คำพูดต่อไปของมาเดลีนหลังจากนั้นทำลายความสุขที่เมเรดิธวาดฝันไว้พังลงอย่างรวดเร็ว “ใช่ ฉันหมายถึงแม่ของคุณ”“ว่าไงนะ?” เมเรดิธรู้สึกราวกับเธอถูกตบหน้ากลางอากาศ “มันเกี่ยวข้องกับแม่ของฉัน?”“เมื่อวาน แม่ของคุณมาที่ร้านของฉันเพื่อซื้อเครื่องประดับให้คุณสองชุด” มาเดลีนอธิบายอย่างใจเย็นในที่สุดเมเรดิธก็เข้าใจ แต่เธอได้สูญเสียรอยยิ้มนั้นไปขณะนี้เมื่อสังเกตุ ทางเอโลอิสและฌอนที่ต่างสบตากัน “เมเรดิธเรียกมาเดลีนว่าอะไรนะ? คุณควินน์?”ฌอนยังเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่พวกเขาเห็นมาเดลีนเผชิญหน้ากับเมเรดิธ ทั้งสองคนรีบเดินไปในทันทีเพราะกลัวว่ามาเดลีนจะทำอะไรบางอย่างกับเมเรดิธและเมื่อเดินเข้าใกล้ พวกเขาได้ยินเจเรมี่พูดกับมาเดลีนว่า “ในเมื่อคุณมาที่นี่แล้ว เข้ามาสิมาหาอะไรทานก่อน”“ไม่! เราจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้านของเราได้ไง?!” ฌอนรีบตะโกนมาเดลีนเพิกเฉยต่อคลื่นเสียงแห่งความเจ็บปวดภายในเธอฝืนยิ้มต่อไปในขณะที่มองไปยังที่มาของเสียงนั้นตรงหน้าเธอคนพวกนี้คือแม่และพ่อของเธอ แต่พวกเขากลับจ้องมองเธอด้วยความเกลียดชังที่รุนแรงยิ่งกว่าเมื่อสามปีก่อนมาเดลีนสงสัยในต
เมเรดิธอยากจะปฏิเสธที่จะรับของขวัญ แต่เพื่อรักษาไว้ซึ้งท่าทางที่อ่อนโยน เธอจึงรับของขวัญจากมาเดลีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณมากนะคะ”หลังจากนั้น เธอก็ดึงแขนเสื้อของเจเรมี่เพื่อเรียกร้องความสนใจ “เจเรมี่ไปข้างในกันเถอะเราไม่ควรให้แขกคนอื่นรอ”“แน่นอน เธอทั้งสองควรเข้าไปข้างในก่อน” เอโลอิสและฌอนเร่งเร้า การแสดงออกของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข “ใช้ประโยชน์จากโอกาสแห่งความสุขในวันนี้กำหนดวันแต่งงานในเร็ววันของทั้งคู่ซะ”เมเรดิธยิ้มเขิน ๆ ให้เจเรมี่ “เจเรมี่ ในที่สุดฉันก็สามารถแต่งงานกับคุณและฉันจะเป็นเจ้าสาวของคุณในอีกไม่ช้า”เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเมเรดิธ มาเดลีนก็ยิ้มให้พวกเขาด้วยเช่นกันขณะที่พวกเขากลับไปยังสวนใจกลางของงานเลี้ยงวันนี้ สายตาบางคู่มองไปที่มาเดลีน สายตาของคนพวกนั้นทั้งหมดพยายามเดาฐานะและที่มาของเธอความสนใจทั้งหมดของพวกเขาตกไปมาเดลีน และนั่นเองทำให้เมเรดิธเริ่มไม่มีความสุขเมื่อเห็นว่าเจเรมี่ดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะประกาศขอแต่งงานในวันนี้ เมเรดิธรู้สึกระส่ำระส่ายไม่มั่นคงในสถาณการณ์ปัจจุบัน มันจะค่อนข้างน่าอายถ้าวันนี้มันไม่ผ่านไปในแบบที่เธอคิด
หากมองไปที่เครื่องแต่งกายของเธอ ชุดที่สวมใส่มันช่างดูเหมือนคนรับใช้ของมอนต์โกเมอรี และเธอก็ไม่เหมือนแขกในงาน แล้วเธอเป็นใครกัน?มาเดลีนไม่มีโอกาสที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอรีบหนีขึ้นไปชั้นบนเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเช็ดน้ำตาและลุกออกมาก่อนที่เธอจะไขปริศนาในหัวของเธอได้ เสียงของเมเรดิธได้ดังมาจากภายในห้องหนึ่งกระทบเข้าหูเธออย่างชัดเจนเธอเดินไปที่ห้องนั้นและยืนอยู่ข้างนอก เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมเรดิธ แต่เธอได้ยินเสียงคนข้างในตะโกนออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ “เจเรมี่ ฉันมีความสุขมาก การแต่งงานกับคุณคือความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉัน!”ดูเหมือนว่าเจเรมี่จะขอเธอแต่งงานแล้วจริง ๆ และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้“ฉันจะทำตามสัญญาแน่นอน” เสียงของเจเรมี่ตามมา ซึ่งฟังดูเหมือนคนที่รักษาสัญญามาโดยตลอดมาเดลีนรู้สึกเหมือนว่าคำพูดเหล่านั้นเสียดสีกับหูของเธอ ‘เจเรมี่ นายเคยทำตามสัญญากับฉันบ้างไหม?‘นายทำลายทุกอย่างที่ฉันรอและหวังว่าจะได้จากนายมาสิบกว่าปี นายต้องการแม้จะให้ฉันตายในท้ายที่สุด และยิ่งไปกว่านั้นนายยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับผู้หญิงอีกคน‘ฉันจะไม่ยอมให้ค
เมเรดิธขึ้นเสียง มันอาจเป็นครั้งแรกที่เธอตีโพยตีพายต่อหน้าเจเรมี่เธอดึงมาเดลีนที่อยู่ในอ้อมกอดของเจเรมี่ออกมาอย่างดุเดือด และร้องเสียงหลง “วีล่า ควินน์! ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาที่ดีแน่นอน ให้ของขวัญฉันงั้นเหรอ? เธอมาที่นี่เพื่อหลอกล่อเจเรมี่ชัด ๆ !”มาเดลีนค่อนข้างรำคาญกับเสียงแหลมสูงของเมเรดิธ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีแผน เธอคงตบเมเรดิธไปแล้วกระนั้น มาเดลีนไม่ได้ทำเช่นนั้นแต่ในทางกลับกันเธอแสดงการจำลองอาการรวิงเวียนศีรษะเยาะเย้ย “คุณครอว์ฟอร์ด คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ”“ฉันไม่ได้เข้าใจผิด! เห็นอยู่ตำตา! ยัยผู้หญิงน่ารังเกียจ!” ขณะที่เมเรดิธตะโกน เธอตัดสินใจเอื้อมฝ่ามือตรงไปยังใบหน้าของมาเดลีนพรึบ!ฝ่ามือของเมเรดิธพลาดเป้า เพราะมันถูกเจเรมี่คว้าเอาไว้อย่างแน่นหนาดวงตาของเจเรมี่มองด้วยความเย็นชาไปที่เมเรดิธที่ดูโวยวาย “ผมแค่ช่วยเธอเท่านั้น นี่ถึงกับต้องตะโกนใส่เธอแบบนั้นเลยเหรอ?”น้ำเสียงของเขาเย็นชาจนเมเรดิธแทบจะร้องไห้เมื่อได้ยิน“เจเรมี่ คุณไม่เคยใช้น้ำเสียงคุยกับฉันแบบนี้มาก่อน…” เมเรดิธเริ่มร้องไห้ขณะที่เธอพูดแบบนั้นเจเรมี่ปล่อยมือของเขาออก ทั้งที่สีหน้าของเขายังคงจริงจัง “
แม้ว่าดวงตาของเธอจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แต่เมเรดิธยังคงสวมหน้ากากที่เป็นเสมือนตัวตนของเธอในขณะที่ยิ้มอย่างอ่อนโยน“ฉันขอโทษนะ คุณควินน์ ฉันคงรักคู่หมั้นมากเกินไปและสูญเสียความใจเย็นไปชั่วขณะ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ถือสา”มาเดลีนยิ้มกลับ “ฉันเห็นว่าคุณเอาใจใส่ คุณวิทแมนมากแค่ไหน ฉันสามารถเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไง ฉันเองมักจะหึงเมื่อแฟนของฉันเข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่นมากเกินไปเหมือนกัน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น มาเดลีนก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่บางเบาทั้งในสายตาของเจเรมี่และเมเรดิธ“คุณควินน์ คุณมีแฟนแล้วงั้นหรือ?” เมเรดิธเกือบจะสามารถเรียกรอยยิ้มของเธอคืนได้มาเดลีนหัวเราะอย่างสง่างาม “ใช่แล้วล่ะ” เธอพยักหน้าเบา ๆ แสร้งทำเป็นบังเอิญสบสายตาของเจเรมี่เมื่อเห็นว่าสายตาของเจเรมี่ยังคงอยู่ที่มาเดลีน เมเรดิธจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อ “คุณควินน์มีแฟนแล้ว ทำไมคุณไม่โทรหาเขาและแนะนำให้เราจะได้รู้จักด้วยล่ะ”“เขาไม่ได้อยู่ในเกลนเดลชั่วคราว แต่ฉันจะพาเขามาแนะนำกับพวกคุณทุกคนถ้าเรามีโอกาส” มาเดลีนยิ้มอย่างสดใสเมเรดิธไม่พูดต่อและเช็ดน้ำตาออกขณะที่เธอยิ้มอย่างอบอุ่นอีกครั้ง “เจเรมี่ ไปกันเถอะ เราไม่ควรทำให้
เสียงของเมเรดิธกำลังสั่นขณะที่เธอพูดว่า “เจเรมี่อย่าไปนะ คุณกำลังจะไปไหน? แล้วการแต่งงานของเราล่ะ...”“วันนี้ผมไม่มีอารมณ์กับมัน” เจเรมี่ตอบอย่างเย็นชาพลางดึงมือของเขาออกจากการเกาะกุมของเมเรดิธ“เจเรมี่!” เมเรดิธยังคงตะโกนต่อไป แต่เจเรมี่เดิยชนหนีหายจากไปแล้วทุกคนในตระกูลมอนต์โกเมอรีและแขกที่มาร่วมงานไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาเพิ่งเห็นแต่ว่าบางสิ่งที่พวกเขาสามารถเห็นได้ชัดคือกริยาท่าทางของเจเรมี่ เขาดูรู้สึกหงุดหงิดกับบางสิ่งอย่างชัดเจนฝูงชนเกิดความสงสัยในกะทันหัน ดูเหมือนว่าเจเรมี่จะไม่รักเมเรดิธมากเท่าข่าวลือที่อ้าง มิฉะนั้นทำไมชีวิตสมรสของพวกเขาถึงล่าช้าไม่มีการจัดงานแต่งงานซักที? แม้กระทั่งวันนี้ เจเรมี่ก็ทิ้งเมเรดิธด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่าเขาไม่มีอารมณ์เมเรดิธยกชุดของเธอเพื่อจะเดินก้าวตามไปขณะที่เธอไล่ตามเขา ในภาพที่เธอเห็นคือมาเดลีนกำลังเดินนำอยู่ข้างหน้าและเจเรมี่ได้ขับรถของเขาไปข้าง ๆ และลงมาเปิดประตูให้มาเดลีนในภาพที่ดูเหมือนสุภาพบุรุษขณะที่เขาเชิญเธอขึ้นรถก่อนจะขับออกไปเมเรดิธจับชุดของเธออย่างแน่นในขณะที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และในดวงตาของเธอมีความเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง
เธอยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมคุณถึงมาตีสนิทกับผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเธอล่ะ? คุณไม่รู้สึกขยะเเขยงที่จะมองหน้าฉันหรือไงกัน?”เจเรมี่หันกลับมา มองที่มาเดลีนด้วยสายตาที่มีเสน่ห์ “คุณวีล่า ใบหน้าเธอคือความสวยงาม”ใช่ ใบหน้านั้นสวยงามใบหน้านั้นงดงามเช่นเดียวกับมาเดลีนที่มีไม่สิ มาเดลีนสวยกว่านิดหน่อยใบหน้าของเธอมีแสดงออกมาอย่างนิ่ง ๆ และเป็นของจริงดูไม่เสแสร้ง สมบูรณ์แบบในความเงียบสงบเจเรมี่มองใบหน้าตรงหน้าราวกับว่าเขาทำได้เพียงเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าของเขาด้วยวิธีนั้นทันใดนั้น โทรศัพท์ได้ดังขึ้น ทำให้ชะงักการชื่นชมในความงามนั้นของเขา เขามองไปที่หน้าจอและต้องการที่จะปฏิเสธมัน แต่ท้ายที่สุดเขากดรับสาย “มันยังไงกัน?”สายลมพัดแรงจนเกินไป มาเดลีนจึงไม่สามารถได้ยินสิ่งที่พูดของคนในสาย แต่เธอได้ยินคำตอบของเจเรมี่ที่ไม่เต็มใจนัก “โอเค ผมจะกลับเดี่ยวนี้”มาเดลีนหลงคิดว่าเจเรมี่จะให้เธอลงระหว่างทาง แต่เขาก็ไม่หยุดรถจนกระทั่งถึงถนนที่คุ้นเคย ในที่สุดรถก็หยุดตรงหน้าคฤหาสน์วิทแมนมาเดลีนรู้สึกเหมือนว่าเจเรมี่ยังคงสงสัยในตัวตนของเธอ นั่นคือเหตุผลที่เขาพาเธอกลับมาที่นี
เจเรมี่กระซิบบอกคำสองสามคำกับมาเดลีนก่อนที่จะพาเธอเข้าไปหาอาวุโสวิทเเมนอาวุโสวิทเเมนอายุมากแล้วสายตาของเขาไม่ดีเท่าไหร่นัก สิ่งที่เขาเห็นคือเจเรมี่กำลังจูงมือผู้หญิงผมยาวเข้ามา แต่ในขณะที่มาเดลีนอยู่ตรงหน้า ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่เชื่อในขณะที่เขาจับไม้เท้าพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากโซฟา“เธอ…เธอคือ… เเมดดี้?” ชายชราถามอย่างเหลือเชื่อในขณะที่มือขวาที่สั่นเทาของเขาเอื้อมไปหาเธอ ดูเหมือนว่านั้นจะเป็นการพยายามทดสอบว่าเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือ ‘มนุษย์’ ที่แท้หรือไม่มาเดลีนมองไปที่สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเขาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า แต่นั้นมีความหวานแฝงอยู่ในความเศร้ายังมีใครบางคนที่ห่วงใยเธออยู่ที่นี่!เธอยิ้มขณะที่เธอเอื้อมมือไปจับมือของชายชรา “คุณปู่”“เธอคือเเมดดี้จริง ๆ ใช่ไหม?” ชายชราถามอย่างตื่นเต้นคุณนายวิทแมนเฝ้าดูห่าง ๆ ด้วยสายตาสงสัย“ใช่แล้วครับ คุณปู่ แน่นอนว่าเธอคือมาเดลีน” เจเรมี่กล่าว ช่วยมาเดลีนตอบคำถามเมื่อเห็นเช่นนั้น สีหน้าของผู้เป็นแม่ได้เปลี่ยนไป “อะไรกัน? เธอคือมาเดลีนจริง ๆ เหรอ? เจเรมี่ แกไม่ได้พูดอย่างนั้น…”คำพูดของเธอถูกขัดให้จบลงด้วย