หลังจากที่แทนเนอร์พูดแบบนั้น เสื้อของมาเดลีนถูกฉีกออกมาเดลีนเจ็บปวดมากจนเธอไม่มีแรงที่จะดิ้นรน เมื่อเธอคิดว่าเธอคงหมดหวังแล้วแทนเนอร์กำลังจะช่วงชิงร่างกายเธอไป ทันใดนั้นประตูถูกเตะเปิดออกพร้อมกับเสียงดังประตูเอียงไปด้านหนึ่งก่อนจะตกลงบนพื้นมาเดลีนหันหน้าไปทางต้นเสียงก่อนจะเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาที่ดูน่ากลัวของเจเรมี่ เขาดูเหมือนกับซาตาน เมื่อสายตาที่เจเรมี่จ้องมองมาที่เธอมันเต็มไปด้วยความน่ากลัวและความทรยศ เธอก็สั่นสะท้านเจเรมี่ก้าวไปข้างหน้าและดึงแทนเนอร์ ซึ่งกำลังกดทับมาเดลีน ออกไป"กล้าดียังไงมาลักพาตัวลูกชายของผม? เบื่อกับการมีชีวิตแบบนี้แล้วใช่ไหม?”เขาชกแทนเนอร์อย่างแรงที่ด้านข้างของใบหน้า ทำให้แทนเนอร์โอดครวญด้วยความเจ็บปวด ฟันซี่หนึ่งของเขาหลุดออกและเลือดเริ่มไหลออกมาจากปากของเขา เจเรมี่เตะแทนเนอร์ไปที่มุมกำแพง และในจังหวะนั้น แทนเนอร์ไม่สามารถลุกขึ้นจากความเจ็บปวดได้มาเดลีนล้มลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง เธอพยายามปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าด้วยเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเจเรมี่มองเธอด้วยความรังเกียจ "มาเดลีน เธอมันต่ำช้ายิ่งกว่าแต่ก่อน”เขามองเธอเขม็งก่อนจะเดินไปเข้าห้องใดห้
'งั้นหรอ?’‘คุณทำสัญญาแค่กับเมเรดิธในชีวิตนี้แค่นั้นงั้นเหรอ?’‘แล้วสิ่งที่คุณพูดมันออกมาในตอนนั้นมันเป็นแค่คำพูดที่ไร้ความหมายเหรอ? และฉันคงเป็นเพียงแค่ภาพบนอากาศที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตที่ไม่ควรค่าแก่การจดจำสินะ’ฮ่าๆ มาเดลีนหลับตาที่เหนื่อยล้าลง เธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นน้ำตาหรือหยดน้ำฝนที่ไหลล้นไปทั่วดวงตาของเธอก่อนที่เธอจะมีกำลังที่จะลุกขึ้นยืน แทนเนอร์และเธอถูกนำตัวเข้าไปในรถตำรวจตลอด 48 ชั่วโมงที่ถูกคุมขัง มาเดลีนไม่สามารถรอดพ้นจากการถูกทำร้ายร่างกายในสถาณการณ์คล้ายคลึงกับครั้งก่อนได้อีกเลยเหตุการณ์นี้ ทำให้เธอรู้สึกมึนงงกับเรื่องนี้ทั้งหมด เธอมึนงงจนไม่รู้สึกเจ็บเมื่อริ่มมีอาการอาเจียนเป็นเลือดมีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลออกมาจากดวงตาของเธออย่างไม่สามารถควบคุมได้ น้ำตาทำให้หัวใจของเธอพร่ามัวและทำให้หัวใจของเธอจมลงไปในน้ำอย่างไร้ทางรอดมาเดลีนคลานไปบนพื้นก่อนจะค่อยๆจับลูกกรงเพื่อพยุงตัวเองขึ้น แต่เเล้วใครบางคนเตะและต่อยเข้าที่หลังของเธอทุกรูปแบบเมื่อเธอมองไปที่แสงแดดข้างนอก เธอก็ยิ้มอย่างคร่ำครวญในขณะที่เธออาศัยอยู่ในโลกที่เธอสร้างขึ้นด้วยต้วยน้ำมือตัวเองมานานห
บรรยากาศภายในรถดิ่งลงสู่ความเงียบอย่างกะทันหัน มาเดลีนหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นด้วยความเหนื่อยล้า"เจเรมี่ แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อทุกการกระทำของฉัน แล้วคุณปู่คุณล่ะ? ท่านเป็นคนฉลาดและมีประสบการณ์มากมายในการชีวิต ถ้าตัวฉันเองเป็นคนที่ร้ายกาจขนาดนั้น แล้วทำไมเขาถึงยอมให้ฉันแต่งงานกับคุณ? ทำไมเขาถึงดูแลฉันและหันหลังให้เมเรดิธอย่างเย็นชาด้วย?”เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจเรมี่จะไตร่ตรองเรื่องนี้อีกครั้ง แต่ในขณะที่เธอหยุดพูด เขาก็หัวเราะออกมาอย่างดัง"เธอน่าจะรู้ดีว่าทำไมเธอถึงต้องแต่งงานกับฉันแล้วทำไมเมเรดิธถึงถูกคุณปู่หันหลังให้ด้วยความเมินเฉย”เขาพยายามจงใจบอกว่ามาเดลีนคือคนที่แอบยุยงให้เกิดความไม่ลงรอยกันระหว่างคุณปู่ของเขาและเมเรดิธเช่นนั้น เขาไม่เคยคิดว่าผู้หญิงอย่างเมเรดิธเต็มใจที่เป็นภรรยาน้อยสิ่งนั้นแหละมันคือปัญหา"มาเดลีน หยุดเล่นละครสักที ผมจะพาเธอไปพบคุณปู่ตอนนี้ ผมจะทำให้เขาเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ”มาเดลีนยิ้มอย่างขมขื่น เธอไม่ต้องการอธิบายตัวเองอีกต่อไปการยืนหยัดในตัวตนของเธอกลายเป็นเรื่องโกหกที่บาปหนาเกินกว่าจะไถ่ถอนมาเดลีนถูกลากตัวกลับไปที่คฤหาสน์วิทแมนโดยเจเรมี่ และเ
เมเรดิธหยุดการแสดงที่น่าสมเพชของตัวเองเพื่อจ้องมองไปยังชายชราด้วยสีหน้าฮึดฮัดในใจใบหน้าของผู้นำตระกูลดูเคร่งขรึมและท่าทางของเขาดูโอ่อ่าอย่างน่าเกรงขาม "เธอเป็นผู้หญิงที่เข้าไปแทรกแซงงานแต่งงานของคนอื่นอีกทั้งเธอยังให้กำเนิดลูกนอกสมรสที่น่าขายหน้าด้วยความกล้าหาญอย่างมาก ไม่เพียงแค่นั้นแต่นี่เธอยังไม่อับอายในสิ่งที่เธอได้ทำลงไป แต่ในทางกลับกัน เธอดูภูมิใจในตัวเองอีกด้วย ในตระกูลของวิทแมนไม่มีหลานสะใภ้ที่ไม่ให้เกียรติและรักแต่ตัวเอง”"... " ริมฝีปากมุมบนของเมเรดิธเริ่มกระตุกขณะที่หน้ากากอันอ่อนโยนของเธอกำลังจะแตกอาจเป็นเพราะเธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเป็นผู้ได้รับบทตัวละครแบบนั้นในหัวใจของชายชราคนนี้ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมชายชราคนนี้ถึงไม่ชอบเธอมาเดลีนสังเกตุเห็นเมเรดิธกำลังกำหมัดแน่น เมเรดิธิรู้ดีว่ามันยากที่จะทำการแสดงของเธอต่อไป และยังไง เธอยังไม่สามารถที่จะลดหน้ากากที่อ่อนน้อมและอ่อนโยนของเธอได้"คุณพ่อ จะพูดอย่างนั้นไม่ได้ มาเดลีนเป็นคนที่เข้าไปยุ่งในความรักของทั้งคู่ก่อน เธอคือเมียน้อย! ถ้าเธอไม่มาแทรกระหว่างพวกเขาและวางแผนทำลายทั้งคู่ซะก่อน เจเรมี่และเมอร์คงจะแต่งงา
เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายไม่มีใครในห้องคาดคิดว่าผู้นำตระกูลจะถามคำถามแบบนี้นับประสาอะไรกับ มาเดลีนแน่นอนว่าเธอกำลังช็อคมากอัตราการเต้นของหัวใจที่คงที่กลับเต้นเเรงขึ้นจากเลือดที่สูบฉีด มาเดลีนเธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไรชายชราผู้ผ่านประสบการณ์ทางโลกมามากมายเห็นใบหน้าแดงเป็นลูกตำลึงของเด็กสาวตรงหน้า มันทำให้เขาเข้าใจในทันทีรอยยิ้มอ่อนโยนจากชายชราอารมณ์ดีปรากฏขึ้นหลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นมองเจเรมี่ ก่อนจะปรายสายตาเคร่งขึมมองไปที่เมเรดิธและแม่ของเจเรมี่ที่มีสีหน้าคล้ายคนโดนขัดใจ“ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ทำลายใบสมรสการแต่งงานนี้ตราบเท่าที่ผมอยู่ที่นี่!” ผู้นำตระกูลสูงสุดประกาศกร้าวอย่างจริงจังมาเดลีนสังเกตเห็นใบหน้าของเมเรดิธมีความมืดมิดราวกับก้อนถ่านหินมันดูน่ากลัวมาก เธอคิดว่าหล่อนต้องกำลังสาปแช่งผู้อาวุโสคนนี้เป็นแน่ด้วยคำสาบส่งทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวของหล่อน"คุณมอนต์โกเมอรี”ผู้อาวุโสวิทแมนเอ่ยปากกับเมเรดิธด้วยการเรียกฐานะของเธอในขณะที่เธอเป็นทาญาติของตระกูลมอนต์โกเมอรีเมเรดิธฝืนยิ้มบนใบหน้าของเธอ “ค่ะ นานท่านวิทแมน”"ผมเชื่อว่าหลานสะใภ้ของผมไม่ได้ลักพาตัวลูกชายของเธ
เนื่องจากความการตอบสนองช้าของร่างกาย มาเดลีนการหยุดรถกระทันหัน ทำให้เธอไม่ทันได้ตั้งตัวส่งผลให้ร่างกายของเธอพุ่งไปข้างหน้า อาการปวดอย่างรุนแรงกำเริบขึ้นทางท้องเธอทันที มาเดลีนขดร่างกายตัวเองเพื่อพยายามบรรเทาความเจ็บปวด แต่ก่อนที่เธอจะหายเจ็บ เจเรมี่กระชากเธอเข้าไปหาเขาใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลาแม้จะมีความโกรธที่ท่วมท้น แต่ความเกรี้ยวกราดพวกนั้นไม่สามารถลดความงดงามของใบหน้านั้นได้เลยความโกรธของเขาปะทุขึ้นเมือเธออยู่ตรงหน้าเขาเจเรมี่มองมาเดลีนด้วยรังสีอำมหิต “นั้นเธอยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเธอเป็นคนวางยาผมและพยายามขึ้นเตียงกับผมตอนนั้นใช่หรือไม่?”มาเดลีนมองไปที่ใบหน้าที่เธอเฝ้ารักมาหลายปีแล้วยิ้ม“ถ้าคิดว่าฉันทำอย่างนั้น ฉันยอมรับว่าทำก็ได้ คุณชายวิทแมน” เธอไม่ต้องการอธิบายอะไรอีกต่อไปในตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกแล้วอย่างไรก็ตาม เจเรมี่หยุดคาดคั้นเธอและมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มที่อยู่ตรงหน้าเขา รอยยิ้มที่คล้ายคลึงกันปรากฏขึ้นในหัวของเขาอย่างสับสน ก่อนมือที่จับคอเสื้อของมาเดลีนจะคลายออก ต่อจากนั้น ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ความรู้สึกรังเกียจอันเเรงกล้าถูกส่งออกมาจาสายตาของเขา“ไร้ค่า”
มาเดลีนสายตาที่พร่ามัวเห็นเพียงรองเท้าหนังสีดำราคาแพงคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ ด้วยขาที่ยาว เธอเงยหน้าขึ้น และในสภาพสะลึมสะลือ เธอมองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏในสายตาก่อนที่เธอจะหมดสติไปมาเดลีนรู้สึกตัวอีกที เธอพบว่าเธอกำลังอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีเอวานั่งอยู่ข้างๆเตียงเธอเอวาเห็นมาเดลีนลืมตาขึ้นแต่กระนั้นเธอยังไม่หายกังวลใจ “แมดดี้ เธอไม่รู้สภาพร่างกายตัวเองเหรอ? ทำไมถึงออกไปกลางสายฝนและทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?”มาเดลีนมองเห็นเอวาน้ำตาไหลจากความเป็นห่วง ดวงตาของเธอเป็นสีแดงและมุมริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย“ดูสิตอนนี้ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไง ไม่ใช่เหรอ?” มาเดลีนยิ้มสู้ สถานการณ์ตรงหน้า เธอรู้สึกตัวลึกๆ ว่าร่างกายของเธออาจแย่ลงมากกว่าที่เเธอคิด อีกทั้งเธอไม่ต้องการที่จะใช้สมองกับเรื่องนี้อีกต่อไปก่อนหน้านี้เธอจำได้แม่นว่าเธอใช้ชีวิตโดยสาบานทุกอย่างกับเจเรมี่ อาจเพราะชีวิตของเธอกำลังจะจบลงในไม่ช้า ดังนั้นคำสัญญาว่าจะตายจากความตายที่น่าสยดสยองจึงกลายเป็นเรื่องตลกและน่าขบขันที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้“ใครเป็นคนพาฉันมาที่นี่?”มาเดลีนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน
สถาณการณ์ในตอนนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วมาก มาเดลีนคิดว่าหล่อนไม่มีทางหลบกาแฟแก้วนั้นได้ทันทีแน่ ๆ แต่แล้วใครบางคนรูปร่างสูงเพียวปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ กาแฟที่ถูกสาดใส่มาเดลีนกลายเป็นถูกสาดลงบนสูทและเสื้อเชิ้ตที่รีดอย่างเนียบของชายคนนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนมาเดลีนและเมเรดิธตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งคู่“คุณผู้หญิงครับ ผมสามารถฟ้องคุณในข้อหาทำร้ายร่างกายได้เพียงแค่คุณสาดกาแฟร้อนใส่คนอื่น” ชายคนนั้นกล่าว เสียงของเขาทุ้มและกลมกล่อม ราวกับไวน์แดงที่รื่นหู ท่าทางของเขาดูไม่เหมือนใครอย่างเห็นได้ชัดเมเรดิธมองหน้าชายคนนั้นก่อนจะพูดอย่างหยิ่งผยองหลังจากที่เธอได้สติกลับคืนมา “เหอะ! นี่กำลังพยายามทำให้ฉันตกใจหรือเปล่า? แล้วถ้าฉันจะทำร้ายเธอล่ะ? ฉันจะทำร้ายนังสารเลวคนนี้ ทำไมคุณถึงเข้ามาขัดขวางอย่างกะทันหันแบบนี้ห้ะ? "“คุณครอว์ฟอร์ดเป็นพนักงานอย่างเป็นทางการของผม ในฐานะหัวหน้า ผมมีความรับผิดชอบในการดูแลและปกป้องพนักงานของผม”เมื่อมาเดลีนได้ฟังแล้ว เธอตกใจมากกับสิ่งนี้เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วสายตาของเธอสบเข้ากับดวงตาที่ไร้ก้นบึ้งของชายคนนั้น เธอผงะเมื่อรู้สึกว่าเขาดูคุ้นเคย