มาเดลีนยิ้มออกมา เธอกำลังจะเดินออกไป เธอเห็นเจเรมี่มองมาที่เธอ “มาทานอาหารเช้ากันก่อน”อะไร?มาเดลีนหยุดเดินด้วยความไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเขาเคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่และเมื่อไหร่กันที่เธอกินข้าวกับเขาด้วยกันสองต่อสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันดูเหมือนเป็นอาหารเช้าที่จริงใจไร้การเสแสร้งใดๆ“คุณผู้หญิงคะ อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ” แม่บ้านฮิวจ์ยิ้มให้มาเดลีนอย่างเมตตาหลังจากลังเลสักพัก มาเดลีนหมุนตัวกลับไปเธอมองไปที่โต๊ะอาหาร มีชามซีเรียลและขนมปังปิ้งหนึ่งจานพร้อมกับขนมปังโฮมเมด มาเดลีน ชอบอาหารเช้าง่ายๆทั่วไปแบบนี้“นั่งนี่สิ” เจเรมี่ดึงเก้าอี้ข้างๆเขาออกเธอเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ไม่ มันใกล้เกินไปแล้ว ฉันเกรงว่าจะทำให้คุณสกปรกค่ะ คุณวิทแมน”จากนั้น เธอก็นั่งลงตรงข้ามเจเรมี่ใบหน้าของเจเรมี่มืดลงทันทีราวกับว่าพายุกำลังจะมาเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเธออดไม่ได้ที่รู้สึกประหม่า เธอก้มหน้าลงเพื่อกินซีเรียลของเธอต่อและไม่พูดอะไรเจเรมี่มองใบหน้าประหม่านั้นก่อนจะเอ่ยเย้ยหยัน “เธอดูไม่เต็มใจอยู่กับสามีมากเลยนะตอนนี้ อดใจที่จะเจอผู้ชายคนนั้นไม่ไหวหรือไง ฮะ?”ผ
เมื่อเมเรดิธได้ยินแบบนั้น เธอก็ไม่สามารถอดทนให้สถาณการณ์เช่นนี้ได้อีกต่อไป “เจเรมี่ ฉันมาตามหาคุณตอนที่ฉันตื่น ฉันยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า ฉันควรทำอย่างไรถ้าคุณออกไป?”เจเรมี่ ไม่ได้หันกลับมามองหล่อนแต่อย่างไร “เธอสามารถใช้เวลานี้เพื่อรับประทานอาหารเช้าได้นิ”"... " เมเรดิธยืนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยท่าทางงุนงง เธอเฝ้ามองดูขณะที่ เจเรมี่แสดงท่าทีไม่สนใจเธอและเดินไปหามาเดลีนแทน เธอกำกระเป๋าไว้แน่น รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจะระเบิดมาเดลีนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเกี่ยวกับปฎิกิริยาของเจเรมี่เช่นกัน ดูเหมือนว่า เขาพูดจริง เมื่อเขาเดินผ่านเธอ เขาจงใจชะลอความเร็วและมองไปที่เธออย่างลึกซึ้ง “มากับผม”มาเดลีนไม่เข้าใจว่าทำไมเจเรมี่ถึงทำแบบนี้ แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่ขึ้นสีของเมเรดิธ เธอยิ้มออกมาและให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ เธอเข้าไปในรถของเจเรมี่เพื่อป้องกันการโต้เถียงที่ไม่จำเป็น มาเดลีนไม่ได้พูดอะไรเลย เจเรมี่ก็ไม่พูดอะไรเช่นกันมาเดลีนจ้องมองไปที่เจเรมี่ใบหน้าด้านข้างที่งดงามของเขาเป็นน้ำแข็งอย่างผิดปกติเธอนึกถึงครั้งที่เธอจ้องมองเขาสมัยที่พวกเขาอยู่มหาวิทยาลัย เธอไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธ
กลับกลายเป็นมาเดลีนเองที่รู้สึกเสียใจในขณะนี้ เขาจะรู้สึกสำนึกผิดอย่างไร?แม้ว่าเขาจะรู้สึกเช่นนั้น แต่มันก็สายเกินไปแล้ว…มาเดลีนปรับตัวคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่ของเธออย่างช้าๆ เพื่อนร่วมงานของเธอเป็นมิตรอีกทั้งพวกเขากำลังคุยกันเรื่องการเฉลิมฉลองสำหรับมาเดลีนมือใหม่ในช่วงพักกลางวันเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน ทุกคนคุยกันว่าอยากกินอะไร เมื่อผู้จัดการแผนก อลิซาเบธ สโนว์ เดินผ่านมาอลิซาเบธจัดว่าเป็นคนที่สวยมากและยังเด็กอีกด้วย เธอแต่งตัวในชุดที่มีสไตล์เช่นกัน เมื่อเธอเดินเข้ามา เธอปรบมือและกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง “เราเพิ่งยอมรับทำโครงการที่สำคัญมาก ผู้ที่กำลังมีอิทธิพลในขณะนี้ ลอว์ลี่ แทต กำลังจะหมั้นหมายกับแฟนหนุ่มของเธอ พวกเขาเข้าพบ ท่านประธานวิทแมนและขอให้เราออกแบบแหวนคู่สร้อยคอและสร้อยข้อมือให้ โดยพวกเขาวางเงินค่าปรับแต่งมูลค่าสิบล้านดอลลาร์ หากเราได้ข้อตกลงนี้มาแผนกของเราจะได้รับโบนัสรางวัล 10%”"ว้าว!"“หมายความว่าพวกเราทุกคนจะได้รับเงินเป็นหมื่นๆเหรอ?”ทุกคนตื่นเต้นและมาเดลีนรู้สึกตื่นเต้นเช่นกันกับพวกเขา เธอชอบงานออกแบบเครื่องประดับเธอชอบสิ่งของเหล่านั้นเพียงเพรา
มาเดลีนจับแก้มขวาข้างที่พึ่งโดนตบอย่างปวดร้าว เธอรู้งงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอันรวดเร็วนี้“มาเดลีน ยัยผู้หญิงสารเลว! ยัยแม่มดชั่วร้าย!” เอโลอิสกรีดร้องขณะที่เธอชี้ไประยะจมูกของมาเดลีนมาเดลีนไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงรู้สึกอกสั่นขวัญผวาเมื่อเห็นการจ้องมองที่กินเลือดกินเนื้อของ เอโลอิส“คุณนายมอนต์โกเมอรีเหตุใดคุณถึงตบฉัน?” มาเดลีนพยายามสงบสติอารมณ์แต่หัวใจของเธอกลับเต้นแรง“เธอยังมีหน้าจะถามฉันอีกหรอว่าทำไม?” เอโลอิสชี้ไปที่มาเดลีนอย่างโกรธเกรี้ยว “เธอร่วมมือกับคนอื่นลักพาตัวหลานชายของฉันไปหนำซ้ำเธอยังกล้ารังแกลูกสาวที่แสนเลอค่าของฉัน เมเรดิธ! และตอนนี้ เธอกำลังยั่วยุผู้ชายอีกคนเพื่อให้เขาอยู่ข้างเธอ เขาส่งจดหมายของทนายความให้เมอร์และบอกว่าเธอจงใจทำร้ายคนด้วยกาแฟร้อน!”หลังจบประโยคเพียงเสี้ยววินาที จดหมายถูกโยนไปที่ใบหน้าของมาเดลีนด้วยความโกรธ “มาเดลีน เธอมันเป็นหญิงที่ร้ายกาจ! ขอบคุณพระเจ้าที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตเร็ว ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องตายเพราะความอับอาย! หากเธอเป็นลูกสาวของฉันล่ะก็นะ ฉันคงตัดหางปล่อยวัดไม่เหลียวแลเธออีกต่อไป!”เมื่อมาเดลีนได้ยินเอโลอิสตะคอกใส่เธอ คำพ
มาเดลีนอดคิดสงสัยไม่ได้ว่าอลิซาเบธมีความซับซ้อนผิดปกติทางบุคลิกภาพที่หลากหลายของเธอ วิธีที่หล่อนปฏิบัติต่อเธอนั้นดูไม่สอดคล้องกันมากนักในขณะนี้ร่างสูงและเพรียวปรากฏขึ้นที่ประตูดวงตาของอลิซาเบธลุกวาวทันที “คุณวิทแมน ทำไมคุณถึงมาที่นี่?”อาการของเธอเปลี่ยนไป ตอนนี้หล่อนดูอ่อนโยนมากเมื่อพนักงานที่เหลือได้ยิน ดังนั้นพวกเขาวางกระเป๋าที่ถือลงและยิ้มให้เฟลิเป้อย่างเคารพ “คุณวิทแมน”ในที่สุดมาเดลีนดึงสติของเธอกลับมา จากนั้น การทักทายจากพนักงานที่เหลือสิ้นสุดลง มันจะเหมือนกับว่าเธอพยายามที่จะโดดเด่นถ้าเธอเอ่ยทักทายเขาตอนนี้ ดังนั้น เธอจึงพยักหน้าและยิ้มให้เฟลิเป้เท่านั้นเฟลิเป้ยิ้มให้มาเดลีนก่อนจะเดินเข้าไป เขามีลักษณะที่มีภูมิฐานที่ดี อีกทั้งความหล่อเหล่าและสง่างามมาก“ทุกคน ขอบคุณสำหรับการทำงานหนัก ขอให้โชคดีกับโครงการใหม่” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอลิซาเบธมองเพื่อนร่วมงานของเธอทันทีและทุกคนก็เข้าใจความหมายทันที “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย คุณวิทแมน เราจะทำให้ดีที่สุด!”“ดีมาก” เฟลิเป้พยักหน้าอลิซาเบธเล่นกับผมยาวและหยิกของเธอ เธอม้วนมันไปมาขณะที่เธอเฝ้ารอให้เฟลิเป้เดินเข้าใกล้เธ
เมื่อเห็นเฟลิเป้ยืนอยู่คู่กับมาเดลีน ความหนาวเย็นได้ปรากฏในดวงตาของเจเรมี่เขาช้อนสายตาอันเย็นชานั้นขึ้นมองและมาเดลีนรู้สึกได้ว่าหัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะในทันทีแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่เธอสนใจ แต่ร่างกายของเธอยังคงบอกเป็นนัยว่าเธอยังไม่สามารถไปจากเงาของเขาได้“เจเรมี่?” เฟลิเป้เดินออกจากลิฟต์ด้วยความประหลาดใจ “นายมาที่นี่เพื่อรับแมดดี้งั้นหรอ?”“มันไม่ใช่ธุระของคุณ” น้ำเสียงของเจเรมี่เย็นชา ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของมาเดลีน “ทำไมเธอถึงตัดสายผม?”“เมื่อกี้เป็นนายเองหรอที่โทรเข้าหาแมดดี้?” เฟลิเป้กล่าวพร้อมกับหัวเราะ “แมดดี้พูดที่เล่นว่าเป็นเบอร์ของนักล่อลวงก่อนจะตัดสายทิ้งไป ทั้งสองคนทะเลาะกันงั้นหรอ?”หลังจากที่เขาได้ยินในสิ่งที่ลุงตัวเองพูดออกมา มาเดลีนเห็นใบหน้าของเจเรมี่มืดลงอย่างน่ากลัวเขาพุ่งสายตาจ้องมองเธอ “รออะไรอยู่? กลับกัน”เจเรมี่พูดพร้อมจับมือมาเดลีนเป็นฤดูหนาวในขณะนี้ที่จริงมันควรจะหนาวมาก แต่นั้นทำให้ มาเดลีนรู้สึกได้ว่ามือของเจเรมี่กำลังไหม้เเผดเผาอากาศภายนอกทั้งหมดนี้สิ้นไปเธอจินตนาการถึงเขาที่จับมือเธอเพื่อพาข้ามถนนหลายครั้งก่อนหน้านี้มันก็แค่เมื่อ
เมื่อเมเรดิธเห็นเจเรมี่และมาเดลีนเดินเข้ามาด้วยกัน เธอแทบคลั่งมือของเธอถูกกำแน่นเข้าด้วยกัน มีบางอย่างที่น่ากลัวในดวงตาของเธอแต่เธอไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ไม่เพียงเท่านั้น เธอเห็นเฟลิเป้ เธอตกใจมากที่เห็นเขามาที่นี่ด้วย!ผู้ชายคนนั้นคือลุงของเจเรมี่!เธอรู้สึกไม่สบายใจยิ่งขึ้น เธอคิดไม่ถึงมาก่อนว่าลุงของเจเรมี่คือคนที่ยืนกรานต่อสู้ในนามของมาเดลีนในวันนั้นยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายคนนี้ยังยื่นจดหมายฟ้องทนายความให้เธออีกด้วย!เธอมองเฟลิเป้อย่างประหม่า เธอยืนอยู่ที่ด้านหนึ่งและแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเฟลิเป้เห็นเมเรดิธเช่นกัน เขาหลบสายตาด้วยท่าทีสงบมาเดลีนถูกเจเรมี่ลากมานั่งข้างๆ ในขณะที่ เมเรดิธนั่งอยู่อีกด้านของเจเรมี่ ในขณะที่หล่อนนั่งลง หล่อนรินไวน์และหยิบอาหารให้เจเรมี่เหมือนภรรยาน้อยที่สมบูรณ์แบบมาเดลีนรู้สึกว่าการเห็นหล่อนทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่อุจาดตา บนโต้ะมีอาหารทุกประเภทแต่เธอไม่รู้สึกอยากอาหารมากนัก นอกจากนี้ เนื่องจากสุขภาพของเธอ เธอจึงกินได้เฉพาะของที่เป็นอาหารอ่อนๆเท่านั้น“นี่คืออาหารจานเด็ดของแม่ เธอไม่เคยลองมาก่อน นี้ ลองดูสิ” จู่ๆเจเรมี่ก็ใส่แกงลงไปในชามขอ
มาเดลีนไอออกมาโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เธอรีบเอื้อมมือไปดึงกระดาษทิชชู่ออกเพื่อซับเลือด เธอแทบคลั่ง เพราะเธอเองไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงอาเจียนเป็นเลือด ถึงอย่างนั้น เธอไม่ต้องการให้เจเรมี่เห็นสิ่งนี้“มาเดลีน! ฉันไม่สนว่าเธอจะไม่อยากกินมันแค่ไหน แต่ทำไมเธอถึงทำให้อาหารของฉันมัวหมองเช่นนี้”คุณหญิงวิทแมนไม่ทันได้สังเกตว่ามีเลือดปนในแกงมาเดลีนที่อาเจียนออกมา เธอชี้ไปที่มาเดลีนและกรีดร้องด้วยความโกรธ“บอกฉันก่อนที่เธอจะมาที่นี่ในครั้งต่อไปเพื่อที่ฉันจะได้ไม่โผล่มาที่นี่! ฉันไม่อยากเจอเธออีกแม้แต่ครั้งเดียว!”“อย่าโกรธไปเลยนะคะ คุณหญิงวิทแมน” เมเรดิธวิ่งเข้่าไปอย่างรวดเร็วเพื่อปลอบประโลมเธอ เเต่แล้ว หล่อนไม่ลืมที่จะมองกลับไปที่มาเดลีนก่อนจะส่งยิ้มเยาะให้เธอหล่อนเห็นอย่างชัดเจนว่ามาเดลีนกำลังกระอักเลือดหล่อนรู้ดีว่ามาเดลีนไม่สามารถผ่าตัดเนื้องอกของเธอในการรักษาได้ อายุขัยของเธอจะสั้นลงถ้าเธอกินอาหารที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าวในตอนนี้ถ้ามาเดลีนเสียชีวิต โอกาสที่คนอย่างหล่อนจะได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายก็จะมาถึง“เธอพยายามที่จะผลักไสผมออกไปจากชีวิตใช่ไหม?” เจเรมี่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวข้