Share

บทที่ 10

การปรากฏตัวของหลี่โม่ ทำให้ทุกคนในห้องประชุมหน้าบึ้งไม่พอใจ

“หลี่โม่ นายเข้ามาได้ยังไง ไม่รู้เหรอว่าที่นี่ที่ไหน ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยนะ!” กู้ซิงเหว่ยชี้ไปที่หลี่โม่อย่างโกรธเคืองทันที

นี่เป็นเพียงขยะน่าสมเพช ไม่มีสิทธิ์มาเหยียบบริษัทของตระกูลกู้!

ไม่มีสิทธิ์มาเหยียบที่ห้องประชุมนี้ด้วย!

“โอ้โห ไอ้ขยะนี่ กล้าเสนอหน้ามาที่นี่ได้ยังไง ไม่ขายหน้าเหรอ?”

“ใช่ จะพูดอะไรได้อีก นี่ไม่ใช่การขุดหลุมกลบกู้หยุนหลานหรอกเหรอ? ไม่มีสมองเอาซะเลย”

“ฮ่าฮ่า ไอ้แมงดานี่ กล้ามาออกคำสั่งที่นี่เลยเหรอ?”

ในห้องประชุม บรรดาญาติของตระกูลกู้และผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต่างพยักหน้าให้หลี่โม่ คำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม

“มาที่นี่ทำไม?” กู้หยุนหลานรู้สึกสับสนในขณะนี้ และเริ่มโกรธมากขึ้น

หลี่โม่ไม่ควรมาที่นี่เลย

ทว่า เขากลับเดินไปหากู้หยุนหลาน ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้า

เป็นเวลาสี่ปี ที่เขาไม่เคยให้อะไรเธอและไม่เคยช่วยเธอเลย ทุกคนดูถูกเขา แต่กู้หยุนหลานอยู่เคียงข้างเขาเสมอมา

แม้ว่าปกติกู้หยุนหลานมักจะโกรธเขา แต่หลี่โม่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร

เพราะกู้หยุนหลานเป็นทั้งภรรยา อดีต และอนาคตของเขา

‘เมื่อก่อนผมอาจจะไร้ประโยชน์และทำให้คุณถูกนินทา’

‘แต่วันนี้ผมได้รับมรดกของแดนมังกรแล้ว ผมจะมอบชีวิตที่สุขสบายให้คุณ’

หลี่โม่ก้าวไปข้างหน้ายืนข้างกู้หยุนหลานและพูดอย่างจริงจังว่า “หยุนหลาน ตอบตกลงสิ ความร่วมมือนี้ คุณจะเป็นคนจัดการ!”

เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่มุ่งมั่นของหลี่โม่ กู้หยุนหลานก็ตกอยู่ในภวังค์ ราวกับว่า สิ่งที่หลี่โม่พูดจะเป็นจริง ราวกับว่า เขาได้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่า! นายล้อเล่นหรือไง? หลี่โม่ นายคิดว่าที่นี่เป็นอะไรกัน? ที่นี่คือบริษัทของตระกูลกู้ ไม่ใช่ที่ที่นายจะมาพ่นเรื่องไร้สาระ ออกไปซะ!” กู้ซิงเหว่ยพูดอย่างโกรธเคือง

หลี่โม่ไม่มีสถานะใด ๆ ในตระกูลกู้ แต่ตอนนี้เขากล้ามาเหยียบบริษัทแล้วทำเป็นสั่งนั่นนี่ ช่างกล้านัก

“คุณปู่คะ ดูหลี่โม่คนนี้สิ เขาอยากจะเข้ามายุ่งเรื่องธุรกิจของเรา” กู้ชิงหลินใบหน้าเย็นชาหยิ่งยโส ดวงตาที่เหมือนฟินิกซ์ของเธอดูเหมือนว่าอยากจะฆ่าหลี่โม่

สีหน้าของคุณท่านกู้เริ่มอึมครึม เขามองหลี่โม่อย่างไม่พอใจและพูดอย่างเคร่งขรึม “ออกไป!”

ไอ้คนนอกนี่ เกาะตระกูลกู้กินยังไม่พอ ยังทำให้ตระกูลกู้อับอายในเมืองฮั่นนี้ด้วย แถมตอนนี้ยังกล้าเข้ามายุ่งเรื่องธุรกิจในบริษัทอีก

นี่เขาคิดจะทำอะไร?

นี่เขาอยากมีส่วนร่วมในบริษัทอย่างนั้นเหรอ?

อย่างไรก็ตาม หลี่โม่ไม่ได้สนใจคุณท่านกู้ เขามองไปที่กู้หยุนหลานด้วยสายตาที่หนักแน่น พร้อมจับมือที่บอบบางของเธอและพูดว่า “เชื่อใจผม”

สามคำนี้ทำให้กู้หยุนหลานมีแรงกระตุ้นอย่างฉับพลัน เธอหันหน้าไปพูดกับคุณท่านกู้ “คุณปู่คะ ฉันตกลงค่ะ”

เมื่อพูดอย่างนั้น เธอหันใบหน้าที่ภาคภูมิใจไปมองที่กู้ซิงเหว่ยอย่างเย็นชา และพูดว่า “กู้ซิงเหว่ย ไหน ๆ นายก็อยากจะไล่ฉันออกจากบริษัทหยุนเชิงใช่ไหม? ได้เลย ฉันตกลงและสัญญาว่าจะทำให้ได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากหรงคังกรุ๊ป ฉัน กู้หยุนหลาน พร้อมลาออก!”

“หยุนหลาน แกต้องคิดให้ดีก่อนนะ เรื่องนี้ไม่ได้แค่เกี่ยวกับอนาคตของแกเอง แต่ยังเกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลกู้ของเราต่อไปในอนาคตข้างหน้า” คุณท่านกู้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

กู้หยุนหลานพูดอย่างจริงจังว่า “คิดดีแล้วค่ะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ริมฝีปากของกู้ซิงเว่ยก็โค้งงอเป็นรอยยิ้มร้ายกาจ เขาพูดว่า “เอาล่ะ เธอพูดออกมาจากปากเองนะ ทุกคนในวันนี้เป็นพยาน อย่ามากลับคำพูดทีหลังแล้วกัน”

“ฉันไม่กลับคำพูดแน่ แต่ถ้าฉันร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปได้ นายจะทำอะไร?” กู้หยุนหลานถามทันที ราวกับว่าเธอมีความมั่นใจมาก

เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เธอก็พูดแบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะความกล้าหาญและความมั่นใจที่หลี่โม่มอบให้เธอ

คนเราควรมีชีวิตอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ

“หึหึ ถ้าเธอสามารถชนะความร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปได้สำเร็จ ฉันจะไม่แข่งกับเธอเรื่องตำแหน่งรองประธานบริษัท จะยกให้เธอไปเลย!” กู้ซิงเหว่ยหัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความล้อเลียน

เธอคิดว่าตัวเองจะชนะการร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปมาได้จริง ๆ เหรอ? ฝันอะไรลม ๆ แล้ง ๆ !

“ได้!”

กู้หยุนหลานพยักหน้าตอบ และหันกลับมาลากหลี่โม่ออกจากห้องประชุมไป

หลังจากที่พวกเขาเดินออกมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ปะทุขึ้นในห้องประชุม

“กู้หยุนหลานคนนี้ ประเมินความสามารถตัวเองสูงไปหรือเปล่า ยังจะหวังลม ๆ แล้ง ๆ ที่จะร่วมมือกับหรงคังกรุ๊ปอีก คราวนี้เธอโดนไล่ออกแน่”

“หึหึ ไม่ใช่เพราะเจ้าขยะหลี่โม่นั่นเข้ามาจุ้นจ้านเหรอ ช่างเป็นสามีที่ประเสริฐจริง ๆ”

“ไร้ค่าก็คือไร้ค่าอยู่วันยังค่ำ ยังจะคิดว่าตัวเองมีความสามารถอีก ฉันอยากจะเห็นว่ามันจะช่วยกู้หยุนหลานให้ชนะสัญญาได้ยังไง”

ใบหน้าของคุรท่านกู้เคร่งขรึม เขาก็กระทุ้งไม้ค้ำในมือแล้วพูดว่า “เอาล่ะ จบการประชุม!”

ทางด้านนี้ กู้หยุนหลานและหลี่โม่กำลังกลับบ้าน

แม่ยายหวังฟางก็รีบขึ้นมาตบหน้าหลี่โม่และต่อว่า “ไอ้ขยะ วันนี้แกไปที่บริษัททำไม หืม? แล้วยังเสนอให้หยุนหลานไปตกลงเดิมพันกับกู้ซิงเหว่ยอีก แกรู้ไหมว่า แกกำลังขุดหลุมฝังลูกสาวฉันน่ะ ฮะ?!”

หลี่โม่ผงะ เมื่อเขาต้องการอธิบายแม่ยายหวังฟาง เธอยังคงดุเขาต่อ “ไปให้พ้น”

​​​​หลี่โม่ทำอะไรไม่ได้ จึงเดินเข้าไปล้างจานในครัว

เมื่อมองดูแผ่นหลังอันอ้างว้างของหลี่โม่แล้ว กู้หยุนหลานพูดกับหวังฟางอย่างกระวนกระวายใจ “แม่คะ นี่แม่ทำอะไรลงไปน่ะ หนูตกลงเรื่องนี้เอง ไม่เกี่ยวอะไรกับหลี่โม่เลย”

“ไม่เกี่ยวอะไรกัน แกคิดว่าฉันโง่เหรอ? ฉันได้ยินหมดแล้ว ไอ้ขยะนั่นมันเสนอหน้าเข้าไปในห้องประชุม และขอให้แกตอบตกลง นี่แกกำลังปกป้องมันอยู่เหรอ?” หวังฟางกัดฟันด้วยความโกรธ อยากจะบีบคอหลี่โมซะ!

เมื่อมองหลี่โม่ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว เธอก็คิดว่า ‘หึ ขยะมันก็เป็นได้แค่ขยะตลอดไปนั่นแหละ!’

“แกเป็นอะไรไปแล้วฮะ? นี่แกเสียสติไปแล้วใช่ไหม? แกกล้าไปฟังคำพูดของไอขยะนั่นได้ยังไง?” หวังฟางตำหนิและใช้นิ้วเฉดหน้าผากของกู้หยุนหลาน

กู้หยุนหลานก็เศร้าเช่นกัน เธอโกรธเพียงชั่วครู่ แต่พอเธอมานึกถึงกำลังใจจากหลี่โม่ ก็ยอมรับ

แต่ตอนนี้ พอมาคิดดูแล้ว นี่มันหาเรื่องใส่ตัวชัด ๆ

บริษัทหรงคังจะร่วมมือกับตระกูลกู้ได้อย่างไร?

“แม่คะ หนูขออยู่คนเดียวสักพักเถอะค่ะ”

กู้หยุนหลานเดินเข้าไปในห้องนอนและปิดประตูด้วยเสียงปังทันที

หวังฟางกระทืบเท้าอย่างโกรธเคือง จ้องไปที่กู้เจี้ยนหมิน ซึ่งยังคงอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา และด่าว่า “ดู ดูซิ ดูนั่น ก็ยังเอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์ รู้บ้างไหมว่าลูกสาวเกือบจะถูกไล่ออกจากบริษัท ครอบครัวของเรากำลังจะอดตายอยู่แล้ว!”

กู้เจี้ยนหมินถอนหายใจแล้วพูดว่า “คุณร้อนรนอะไรกัน ปัญหาทุกอย่างมีทางออก คนหนุ่มสาวปล่อยให้พวกเขาแก้ปัญหาด้วยตัวเองเถอะ ถ้าออกจากบริษัทนั่นจริง ๆ ก็ไม่ใช่ว่าลูกสาวเราจะทำมาหากินอย่างอื่นไม่ได้เสียหน่อย”

“คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่ คุณไม่ต้องการมรดกของคุณพ่อแล้วใช่ไหม?” เมื่อหวังฝางได้ยินเรื่องนี้ก็กังวลและพูดว่า “กู้เจี้ยนหมิน ยังมองไม่ออกอีกเหรอ? ฉันอยู่กับคุณมานาน แต่เรายังติดแหง็กอยู่ในบ้านเล็ก ๆ สามห้องนอน ดูบ้านต้นตระกูลกับบ้านลูกชายคนที่สามซิ แทบจะใหญ่เท่าคฤหาสน์ คุณนี่มันเหมือนไอ้หลี่โม่จริง ๆ ไร้ค่าเหมือนกันจริง ๆ ไม่เอาอะไรสักอย่าง มันน่าโมโหนัก!”

หลังจากพูดจบ หวังฟางก็เริ่มทุบตี กู้เจี้ยนหมินปกป้องตัวเองอย่างอดทน และพูดว่า “อย่าตีผม ฉันผิดไปแล้วไง โอเคไหม?”

หลังจากนั้นไม่นาน หลี่โม่ก็เดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับถืออ่างน้ำสำหรับแช่เท้า เขาเห็นกู้หยุนหลานนอนตะแคงอยู่บนเตียง จึงกระซิบว่า "หยุนหลาน ผมเตรียมน้ำร้อนไว้ให้คุณแล้วนะ"

กู้หยุนหลานลุกขึ้นมองหลี่โม่ด้วยตาแดงก่ำ และถามอย่างจริงจัง “หลี่โม่ สิ่งที่คุณพูดในห้องประชุมวันนี้ ก็แค่เรื่องโกหกใช่ไหม ถ้าฉันตกงานขึ้นมา แล้วซีซีจะเป็นยังไง? แล้วแม่ของคุณล่ะ?”

ดวงตาของกู้หยุนหลานปกคลุมไปด้วยคราบน้ำตา

เธอเกลียดตัวเองที่สุดที่เชื่อในคำพูดของหลี่โม่ ตอนนี้จะกลับไปแก้ไขอะไรก็คงไม่ได้แล้วในเมื่อทำไปแล้ว

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่โม่ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ

กลายเป็นว่า เธอเป็นห่วงแม่ของเขาด้วยนั่นเอง จิตใจช่างอ่อนโยนจริง ๆ

แม่ของเขาสุขภาพไม่ดี พวกเขาใช้เงินเป็นจำนวนมากไปกับการรักษา และเงินทั้งหมดนั้นก็ได้รับมาจากตระกูลกู้

ตอนนี้แม่ของเขากำลังทำธุรกิจเล็ก ๆ ที่บ้านของพวกเขา และหลี่โม่จะกลับไปดูทุกสองสามวัน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หลี่โม่ก็ยื่นมือออกไปถอดรองเท้าและถุงเท้าของกู้หยุนหลาน เขาจับอุ้งเท้าอันบอบบางที่ขาวราวกับหยก และค่อย ๆ จุ่มลงในน้ำ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “หยุนหลาน ผมไม่ได้โกหกนะ สัญญานี้ ต้องเป็นคุณเท่านั้น”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ออร่าแรงกล้าก็แผ่ออกมาจากหลี่โม่ เขามองไปที่กู้หยุนหลานอย่างจริงจัง และเช็ดน้ำตาออกจากหางตาของเธอ

“หยุนหลาน ในอดีต มันเป็นความผิดของผมเองที่ทำให้คุณต้องทนทุกข์ทรมาน ไม่ต้องห่วงนะ จากนี้ไปมันจะไม่มีอีกแล้ว”

“ผมจะมอบอนาคตที่ทุกคนต้องอิจฉาให้กับคุณและซีซี!”

“ทั้งเมืองฮั่นจะต้องภาคภูมิใจและให้เกียรติที่คุณเป็นภรรยาของผม!”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status