“เธอดูโทรมลงไปนะ”เมื่อมาเดลีนได้ยินเฟลิเป้พูดดังนั้น เธอสัมผัสใบหน้าของเธออย่างเชื่องช้าอย่างอดไม่ได้เธอกำลังป่วยร่างกายของเธอแย่ลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเธอจะดูอ่อนแอเล็กน้อย“เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” เขาถามอย่างห่วงใย“ขอบคุณสำหรับการใส่ใจ คุณวิทแมน แต่ฉันสบายดี”มาเดลีนขอบคุณเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะลุกขึ้นจากไปเธอนึกขึ้นได้ว่าเธอและเขามีส่วนเกี่ยวข้องกันในทางไหนเขาเป็นลุงของเจเรมี่สามีของเธอนั่นทำให้เธอรู้สึกเสียใจมาก“เธอหยุดเรียกผมว่าคุณวิทแมนได้เมื่อไม่มีใครอยู่”มาเดลีนลังเลแล้วเธอก็พูดว่า “ฉันจะไปแล้วนะคะ คุณลุง”“ที่จริง ผมอายุมากกว่าเจเรมี่แค่สามปี ผมไม่ชอบถูกเรียกว่าลุง ดังนั้นเธอสามารถเรียกผมด้วยชื่อของผมได้”มาเดลีนถึงกับผงะ จากนั้น เธอก็พยักหน้า “ฉันจะกลับไปทำงานต่อแล้วนะคะ คุณวิทแมน”เฟลิเป้มองไปที่มาเดลีนแล้วยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น “ไปเถอะ”…มาเดลีนทุ่มเทให้ความสำคัญกับงานของเธออย่างมาก เธอทำได้เพียงลืมเรื่องต่างๆและผู้คนที่ทำให้เธอไม่มีความสุขด้วยการทำเช่นนี้โปรเจคที่มีระยะเวลาหนึ่งเดือนของพวกเขาดำเนินไปได้ครึ่งทางแล้ว มาเดลีนค่อนข้างพอใจกับส่วนที่เธอรับผิดชอบตามค
เจเรมี่พูดขณะที่เขานั่งลง เมเรดิธดึงทักท้วงเขาอย่างเห็นได้ชัด“เจเรมี่ ฉันไม่คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี แมดดี้ดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด”มาเดลีนอยากจะขว้างแก้วน้ำผลไม้ของเธอใส่หน้าของเมเรดิธ เธออยากถามหล่อนว่าใครกันแน่ที่ควรไม่พอใจกับเรื่องนี้?ท่ามกลางความเงียบ มาเดลีนได้ยินเจเรมี่พูดอย่างใจเย็น “เธอเป็นใครถึงปฏิเสธเราได้?”ฮิฮิใช่ เธอเป็นใคร?เธอไม่เคยเป็นอะไรกับเขามาตลอดเมื่อเมเรดิธเห็นว่ามาเดลีนไม่กล้าพูดอะไรหล่อนก็ยินดีอย่างยิ่งหล่อนวางกระเป๋าเงินลงแล้วนั่งลงข้างๆมาเดลีน หล่อนคิดไม่ถึงว่าเจเรมี่จะนั่งลงข้างๆมาเดลีนเสียก่อนเมเรดิธถึงกับผงะ ในทางกลับกัน มาเดลีนรู้สึกประหลาดใจเช่นกันอย่างไรก็ตาม ด้วยปฎิกริยาของพวกเขา ไม่มีอะไรผิดปกติกับเจเรมี่ที่นั่งอยู่ข้างๆเธอแม้จะรู้สึกไม่มีความสุขกับเรื่องนี้ แต่เมเรดิธก็ไม่กล้าเอะอะมากนัก ดังนั้น หล่อนจึงทำได้แค่นั่งลงข้างๆเฟลิเป้หลังจากที่เธอนั่งลง เมเรดิธรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นข้อได้เปรียบที่ดี ที่จริงแล้ว เฟลิเป้ก็หล่อเหลาและเขายังมีท่าทางที่สง่างามอาหารของเจเรมี่มาถึงในพริบตา อาหารเหล่านั้นทั้งหมดเป็นอาหารจานโปรดของเมเรดิธ เม
“ผมจะไปส่งเธอเอง”“...” มาเดลีนแทบไม่เชื่อในหูของตัวเองกับสิ่งที่ได้ยินท่ามกลางความประหลาดใจที่เกิดขึ้นนี้ลูกเล่นของเมเรดิธเริ่มแสดงออกมาอย่างอ้อนวอนและยั่วยวน “แต่ว่าคุณสัญญาว่าจะพาฉันไปซื้อของไม่ใช่หรอค่ะ เจเรมี่”“คุณรอผมที่นี่ก่อน” เจเรมี่เดินตรงไปที่มาเดลีนโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมองเมเรดิธ “ไปกันเถอะ”“อย่าดีกว่า ฉันกลับเองได้” มาเดลีนปฏิเสธเขาอย่างรวดเร็ว เธอไม่รู้ว่าเจเรมี่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่เธอรู้คือเธอไม่ชอบบรรยากาศที่เกิดขึ้น“มีคนอื่นที่เธออยากให้ไปส่งอีกไหม ถ้าไม่ใช่สามีคนนี้ของเธอ? ไม่แน่อาจจะเป็นผู้ชายที่นามสกุลวิทแมนคนอื่นก็ได้จริงไหม?” เจเรมี่จ้องมองเธออย่างเบื่อหน่าย คำพูดนั้นไม่ได้เจาะจงถึงเธอเลยสักนิดเธอไม่ต้องการโต้เถียงใดๆอีกต่อไป มาเดลีนหยุดดื้อดึงและปล่อยให้เจเรมี่พาไปส่งเธอกลับมาเดลีนไม่สามารถระงับความสุขที่วิ่งผ่านไปทั่วร่างเธอได้เมื่อเธอหันไปเห็นว่าแก้มของเมเรดิธกำลังจะเเตกเพราะความขุ่นเคืองใจมันดูพองมากคล้ายจะระเบิดเต็มทีเจเรมี่แฝงความจริงในใจเพื่อมาส่งเธอ นั้นทำให้เป็นโอกาสในการเตือนมาเดลีน“อย่าให้ผมเห็นเธอใกล้ชิด สนิทชิดเชื้อกับเฟลิเป้อีก
มาเดลีนรู้สึกว่าหัวใจที่เต้นแรงของเธอถูกดับให้สงบลงในทันทีและความร้อนที่มีเมื่อวินาทีก่อนจากไปเช่นกัน แต่ความเย็นในเส้นเลือดของเธอเข้ามาแทนที่ฮ่าๆ นี่เธอคิดว่าเขาเป็นคนขี้หึงจริงๆเสียอีก ที่ไหนม้นช่างน่าหัวเราะเยาะเสียจริงมันเป็นเพียงเพราะเขาคือหมาป่าตัวผู้ที่มีศักดิ์เป็นหัวหน้าฝูงที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของและยืนยันถึงการมีอำนาจที่เหนือกว่าของเขาเธอเป็นเพียงแค่เศษไม้ในบทละครของเขามาเดลีนยิ้มอย่างไม่มีความสุข ขณะที่เธอรู้สึกว่าเจเรมี่เข้ามาประชิดเธอจากด้านหลัง “ผมควรจะให้ภรรยาของผมอยู่ในความดูแลของคุณลุงเฟลิเป้ ขอบคุณล่วงหน้าที่ดูแลเธอ” เขาขอบคุณเฟลิเป้เฟลิเป้ยิ้มอย่างอ่อนโยน “แน่นอน”…มาเดลีนไม่ได้ซื้อผ้าพันคอผืนอื่น แต่เธอเลือกซื้อพลาสเตอเพื่อปกปิดรอยแดงที่เจเรมี่ทิ้งไว้เธอนั่งลงที่โต๊ะและเริ่มทำงาน ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็เริ่มได้รับข้อความด่าทอมากมายกับเบอร์ที่ไม่รู้จักมากมาย พวกเขาทั้งหมดด่าว่าเธอไร้ยางอายที่หลอกล่อเจเรมี่ได้อย่างไรมันง่ายเกินไปที่จะเดาว่าใครคือผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไม่มีใครอื่นอีกแล้วนอกจากเมเรดิธจะส่งข้อความดังกล่าวมาให้เธอนี่เป็
เมเรดิธเงยหน้าขึ้นมองมาเดลีน ด้วยความหยิ่งผยอง ความโกรธของเธอต้องมาจากความอัปยศอดสูจากการกระทำของเจเรมี่ในบ่ายวันนี้มาเดลีนหัวเราะเบาๆ “แล้วทำไมคุณถึงโกรธขนาดนี้ถ้าคุณแน่ใจว่าเขาแค่จูบฉันเพื่อความสนุกเท่านั้น? ทำไมต้องใช้เงินมากมายเพื่อให้ใครหลายๆคนส่งข้อความพวกนั้นมาให้ฉัน?”“เธอ…” คำพูดแปรเปลี่ยนเป็นก้อนจุกที่ลำคอของเมเรดิธ ทำให้หล่อนพูดไม่ออกมาเดลีนเปิดฉากขึ้น “นั่นคือเหตุผลว่าทำไมที่เธอให้คนรับใช้ของบ้านนี้โทรหาฉัน? เธอเรียกฉันมาที่นี่เพื่ออะไร?”“ธุระสำคัญอย่างเเน่นอน” รอยยิ้มของเมเรดิธเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัวเมื่อจู่ๆเธอก็คว้าข้อมือมาเดลีน ดวงตาของเธอแข็งกร้าวและดุดัน “ทำไมถึงไม่หายไปสักทีล่ะ มาเดลีน? ฉันต้องเตือนกี่ครั้งว่าเจเรมี่เป็นของฉัน?” ตอนนี้เเกสมควรได้รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกล้าที่จะขโมยผู้ชายของฉัน“ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าทำไมเเกถึงเข้าคุก? ลืมไปหรือเปล่าว่าเจเรมี่ฆ่าลูกที่ไม่ได้รับการยอมรับในท้องของเพื่อปลอบใจฉันได้ยังไง? ลืมไปเเล้วว่าปู่ของเเกที่ป่วยทางจิตได้เสียชีวิตไปแล้ว?”รอยยิ้มของเมเรดิธกลายเป็นปีศาจต่อหน้าต่อตาของมาเดลีนเมื่อมองไปที่สิ่งเลวร้ายที่เมเ
หน้าท้องของมาเดลีนกระแทกเข้ากับมุมโต๊ะกาแฟขณะที่เธอล้มลงบนพื้นตัวของเธอเริ่มสั่นเมื่อความเจ็บปวดแทงเข้าไปในตัวเธอและแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของเธอคล้ายคลื่นไฟฟ้า เธอพยายามตะกายที่จะยืนด้วยการยันเท้าของเธอขึ้นอย่างยากลำบาก แต่กลับเธอถูกคุณนายวิทแมนตบซ้ำอีกครั้งก่อนที่เธอจะทรงตัวได้“เธอมันยัยผู้หญิงสารเลว! ฉันจะทำให้ทั้งชีวิตของเธอกลายเป็นนรกถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหลานชายของฉัน!” คุณนายหญิงแห่งวิทแมนเอ่ยเตือนอย่างรุนแรง ก่อนที่จะผลักมาเดลีนอีกครั้งขาที่อ่อนแรงของเธอ มาเดลีนล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้งขณะที่ถูกผลักจากนายหญิงวิทแมน คราวนี้เป็นหัวของเธอที่กระแทกกับโต๊ะกาแฟ หน้าผากของเธอถูกบาดจากแรงกระแทกในขณะที่เลือดเริ่มไหลออกมาจากบาดแผลดังกล่าวความเลวร้ายกำลังมาถึงในไม่ช้าจากจุดที่เธอรับรู้ถึงสถาณการณ์ของตัวเองในตอนนี้“หัวใจฉันจะขาด เจเรมี่! ทำไมมาเดลีนต้องมาตามราวีฉันตลอดเวลา?” เมเรดิธเริ่มโอดครวญและตำหนิเจเรมี่จ้องมองด้วยความอาฆาตและน่ากลัวสายตากวาดไปที่มาเดลีนอีกครั้งก่อนที่เขาจะหันกลับมาเพื่ออุ้มแจ็คสันที่หน้าซีด“ไม่ต้องกังวล ลูกของเราจะไม่เป็นอะไร”เจเรมี่ปลอบโยนเมเรดิธขณะที่เขาเด
ในสถาณการณ์ที่ยากลำบากนี้ เธอตัดสินใจฝื่นลุกขึ้นออกไปเพียงเพราะเสียงของเจเรมี่ดังออกมาจากด้านหลังอย่างกะทันหัน“ผู้หญิงคนหนึ่งเพิ่งบริจาคเลือดให้ลูกชายของฉัน? คนไหน?”“หื้อ? โอ้ คนนั้นไง”เมื่อได้ยินคำตอบของพยาบาล มาเดลีนจึงซ่อนตัวอยู่ที่ทางออกฉุกเฉินเธอกลัวว่าเจเรมี่จะรู้สึกขยะแขยงที่รู้ว่านั่นคือเลือดของเธอ แต่การช่วยแจ็คสันควรเป็นความสำคัญอันดับแรกมาเดลีนซ่อนตัวอยู่ที่มุมแขบๆ เธอขบกรามและหมอบลงเมื่อเธอเห็นเงาของเจเรมี่ผ่านหน้าเธอไปร่างกายของเธอปวดเมื่อยและการบริจาคเลือดทำให้เธอหนาวสั่น เธอนอนขดตัวอยู่ที่มุมตรงนั้นเฝ้ามองร่างของเจเรมี่จากไปและการหายไปจากสายตา ร่างนั้นเดินหายจากไปพร้อมกับที่สติของมาเดลีนก็ไม่อยู่กับตัวเช่นกัน ขาของเธอเป็นตะคริวจากท่านอนของเธอขณะที่เธอยืนโดยใช้มือค้ำยันไว้ที่กำแพงความเจ็บปวดในร่างกายของเธอยังคงมีอยู่และบาดแผลที่หน้าผากของเธอเริ่มหายจากอาการยาชาในขณะที่พยุงน้ำหนักของเธอไว้พิงกับกำแพง เธอเห็นเมเรดิธกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ใกล้บันไดฉุกเฉิน เธอกำลังจะสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของแจ็คสันผ่านทางโทรศัพท์มาเดลีนก้าวถอยหลังทันที โดยซ่อนตัวอยู่หลังประตู
เมเรดิธเหวี่ยงตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเจเรมี่ ด้วยความหวาดกลัวเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของเหยื่ออย่างเต็มที่เธอเล่นกลอุบายแบบเดิมๆแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เชื่อโดยไม่ต้องสงสัยทุกคนต่างจ้องมองมาเดลีนอย่างดูถูกเหยียดหยามปนไปด้วยความสงสัย มาเดลีนเคยชินกับการถูกมองเหล่านี้มานานแล้ว แต่เธอก็ยังไม่คุ้นเคยกับการแสดงออกอย่างเยือกเย็นที่เเสนเย็นชาที่เจเรมี่มอบให้เธอในสมองเธอ ใบหน้านั้นเป็นใบหน้าที่เธอรักอย่างสุดซึ้ง แต่นั้น มันก็ไม่ได้ถือความอ่อนโยนที่เคยมีอีกต่อไปในตอนนี้ ขณะที่เจเรมี่กำลังอุ้มเมเรดิธ ความเยือกเย็นของเขา ดวงตาราวกับใบมีดของเขาแทงทะลุมาเดลีน “มาเดลีน!”เขากัดฟันในขณะที่พูดคำทั้งสามนี้ออกมา แต่ละพยางค์เต็มไปด้วยพลังที่อยากกลืนกิน!มาเดลีนรู้สึกถึงการเดินทางที่เย็นวาบจากฝ่าเท้าไหลไปทั่วร่างกายของเธอ มันช่างน่ากลัวขณะนี้เมเรดิธพิงแขนของเจเรมี่และกำลังร้องไห้ไม่หยุด “เจเรมี่ ทำไมมาเดลีนถึงโหดร้ายขนาดนี้? เธอบอกฉันว่าเธอเคยตั้งท้องลูก แต่เด็กคนนั้นเสียชีวิตระหว่างถูกคุมขัง หากเธอได้เป็นแม่ แล้วมีเหตุผลอะไรเธอจึงไม่เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่?” เธอพูดตัดพ้อขณะที่มองมาเดลีน น้ำตาขอ