ขณะที่เซี่ยซีหว่านกำลังนอนอยู่บนเตียงอยู่นั้นก็ลืมตาโพล่งขึ้นมา ประธานหวางรู้สึกตกใจมาก ทำไมเธอถึงได้สติขึ้นมาตอนนี้ล่ะ?“คนสวย ทำไมเธอ....เธอตื่นแล้วเหรอ?”ดวงตาอันสดใสของเซี่ยซีหว่านเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปนตลกขบขัน “ถ้าฉันไม่ตื่นขึ้นมา ฉันจะได้เห็นฉากที่ยอดเยี่ยมแบบนี้เหรอคะ?”“เธอ…...”เซี่ยซีหว่านยกมือขึ้นโบกไปมาที่จมูก ทันใดนั้นจมูกของประธานหวางก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นแปลก ๆ เข้าอย่างจัง เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างของเขาก็ร่วงลงไปกองอยู่บนพื้นทันที มือและเท้าของเขาถูกมัดด้วยเชือกกระสอบ ไม่สามารถออกแรงขยับได้ และทำได้แค่มองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเซี่ยซีหว่านด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับพูดว่า “คะ..คนสวย อยากเล่นอะไรสนุก ๆ เหรอ งั้นปล่อยฉันก่อนสิ เราจะได้มาสนุกด้วยกันไง”คิ้วโก่งสวยได้รูปเลิกขึ้นพร้อมกับท่าทางไร้เดียงสาที่ดูเป็นมิตรอย่างที่สุด “ประธานหวาง นี่คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอคะว่าคืออะไร?”หลังจากเซี่ยซีหว่านพูดจบ ประธานหวางก็เห็นกระดูกเนื้อสองชิ้นที่อยู่ในมือของเธอ “เธอ..เธอเอากระดูกพวกนี้มาทำอะไร?”“อ่าาา...ประธานหวางคะ คุณป้าไม่ได้บอกคุณเหรอคะว่า บ้านตระกูลเซี่ยเลี้ยงสุนัขล่าเ
เขาหมายความว่าอย่างไรกัน? สายตาของเขามองไปยังริมฝีปากสีแดงของเธออย่างไม่ลดละราวกับกำลังบอกเป็นนัยว่าหมายถึงอะไร ซึ่งวิธีที่ผู้หญิงจะขอบคุณผู้ชายได้ดีที่สุดก็คือการจูบอย่างไรล่ะหัวใจของเซี่ยซีหว่านเต้นแรงขึ้นมาทันที และใบหูขาวราวหิมะของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “ฉันไม่เข้าใจค่ะ”เมื่อเธอพูดจบก็หันหน้าออกไปทางหน้าต่างและไม่สนใจเขาอีก ลู่หานถิงเห็นเธอหลีกเลี่ยงเขาแบบนี้ก็รู้สึกได้ว่า เธอเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ เป็นตัวของตัวเองและไม่ยอมไว้ใจใครง่าย ๆเมื่อถึงไฟแดงรถหรูก็จอดนิ่ง เซี่ยซีหว่านก็พิงศีรษะไปที่กระจกรถแล้วมองออกไปยังร้านเค้กที่ดังที่สุดในไห่เฉิง“อยากกินเค้กเหรอ?” หูของเธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของลู่หานถิงดังขึ้นมาดวงตาที่สดใสของเซี่ยซีหว่านเศร้าหมองลงเล็กน้อย เธอพูดอย่างแผ่วเบาว่า “เมื่อก่อนแม่ของฉันชอบพาฉันไปซื้อเค้กที่ร้านนั้นล่ะ”ลู่หานถิงหมุนพวงมาลัยมาจอดรถที่ข้างทาง “ถ้าอยากกินก็ลงไปซื้อสิ”......ร้านนี้เป็นร้านเค้กที่เก่าแก่ในไห่เฉิง และเป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะในแวดวงดาราและลูกคนมีเงิน ซึ่งร้านนี้จะขายเค้กที่มีปริมาณจำนวนจำกัดทุกวันเซี่ยซีหว่านชอบกินเค้กมาตั้งแต่
เมื่อเซี่ยซีหว่านพูดจบก็ชี้นิ้วไปทางเซี่ยเสี่ยวเตี๋ย แล้วหันไปบอกกับลู่หานถิงว่า “เธอเป็นคนพูดคำนั้น” เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยและข่งเจินเอ่อร์ต่างพากันตกตะลึงไปพร้อมกัน ปรากฎว่าชายหนุ่มคนนี้ก็คือเด็กหนุ่มหน้าหล่อที่เซี่ยซีหว่านเลี้ยงดูไว้อย่างนั้นเหรอ?โอ้พระเจ้า!เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยรู้สึกเหมือนถูกตบเข้ามาที่หน้าเธออย่างแรงขณะเดียวกันนั้นผู้จัดการร้านก็นำเค้กแยมสตรอเบอร์รี่ที่ทำเสร็จแล้วออกมาส่งให้กับลู่หานถิง เขาถือเค้กไว้ในมือแล้วพูดว่า “ป่ะ เรากลับกันเถอะ”“ค่ะ” เซี่ยซีหว่านเดินตามหลังลู่หานถิงไป ก่อนเธอเดินออกจากร้านก็หันมามองเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยแล้วโบกมือให้ “ลาก่อนนะ”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยยังคงรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเซี่ยซีหว่านจะสามารถเลี้ยงดูผู้ชายระดับนี้ได้ข่งเจินเอ่อร์พูดอย่างเหม่อลอยว่า “เสี่ยวเตี๋ย ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเรียกเซี่ยซีหว่านว่าคุณนายจริง ๆ แล้วล่ะ”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยหันกลับไปมองข่งเจินเอ่อร์ด้วยสายตาเฉือดเฉือนทันทีข่งเจินเอ่อร์พูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่า “เสี่ยวเตี๋ย ฉันอยากรู้มากเลยว่า เซี่ยซีหว่านเลี้ยงดูหนุ่มหล่อขนาดนั้นจะต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน?”เมื
เมื่อลู่หานถิงได้สติกลับมา เขาจึงรีบไปหยิบกล่องยาแล้วนำแอลกอฮอลล์ชุบสำลีมาทำแผลให้เธอ “จำเอาไว้ว่า นี่คือผลของการที่ทำให้ผมพูดเป็นครั้งที่สาม”เซี่ยซีหว่านมองไปที่สันกรามบนใบหน้าของเขา “ถ้าหากผลจากการพูดครั้งที่สามของคุณมันคือความรุนแรงในตระกูลล่ะคะ?”ลู่หานถิงใช้พลาสเตอร์ปิดแผลให้เธอก่อนที่ริมฝีปากบางนั้นจะยิ้มออกมาเล็กน้อย “รู้ว่าเข้ามาแล้วผมจะใช้ความรุนแรงได้ คุณก็ยังจะกล้าเข้ามาอีกนะ ไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน?”เซี่ยซีหว่านมองเข้าไปยังดวงตาคมสวยคู่นั้นแล้วพูดว่า “คุณลู่คะ คนอื่นอาจจะกลัวคุณ แต่ฉันไม่กลัวคุณเลย”นิ้วเรียวยาวของลู่หานถิงหยุดชะงักเล็กน้อย เขามองไปที่หน้าเรียวสวยที่ตอนนี้มีพลาสเตอร์ติดอยู่อย่างนึกสงสาร “คุณออกไปเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียว”เมื่อลู่หานถิงพูดจบ เขาก็ช่วยพยุงตัวเธอลุกขึ้นมามือเรียวเล็กของเซี่ยซีหว่านรีบยื่นออกมาโอบที่รอบเอวของเขาเอาไว้เมื่อเธอถูกร่างสูงสง่าอุ้มขึ้นมา ร่างกายของเธอเกิดอาการเกร็งทันที ตัวของเธอนั้นนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูก ใบหน้าจิ้มลิ้มซบลงบนอกแกร่งเหมือนแมวเชื่องนุ่มนิ่มตัวน้อยที่เกาะติดกับเขาลู่หานถิงได้กลิ่นกายที่หอมเย้ายวนจากตัวเธออี
เซี่ยซีหว่านถูกส่งตัวไปอยู่ที่ต่างจังหวัดตอนเธออายุ 9 ขวบ เธอไม่เคยคาดหวังอะไรจากเซี่ยเจิ้งกั๋วคนนี้ที่เธอเรียกว่าพ่ออยู่แล้ว แน่นอนว่าการที่เขาโทรหาเธอครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญพ่อก็ยังคงเป็นพ่อที่เธอรู้จักอยู่วันยังค่ำ เขาสนใจแต่เรื่องการแพทย์ และหมกหมุ่นอยู่แต่กับการพัฒนาการแพทย์ของตระกูลเซี่ยให้ใหญ่โตลูกสาวที่เขาภูมิใจที่สุดในตอนนี้ก็คือเซี่ยเหยียนเหยียน ส่วนลูกสาวจากบ้านนอกคอกนาคนนี้เขาก็แค่ใช้ให้มาแต่งงานแก้เคล็ดก็เท่านั้น“ค่ะพ่อ หนูเข้าใจแล้วค่ะ พรุ่งนี้หนูจะไปค่ะ”คำพูดว่าง่ายของเซี่ยซีหว่านทำให้น้ำเสียงของเซี่ยเจิ้งกั๋วอ่อนลง “ซีหว่าน การแต่งงานของแกถือเป็นการช่วยตระกูล อีกไม่นานสามีขี้โรคคนนั้นของแกก็จะตายแล้ว รอให้เรื่องของประธานหวางสำเร็จเสียก่อน ถึงตอนนั้นพ่อจะหาตระกูลใหม่ที่ดีกว่านี้ให้ลูกเอง”“ถ้าอย่างนั้นหนูก็ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ” เซี่ยซี่หว่านพูดจบก็กดวางสายลงทันทีเซี่ยซีหว่านกดปิดโทรศัพท์พร้อมกับหลับตาลงในอ้อมกอดของลู่หานถิง แต่ภายในใจของเธอกลับรู้สึกทุกข์ใจอย่างหนัก เมื่อเธอว่าตัวเองก็คือเด็กกำพร้าคนหนึ่งเธอต้องการเป็นลูกที่ได้รับความรักจากพ่อแม่และมีชีวิ
ลู่หานถิงมองฮั่วซีเจ๋อครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มือข้างไหนที่แกกล้าแตะต้องเธอฉันจะตัดมือข้างนั้นทิ้ง นั่งลงแล้วซะ”ฮั่วซีเจ๋อคิดในใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?ดวงตาสีดำขลับของกู้เยี่ยจิ่นที่ซ่อนอยู่หลังแว่นตาสีทองนั้นฉายแววขบขันออกมา “ซีเจ๋อ อย่าใจร้อนไปเลย นั่งลงแล้วดูการแสดงเถอะ”ฮั่วซีเจ๋อทำได้เพียงข่มอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความสงสัยไว้แล้วนั่งลงไป ควรรู้ไว้ว่าเจ้าคนดื้อรั้นคนนี้ไม่เคยที่จะเกรงกลัวฟ้าดิน แต่เมื่อตอนเป็นเด็กกลับหวาดกลัวลู่หานถิง......เซี่ยซีหว่านมาตามนัด แน่นอนว่าหลี่ยู่หลานก็มาด้วย ครั้งก่อนเซี่ยซีหว่านทำเสียเรื่อง คราวนี้เธอจึงมาจับตามองด้วยตัวเองว่าหล่อนจะใช้กลอุบายแบบไหนอีกขณะเดียวกันประธานหวางก็เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า หลี่ยู่หลานฉีกยิ้มแล้วพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ประธานหวาง คราวก่อนเป็นซีหว่านของทางเราที่ผิดพลาดเอง ฉันพาหล่อนมารับผิดแล้วค่ะ”ประธานหวางแค่นเสียงประชดแสนเย็นชาออกมา “ครั้งก่อนเธอเกือบจะฆ่าฉันตายแล้ว ความผิดนี้แค่เอ่ยขอโทษง่าย ๆ ก็สามารถให้อภัยได้แล้วอย่างงั้นเหรอ?”วันนั้นที่สุนัขดุร้ายตัวนั้นอยู่บนตัวของเขา ฟันคม ๆ ของมันเกือบจะกัดเขาแล้ว ขณะนั้นป
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นข้าง ๆ หู เซี่ยซีหว่านหรี่ตามอง ลู่หานถิงงั้นเหรอ?เธอกรอกตาขึ้นมอง เพราะเป็นไปตามที่คาดเดาไว้ ใบหน้าของลู่หานถิงนั้นแจ่มชัดขึ้นในสายตาของเธอจนเห็นรายละเอียดของความหล่อเหลาได้อย่างชัดเจน“คุณมาได้ยังไง?” เซี่ยซีหว่านรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก นี่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการคาดเดาของเธอจริง ๆ ที่จู่ ๆ เขาก็ปรากฎตัวขึ้นที่นี่ลู่หานถิงจับข้อมือเรียวขาวอันบอบบางของเธอกดตรึงไว้กับกำแพง แล้วร่างกายสูงใหญ่ก็แกล้งบดขยี้ร่างกายของเขาเข้ามาใกล้แล้วกดตัวเธอจนจมลงที่หน้าอกของเขา “ถ้าหากผมยังไม่มาอีกล่ะก็ บนหัวผมคงจะมีต้นหญ้างอกออกมาแล้วล่ะ”“หมายความว่าอย่างไร?” เซี่ยซีหว่านหยุดนิ่งไปชั่วขณะลู่หานถิงเลิกคิ้วได้รูปขึ้นแล้วถามว่า “คิดจะหลอกผมเหรอ? ไอ้ประธานหวางที่อยู่ด้านนอกนั่นคือใคร?”เซี่ยซีหว่านรู้แล้วว่าเขากำลังเข้าใจผิด เธอจึงรีบกระซิบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ฉันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับประธานหวางคนนี้ ฉันแค่มาจัดการธุระบางอย่าง”“อ้อ ธุระที่ต้องจัดการนี่ต้องขึ้นเวทีไปเต้นโพลแดนซ์ด้วยงั้นสิ?”“ฉัน....” เซี่ยซีหว่านเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุณลู่ วันนี้คุณ
กรี๊ด!หลี่ยู่หลานกรีดร้องออกมาแล้วรีบถีบร่างของประธานหวางให้ออกจากเธออย่างรวดเร็ว “ประธานหวางคะ ปล่อยฉันนะคะ คุณดูให้ดีสิว่าฉันคือใคร ฉันไม่ใช่เซี่ยซีหว่านนะ คุณหาผิดคนแล้ว!”ประธานหวางไม่หยุดเปลื้องผ้าของหลี่ยู่หลาน “แม่สาวน้อย ไม่ต้องดิ้นไปหรอกน่า ฮ่า ๆ ๆ”“ปล่อยฉันนะ! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!” หลี่ยู่หลานร้องเสียงดังทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ปัง” ประตูห้องถูกพังลงแล้วตำรวจกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้ามา “พวกเราได้รับรายงานผ่านทางโทรศัพท์มาว่าพวกคุณได้กระทำการซื้อขายบริการทางเพศ ตอนนี้พวกเราต้องขอควบคุมตัวพวกคุณไปสอบปากคำด้วยครับ!”ตำรวจควบคุมตัวประธานหวางไว้แล้วหลี่ยู่หลานที่กำลังตกใจจนสติแตกก็รีบจัดการเสื้อผ้าตัวเองอย่างรวดเร็ว “พวกฉันไม่ได้ทำอะไร พวกฉันไม่ต้องไปที่สถานีตำรวจหรอก!”“โปรดให้ความร่วมมือในการสืบสวนด้วยครับ เอาตัวไป!”......หลี่ยู่หลานไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอโดนตำรวจใช้กำลังควบคุมตัวให้เดินไปข้างหน้า ระหว่างที่เดินผ่านห้องโถงใหญ่ของบาร์ ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ รุมล้อมเข้ามาทั่วทุกสารทิศเมื่อตอนหลี่ยู่หลานยังเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว เธอเคยเป็นนักแสดงมาก่อน แต่ภ