Share

บทที่ 8

กินหมั่นโถวไปแล้วครึ่งลูก เธอรู้สึกว่าเริ่มมีแรงขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เธอพยายามลุกขึ้นเอนตัวลงไปพักกับโต๊ะ ใช้ร่างกายท่อนบนพยุงร่าง ไม่มีทางที่จะเทน้ำเองได้ จึงทำได้แค่เอนตัวไปดื่มน้ำที่เหลือเท่านั้น

รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เธอค่อย ๆ ขยับขาทั้งสองขาอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ พาตัวเองลงมาจากโต๊ะ แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ จึงล้มลงกับพื้นกระเทือนถึงแผลบอบช้ำที่หลัง

เธอกัดฟันอดทนกับความเจ็บ จากนั้นใช้ศอกทั้งสองคลานหากล่องยาอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่เธอจำได้ว่ามียาแก้อักเสบและยาลดไข้อยู่ในนั้น ฉีดยาไม่ได้ เธอก็ทำได้แค่เพิ่มปริมาณยาที่กินเท่านั้น

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เธอเทวิตามินซีกินไปสักนิด เมื่อไม่มีน้ำเลยกินแบบกลืนลงไป รสชาติเปรี้ยวจนเธอแทบอยากเอามือทุบพื้น

กินยาแล้ว เธอนอนขดตัวกับพื้นแล้วหายใจเข้าลึก ๆ ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยได้รับความทุก์ทรมานขนาดนี้มาก่อนเลย ทำให้เธอรู้ตัวว่ายุคนี้กับยุคปัจจุบันที่เธอเคยอยู่มันต่างกัน คนที่มีอำนาจ สามารถลิขิตสั่งให้ใครอยู่หรือใครตายก็ได้

และชีวิตของเธอ อยู่ในกำมือของอ๋องฉู่

เธอจำเป็นต้องปรับตัวให้มีชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมเลวร้ายนี้ให้ได้

เพียงแต่ก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ถึงจะเอาหนองออกจากแผลไปแล้ว แต่ไม่ใช้ยาแบบนี้ ก็ไม่มีทางหายดีแน่

เรือนเล็ก

หลังจากฮั่วเกอเอ๋อร์ดื่มยาแล้วก็ยังมีไข้ขึ้นสูง

แม่นมฉีร้อนรนแทบบ้า พึ่งดีขึ้นแท้ ๆ ทำไมตกดึกถึงกลับมาไข้ขึ้นสูงแบบนี้อีก?

ลวี่หยาเองก็ร้อนรนเช่นกัน “หรือว่า ข้าไปเชิญท่านหมอหลี่มาดีไหมคะ?”

แม่นมฉีมองใบหน้าหลานชายที่หายใจหอบอย่างทุกข์ทรมานจากไข้ที่ขึ้นสูงจนเวียนหัวไปหมด พอคิดถึงหมอหลี่ที่จ่ายยาสองห่อห้าตำลึงเงิน ตอนนี้นางไม่มีเงินแล้ว นางพูดอย่างหมดหวัง “ ไม่มี ไม่มีประโยชน์แล้ว”

ลวี่หยาร้องไห้ออกมา “ทำอย่างไรดี? อย่าบอกนะว่าฮั่วเกอเอ๋อร์จะ...” คำเหล่านั้นนางไม่อาจฝืนพูดออกมา

แม่นมฉีกัดฟันแน่น ในดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ “หากฮั่วเกอเอ๋อร์ตายไปล่ะก็ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต จะต้องฆ่านางผู้หญิงนั้นให้ได้ นางทำหลายชายข้าฮั่วเกอเอ๋อร์ตาย หลานชายข้าตาย นางก็ไม่มีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่”

ผู้หญิงนั้นเป็นพระชายาและยังเป็นลูกภรรยาเอก ถ้าฆ่านาง ตัวนางเองก็มีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ นางก็ไม่สนใจหนึ่งชีวิตแก่ ๆ ของนางอีกแล้ว

ฮั่วเกอเอ๋อร์ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ค่อย ๆ รู้สึกตัวขึ้นมา

เขาลืมตาขึ้นมา ถึงจะไข้ขึ้นจนหน้าร้อนแดงไปหมด ถึงเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อายุสิบขวบ แต่ก็รู้และเข้าใจเรื่องราว เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา “ท่านย่า ข้าไม่เป็นอะไร”

แม่นมฉีถึงกับหลั่งน้ำตา มือหยาบกรานลูบใบหน้าของหลานชายกัดฟันพูด “เจ้าวางใจเถอะ ย่าคนนี้จะไม่ให้เจ้าต้องตายเปล่า ข้าจะไม่ให้ตระกูลหยวนอยู่ดีแน่”

นี่มันไม่ผิดแล้ว ฮั่วเกอเอ๋อร์งอตัวเล็กน้อยสูดหายใจแล้วพูดว่า “พระชายา...เป็นคนรักษาข้า พระชายาเป็นคนดี” ลวี่หยาตกใจครู่หนึ่ง “ฮั่วเกอเอ๋อร์ เจ้าไข้ขึ้นจนเลอะเทอะไปแล้วรึ ถึงพูดแบบนั้นออกมา”

ฮั่วเกอเอ๋อร์พูดอย่างร้อนรน “พระชายาขูดหนองให้ข้า บอกข้าว่าหนองออกแล้วกินยาแล้วก็จะหายดี พระชายายังลูบหัวข้าบอกว่าข้าจะไม่เป็นอะไร”

เขาพูดจบก็นอนฟุบกับเตียงอ้าปากกว้างหายใจ

แม่นมฉีลุกขึ้นมองฮั่วเกอเอ๋อร์ด้วยความตกใจ “จริงรึ? นางไม่ได้ทำร้ายเจ้า?”

“นางไม่ได้ทำร้ายข้า...” ฮั่วเกอเอ่อร์มองภาพตรงหน้าอย่างเลือนราง เขายื่นมือออกไป “ท่ายย่า ข้าหนาว” ทั้งร่างของเขาที่สั่นสะท้าน อ้าปากหายใจทางปาก ดูเหมือนจะหายใจเข้าแทบไม่ได้แล้ว

“ลวี่หยา เจ้าเฝ้าฮั่วเกอเอ๋อร์ ข้าจะไปเชิญพระชายา” แม่นมฉีหยิบตะเกียงแล้วรีบวิ่งออกไปแล้ว

แม่นมฉีรีบไปถึงตำหนักเฝิงอี๋ ผลักประตูออกแล้วยกตะเกียงส่อง พบ หยวน ชิงหลิง นอนขดกับพื้น นางไม่รู้จะทำหน้ายังไง

บนพื้นข้าวของกระจัดกระจายเต็มไปหมด ตั้งแต่วันนั้นตำหนักเฝิงอี๋ไม่มีใครเข้าไปทำความสะอาดเลย

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status