”เธอดูเวลาและตระหนักว่านี่คือเช้าวันใหม่แล้ว“ฉันต้องไปแล้ว ขอบคุณนะคะคุณโจนส์”“คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น อยู่อาบน้ำและทานอาหารเช้าก่อน ผมจะไปส่งคุณที่ไหนก็ตามที่คุณจะไปหล
ทันทีที่ลาน่าได้ยินเช่นนั้น เธอก็ตกตะลึงเพราะคิดว่าตัวเองได้ยินผิดถึงอย่างนั้น สายตาของเมเดลีนยังคงดูเฉียบขาด เธอดึงลาน่ากลับอย่างแรงและเตะเข้าที่เข่าขวาลาน่านั้นไม่ได้ตั้งตัว ด้วยขาขวาที่งอลง ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอกำลังคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าเมเดลีนไม่มีใครคาดว่าเมเดลีนจะทำแบบนี้ และลาน่าเองก็ถึงกับอึ้งงันอย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเธอก็กระวนกระวายใจ เธอเงยหน้าเพื่อจะยืนขึ้น ทว่าเมเดลีนกลับตบที่หน้าของเธออย่างแรงโดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้าลาน่าพลุ่งพล่านด้วยความโกรธ “เอวลีน แก…”เมื่อเธอกำลังจะด่าและเตือนอีกฝ่าย เอวลีนก็ยึดคางของเธอไว้อย่างเหนือกว่า ดวงตาอันเย็นชาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งการล้างแค้นที่ล้อมลาน่าไว้อย่างแน่นหนา“ขอโทษ!” เมเดลีนจ้องตรงมาที่เธอ จากนั้นจึงเอารูปโพลารอยด์ออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง มันเป็นรูปถ่ายของเอโลอิสและฌอนขณะยังมีชีวิต “ขอโทษพ่อแม่ของฉันซะ!”เมื่อลาน่าเห็นรูปนั้นเธอเข้าใจสิ่งที่เมเดลีนกำลังสื่อ อย่างไรก็ตามเธอคือรองหัวหน้าของแก๊งสเตเจี่ยน จอห์นสัน เป็นเหมือนเจ้าหญิงน้อยที่ถูกตามใจโดยพี่น้องชายตั้งแต่เล็ก เธอจะคุกเข่าและขอโทษคนตายในที่สาธารณะได้อย่างไร?เมื่
อย่างไรก็ตาม เมเดลีนประสาทเสียเมื่อเจเรมี่ทำเช่นนั้น “เจเรมี่ คุณทำอะไร? ปล่อยฉัน! ฉันต้องการให้ผู้หญิงคนนี้ชดใช้ความผิดของเธอต่อพ่อแม่ของฉัน!”เธอดิ้นรน และทันใดนั้นชายหนุ่มก็ดึงเธอเข้าไปไว้ในวงแขนของเขาอย่างครอบครอง “ลินนี่อย่าทำแบบนี้ ผมรู้ว่าคุณเสียใจที่พ่อแม่จากไป แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณจอห์นสัน”อะไรกัน?เมเดลีนประหลาดใจ เธอมองยังชายที่เรียกเธอว่า ‘ลินนี่’ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าเธอ ใบหน้าของเธอมีแววไม่เชื่อถึงอย่างนั้นเจเรมี่ยังคงเอ่ยต่อและกอดเธอไว้แน่น “ลินนี่ ตอนนี้อารมณ์ของคุณไม่คงที่ ผมจะพาคุณไปส่งที่บ้านคุณจะได้พักผ่อน”ลาน่าและนาโอมิต่างสงสัยเมื่อเห็นฤติกรรมของเจเรมี่กลายเป็นเช่นนี้ความทรงจำของเขากลับคืนมาแล้วหรือ?ไม่นะนี่มันเป็นไปไม่ได้ลาน่าสังเกตเห็นว่าเจเรมี่กำลังมองมายังตน “คุณจอห์นสัน ภรรยาของผมไม่ปกติเพราะการเสียชีวิตของพ่อตาและแม่ยายของผม ผมหวังว่าคุณคงจะให้อภัยในสิ่งที่เธอทำเมื่อครู่นี้”ลาน่าเองก็อยากจะจบเรื่องนี้เช่นกัน ในท้ายที่สุดเธอตกอยู่ในสภาพน่าอนาถและไม่สามารถแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นเพราะเมเดลีนเธอเข้าใจในสิ่งที่เจเรมี่กำลังทำและคิดว่าเขา
เมื่อเจอเขาถามแบบนั้นเมเดลีนก็ผงะไปเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้นเมื่อมองไปที่ดวงตาเรียวและลึกคู่นั้น เมเดลีนก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับเขาอีกต่อไป แววตาของเขาดูเย็นชาลงเรื่อย ๆ“เจเรมี่ จากนี้ไป ฉัน เอวลีน มอนต์โกเมอรีจะค่อย ๆ กำจัดคุณออกจากหัวใจ คุณจะไม่ใช่คนที่ฉันรักมากที่สุด ในทางกลับกันคุณจะกลายเป็นคนที่ฉันรังเกียจที่สุด!”สีหน้าของเจเรมี่เปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากได้ยินเธอพูดอย่างไม่ลังเล วงแขนของเขาที่โอบเธอเอาไว้ก็กลับไร้ชีวิตชีวาเช่นกันเมเดลีนดิ้นจากอ้อมแขนของเขาแล้วถอดแหวนแต่งงานต่อหน้าเขาอย่างไรก็ตาม ราวกับว่าแหวนแต่งงานมีขนาดเล็กลงและเธอก็ไม่สามารถถอดมันได้ไม่ว่าจะดึงเท่าไรก็ตามเมเดลีนร่ำไห้ออกมาแล้วใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อดึงมันออก เธอพยายามอย่างที่สุดที่จะขยับแหวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแม้ว่านิ้วของเธอจะเริ่มแสบจากแรงเสียดสีก็ตามเจเรมี่จ้องเมเดลีนซึ่งกำลังปวดร้าวและเขาเองก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังบีบคั้นหัวใจของตนเองเมื่อเขากำลังจะหยุดเธอ เมเดลีนก็สามารถถอดแหวนของตัวเองออกได้เป็นผลสำเร็จด้วยเหตุผลบางอย่าง เจเรมี่รู้สึกราวกับว่ามีใครทำให้หัวใจของเขาว่างเปล่าโดยพลันเมเดลีนช
หลังจากเอวาเอ่ยเช่นนั้น เลขาของเมเดลีนก็เคาะประตู “คุณนายวิทแมนคะ มีชายหนุ่มถือช่อดอกกุหลาบแจ้งว่าเขาต้องการพบคุณค่ะ เขารออยู่ที่ด้านนอกตอนนี้”“ชายหนุ่ม? ดอกกุหลาบ?” เอวางุนงง “แมดดี้ นั่นคนที่ชอบเธอหรือเปล่า? หรือเขาคิดว่าเจเรมี่ตายแล้ว นี่เลยเป็นสาเหตุที่เขาเข้าหาเธอในตอนนี้?”เมเดลีนค่อนข้างคิดมาก ดังนั้นจึงบอกให้โคโค่ปฏิเสธเขาไปแต่อย่างไรก็ตาม เมเดลีนยังได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจากด้านนอกของออฟฟิศ “คุณผู้หญิงนี่มันก็นานแล้วนะ คุณลืมผมแล้วจริง ๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินเสียงนั้น เธอก็ได้เห็นใบหน้าไม่จริงจังของฟาเบียนปรากฏขึ้นตรงหน้าเอวาสับสน “แมดดี้ เขาคือ?”“ผมเป็นเพื่อนชายคนสนิทของเอวลีนครับ” ฟาเบียนกล่าวอย่างซุกซน จากนั้นเขาจึงเลิกคิ้วแล้วเดินไปยังเอวลีน“ผมพูดถูกไหม?” เขาถามพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นเขาจึงสังเกตว่าดวงตาของเอวลีนแดงช้ำและดูเหมือนเพิ่งจะผ่านการร้องไห้มารอยยิ้มของฟาเบียนหายไปแล้วแทนที่ด้วยความจริงจัง“เอวลีน คุณอารมณ์เสียเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ของคุณสินะ?” ฟาเบียนถามอย่างอ่อนโยน “ที่จริงแล้ว ผมมาเพื่อขอโทษคุณเกี่ยวกับเรื่องนั้นล่ะ”“ขอโทษ? สำหรับเรื่องอะไร? ค
ดวงตาของเขาติดตรึงอยู่ที่เธอและหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัวในทันใดเธอช่างสวยจนแทบลืมหายใจในยามนี้มีบรรยากาศเยือกเย็นรายรอบตัวเธอและรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้า อย่างไรก็ตาม ยิ่งเธอเยือกเย็นมากเท่าใดเธอก็ยิ่งดูมีเสน่ห์เท่านั้นต่อให้เธอไม่ได้แต่งตัว แต่เห็นได้ชัดว่าเธอแต่งหน้าเล็กน้อยเขายังสามารถมองเห็นรอยแดงรอบนิ้วนางข้างซ้ายของเธอที่กำลังกำกระเป๋าคลัทช์ในตอนนี้มันคือรอยช้ำจากการที่เธอฝืนถอดแหวนออกอย่างแรงฟาเบียนนำเธอไปยังชั้นสอง ตอนที่พวกเขาเดินผ่านเจเรมี่ เมเดลีนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเขาและเดินผ่านไปราวอากาศธาตุเจเรมี่คว้าลำแขนบอบบางของเธอด้วยดวงตาเศร้าสร้อย “ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”เมเดลีนไม่แม้แต่จะมองเขา “ไม่ใช่เรื่องของคุณ” เธอตอบอย่างเย็นชาและเดินขึ้นบันไดต่อไปหลังจากที่แกะมือเขาออกหลงเหลือเพียงความว่างเปล่าในอุ้งมือของเจเรมี่และหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นผิดจังหวะห้องนั่งเล่นชั้นสองตอนนี้โยริคนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มีความปั่นป่วนอย่างรุนแรงภายใต้ดวงตาระแวดระวังภายนอกชายหนุ่มดูหล่อเหลา และเขามีดวงตาซึ่งคมกริบราวกับเหยี่ยวอยู่ใต้หว่างคิ้วสมบูรณ์แบบ“แกคิดอะไรอยู
ลาน่าจะเห็นด้วยได้อย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้แต่ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นดวงตาสีเข้มของโยริคเธอมองเมเดลีนแล้วกัดริมฝีปากของตนเอง จากนั้นจึงเอ่ยอย่างไม่เต็มใจว่า “เอวลีน แกต้องการให้ฉันขอโทษแกอย่างหมดท่าใช่มั้ยห่ะ? ได้ ฉันจะขอโทษแก!”“เดี๋ยว” เมเดลีนรั้งเธอลาน่าคับข้องใจ “แกยังต้องการอะไรอีก?”“ฉันบอกว่าฉันต้องการให้เธอคุกเข่าและขอโทษ” เมเดลีนเน้นย้ำ แววตาของเธอเคร่งขรึม“แก… เอวลีน อย่าทำตัวได้คืบจะเอาศอกนะ!” ลาน่าโกรธจัดอย่างไรก็ตามท่าทีของเมเดลีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “การคุกเข่าและขอโทษจะเทียบอะไรได้กับสองชีวิต?”“ใช่ ไม่ได้เลย!” ฟาเบียนคอยเป็นลูกคู่อยู่ข้างกายเมเดลีนลาน่าจ้องฟาเบียนก่อนจะหันไปมองโยริคอย่างไรก็ตาม โยริคยืนกรานต่อการตัดสินใจ ถ้าหากเมเดลีนต้องการให้เธอคุกเข่าเธอก็ต้องคุกเข่าลาน่าไม่เคยต้องเผชิญกับประสบการณ์สุดอัปยศมาก่อน เธอกัดริมฝีปากแล้วคุกเข่าต่อหน้าเมเดลีนโดยไม่มีทางเลือกเมเดลีนยืนตระหง่านเหนือเธอ แล้วมองลงมาด้วยความรังเกียจ จากนั้นก็ได้ยินล่าน่าพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “ฉันขอโทษ คุณมอนต์โกเมอรี”อย่างไรก็ตาม มีรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปากของลาน่า“ฉันขอโท