Share

บทที่ 6 ที่จะสู้กับฉัน พวกคุณงั้นเหรอ?

ขณะที่เซี่ยซีหว่านกำลังนอนอยู่บนเตียงอยู่นั้นก็ลืมตาโพล่งขึ้นมา

ประธานหวางรู้สึกตกใจมาก ทำไมเธอถึงได้สติขึ้นมาตอนนี้ล่ะ?

“คนสวย ทำไมเธอ....เธอตื่นแล้วเหรอ?”

ดวงตาอันสดใสของเซี่ยซีหว่านเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปนตลกขบขัน “ถ้าฉันไม่ตื่นขึ้นมา ฉันจะได้เห็นฉากที่ยอดเยี่ยมแบบนี้เหรอคะ?”

“เธอ…...”

เซี่ยซีหว่านยกมือขึ้นโบกไปมาที่จมูก ทันใดนั้นจมูกของประธานหวางก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นแปลก ๆ เข้าอย่างจัง เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างของเขาก็ร่วงลงไปกองอยู่บนพื้นทันที

มือและเท้าของเขาถูกมัดด้วยเชือกกระสอบ ไม่สามารถออกแรงขยับได้ และทำได้แค่มองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเซี่ยซีหว่านด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับพูดว่า “คะ..คนสวย อยากเล่นอะไรสนุก ๆ เหรอ งั้นปล่อยฉันก่อนสิ เราจะได้มาสนุกด้วยกันไง”

คิ้วโก่งสวยได้รูปเลิกขึ้นพร้อมกับท่าทางไร้เดียงสาที่ดูเป็นมิตรอย่างที่สุด “ประธานหวาง นี่คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอคะว่าคืออะไร?”

หลังจากเซี่ยซีหว่านพูดจบ ประธานหวางก็เห็นกระดูกเนื้อสองชิ้นที่อยู่ในมือของเธอ “เธอ..เธอเอากระดูกพวกนี้มาทำอะไร?”

“อ่าาา...ประธานหวางคะ คุณป้าไม่ได้บอกคุณเหรอคะว่า บ้านตระกูลเซี่ยเลี้ยงสุนัขล่าเนื้อตัวใหญ่ไว้หนึ่งตัว สุนัขตัวนี้ก็ดุมากและมันชอบกินเนื้อติดกระดูกมากด้วยค่ะ”

ประธานหวางเป็นพวกลามกจกเปรต เขาอยากได้ตัวเธอมานานแล้ว แม้ว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอกที่แต่งงานกับคนที่นอนเป็นผัก นี่เขาคิดว่าจะทำอะไรต่อมิอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ?

ประธานหวางมองเซี่ยซีหว่านด้วยความรู้สึกกลัวจนขนลุกและสั่นเทาไปทั้งตัว “เธอ..เธอจะทำอะไรกันแน่?”

มือเรียวเล็กยื่นออกมา แล้วนำกระดูกสองชิ้นนั้นยัดเข้าไปในกางเกงของเขา “ประธานหวาง เกมได้เริ่มต้นขึ้นแล้วค่ะ อีกสักพักสุนัขตัวนั้นก็จะเข้ามาแล้ว คุณต้องระวังไว้หน่อยก็ดีนะคะ อย่าให้มันงับผิดที่ล่ะ”

“ไม่นะ ขอร้องล่ะ คุณผู้หญิง ผมผิดไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ......คุณจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว นี่มันไม่ตลกเลยนะ ได้โปรดไว้ชีวิตผมเถอะ…..” ประธานหวางรู้สึกกลัวจนเนื้อตัวเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ถ้าหากจะให้เขาคุกเข่าต่อหน้าเซี่ยซีหว่านเขาก็ยอม

แต่เซี่ยซีหว่านไม่ได้สนใจคำร้องขอแต่อย่างใด เธอเดินไปเปิดประตูให้หมาตัวนั้นเข้ามาในห้อง ทันทีที่มันได้กลิ่นหอมของกระดูก มันก็รีบตรงปรี่เข้ามาหาสิ่งนั้นทันที

อ๊าากกกก!!

ประธานหวางร้องเสียงดังลั่นอยู่แบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

......

หลี่ยู่หลานกำลังรอฟังข่าวดีอยู่ด้านล่าง ทันใดนั้นประตูห้องชั้นบนก็ถูกเปิดออก และเผยให้เห็นสภาพที่น่าสมเพศของประธานหวางที่จับกางเกงตัวเองแน่นพร้อมกับวิ่งกระเสือกกระสนลงมาด้านล่าง

หลี่ยู่หลานรู้สึกประหลาดใจมาก “ประธานหวาง ทำไมเป็นแบบนี้ค่ะ?”

หัวหน้าหวางกลัวจนฉี่ราดกางเกงและน้ำตาไหลไม่หยุด เขาก็ปากระดูกเนื้อพวกนั้นใส่หลี่ยู่หลานอย่างแรง พร้อมกับตรงปรี่เข้ามาหาเธอและพูดอย่างโกรธจัดว่า “หลี่ยู่หลาน ทั้งหมดนี่มันเป็นเพราะแผนของเธอ ฉันจะกลับมาคิดบัญชีกับเธอแน่!”

หลังพูดจบเขาก็รีบวิ่งหนีไปด้วยความโกรธจัดและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?

หลี่ยู่หลานรีบตรงขึ้นไปบนห้องนั้นทันที

ภายในห้อง เซี่ยซีหว่านกำลังนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้อย่างอารมณ์ดี เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังสีหน้าตกตะลึงของหลี่ยู่หลานด้วยนัยน์ตาสีดำสดใส “คุณป้า มาแล้วเหรอคะ?”

เซี่ยซีหว่านนั้นรอเธออยู่ก่อนแล้ว!

หลี่ยู่หลานหน้าซีดเผือด เพราะรู้ว่าตอนนี้แผนการของเธอได้ถูกเปิดโปงแล้ว แต่แผนจะถูกเปิดโปงได้อย่างไรกัน

มีตรงไหนผิดพลาดไปอย่างนั้นเหรอ?

“เซี่ยซีหว่าน นี่เธอรู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้วสินะ เธอคงไม่ได้ซ้อนแผนฉันหรอกใช่ไหม?” หลี่ยู่หลานถาม

เซี่ยซีหว่านแสยะยิ้มร้ายออกมา “หนูก็แค่อยากจะรอชมแผนการของคุณป้าเท่านั้นค่ะ คุณป้าคะ แผนของคุณป้าเด็กอนุบาลยังรู้เลยค่ะ คุณป้าทำหนูผิดหวังพอสมควรนะคะ”

หลี่ยู่หลานพ่นลมหายใจแรงออกมาด้วยความรู้สึกเสียหน้า ดวงตาของเธอฉายแววอาฆาตแค้นออกมา “เซี่ยซีหว่าน! ฉันจะไม่ต่อปากต่อคำกับเธอแล้ว เมื่อครู่นี้หัวหน้าหวางโกรธมาก ฉันจะพาเธอไปส่งให้ประธานหวาง เธอต้องไปขอขมาเขา! พาตัวเธอไป!”

“ครับ คุณนาย”

ทันใดนั้นบอดี้การ์ดร่างกายกำยำประมาณห้าหกคนก็ได้เดินเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว

“เซี่ยซีหว่าน คนพวกนี้คือบอดี้การ์ดที่ฉันจ่ายด้วยราคาที่แพงมาก เธอสู้ได้หรือเปล่าล่ะ?”

ดวงตาที่สดใสของเซี่ยซีหว่านเปลี่ยนเป็นดวงตาที่เย็นชาอย่างเลือดเย็นทันที ในเมื่อเธอรออยู่ในห้องนี้ตัั้งนานแล้ว ยังจะมีอะไรให้กลัวอย่างนั้นเหรอ?

“ไปสิ จับตัวเธอมาให้ฉัน!”

หลี่ยู่หลานออกคำสั่ง บอดี้การ์ดคนหนึ่งจึงพุ่งตรงเข้าไปหาเซี่ยซีหว่านเพื่อจับเธอไว้ทันที

มือเล็ก ๆ ของเซี่ยซีหว่านกำแน่นไว้ข้างเอวบางอย่างเงียบ ๆ

ไม่กี่วินาทีต่อมาก็มีมือใหญ่อันแข็งแกร่งจับเข้าที่มือซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาหาเธอ

มืออันแข็งแกร่งค่อย ๆ บิดข้อมือใหญ่ของบอดี้การ์ดคนนั้นออกจนหักเสียงดังกร๊อบ!

ต่อมาบอดี้การ์ดคนนั้นก็ถูกผลักออกด้วยพละมหาศาลและบอดี้การ์ดที่เหลืออยู่ก็ร่วงลงไปกองอยู่บนพื้นทันที

เซี่ยซีหว่านรีบลืมตาขึ้นมา ภาพที่เธอเห็นข้างหน้าตอนนี้คือร่างสูงใหญ่กำลังพุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว ลู่หานถิงมาช่วยเธอแล้ว

“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” เซี่ยซีหว่านรู้สึกประหลาดใจมาก

ลู่หานถิงไม่ได้แสดงอาการใด ๆ เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกและยียวนว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะพลาดเรื่องสนุก ๆ ไปสินะ”

หลี่ยู่หลานไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนบุกเข้ามาในบ้านตระกูลเซี่ยได้ เธอมองไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เซี่ยซีหว่านอย่างถี่ถ้วน ชายร่างสูงสง่าอยู่ในเสื้อสีขาวกางเกงสีดำ หน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งฝีมือการต่อสู้เมื่อครู่นั้นก็ดูปราดเปรียวว่องไว ท่าทีเย็นชานั้นกลับเพิ่มเสน่ห์ให้เขาเป็นชายหนุ่มที่น่าหลงใหลยิ่งนัก

ในฐานะคุณผู้หญิงของตระกูลเซี่ย แน่นอนว่าเธอนั้นคุ้นเคยกับสังคมชนชั้นสูงในเมืองไห่เฉิงเป็นอย่างมาก แต่เธอไม่เคยเห็นใครที่ดูดีขนาดนี้มาก่อน

เมื่อครู่นี้เสี่ยวเตี๋ยบอกกับเธอว่าเซี่ยซีหว่านเลี้ยงเด็กหนุ่มไว้คนหนึ่ง ที่แท้ก็คือเขาคนนี้เองเหรอ?

“เซี่ยซีหว่าน นี่ใช่เด็กหนุ่มที่เธอเลี้ยงเอาไว้ใช่ไหม?”

เด็กหนุ่มหน้าขาวที่เลี้ยงไว้?

เมื่อลู่หานถิงได้ยินสามคำนี้ก็ขมวดคิ้วรูปดาบอย่างไม่สบอารมณ์ เขามองไปที่เซี่ยซีหว่านแล้วพูดว่า “เด็กหนุ่มที่เลี้ยงไว้เหรอ คุณบอกเธอไปแบบนั้นเหรอ?”

เซี่ยซีหว่านยืดหลังตรงพร้อมกับโบกมือไปมา “เข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย”

หลี่ยู่หลานไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป “พวกแกมัวทำอะไรกันอยู่ แค่เด็กหนุ่มคนเดียวพวกแกยังจัดการไม่ได้ รีบจัดการเร็วเข้า”

พวกบอดี้การ์ดจึงรีบปรี่เข้าไปหวังจะจัดการกับลู่หานถิง แต่เมื่อพวกเขาเห็นสายตาอำมหิตของ

เขาก็หยุดชะงักทันที “คิดจะสู้กับฉันเหรอ อย่างพวกแกเนี่ยนะ?”

บอดี้การ์ดที่ถูกจ้างมาเหล่านั้นรู้สึกหวาดกลัวลู่หานถิงขึ้นมาทันที และต่างก็ถอยหนีไปทีละคน

หลี่ยู่หลานรู้สึกโกรธจนตัวสั่น เธอไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มที่อวดดีขนาดนี้มาก่อน เป็นแค่แมงดาเกาะผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดูราวกับคนร่ำรวยเท่านั้น แต่ทำไมถึงสามารถเข้าออกบ้านตระกูลเซี่ยได้อย่างง่ายดาย

นาน ๆ ทีถึงจะพบเจอ ไม่ธรรมดาจริง ๆ

บอดี้การ์ดที่จ้างมาด้วยราคาแสนแพงก็วิ่งหนีหายกันไปหมดแล้ว หลี่ยู่หลานทำได้เพียงแค่มองและยืนนิ่งแข็งทื่ออย่างช่วยไม่ได้

ลู่หานถิงมองไปที่เซี่ยซีหว่าน แล้วพูดว่า “ยังจะกินมื้อค่ำกันอยู่ไหม? ไปกันเถอะ”

“อ่อ โอเคได้ค่ะ”

เซี่ยซีหว่านเดินตามหลังลู่หานถิงไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่เดินผ่านคุณป้าของเธอ เธอก็พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “คราวหน้าหวังว่าคุณป้าจะมีความสามารถออกมาให้มากกว่านี้นะคะ หนูจะรอดูค่ะ อย่าทำเรื่องตลก ๆ ให้หนูดูอีกนะคะ”

“......”

หลี่ยู่หลานรู้สึกว่าตัวเองแทบจะกระอักเลือดที่ถูกเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่า

......

ภายในรถยนต์สุดหรู เซี่ยซีหว่านมองไปยังผู้ชายที่นั่งข้าง ๆ เธอ เขาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ท่าทีดูสุขุมและสง่างาม ไม่น่าเชื่อว่าบนตัวเขานั้นไม่มีร่องรอยจากการต่อสู้เมื่อครู่เลย

ทันใดนั้นนัยน์ตาคมกริบก็มองกลับมาแล้วพูดว่า “ถ้าผมไม่ไปช่วย คุณจะทำยังไง?”

เซี่ยซีหว่านตอบกลับว่า “ก็สู้ไงคะ ฉันก็สู้เป็นนะ ถ้าคุณไม่มาช่วย ฉันก็จัดการพวกนั้นเองได้”

ลู่หานถิงจำได้ว่า เมื่อตอนเซี่ยซีหว่านอายุ 9 ขวบ เธอถูกทิ้งไว้ให้อยู่ที่ชนบทและถูกเด็กที่นั้นรังแกสารพัด เธอมักถูกด่าทอว่าเป็นเด็กเหลือขอไม่มีพ่อแม่

การต่อสู้อาจจะเป็นบทเรียนที่เธอได้เรียนรู้ในตอนนั้นและกลายเป็นวิชาติดตัวเธอมาจนถึงตอนนี้ เมื่อตอนอยู่บนรถไฟเธอยังสามารถจัดการกับผู้ชายที่หน้ามีรอยแผลเป็นคนนั้นได้อย่างใจเย็น แค่บอดี้การ์ดไม่กี่คนก็คงไม่มีปัญหาอะไร

“ผู้หญิงไม่ควรต่อสู้ เรื่องต่อสู้มันเป็นเรื่องของผู้ชาย”

“ฉันไม่ชอบพึ่งพาใครค่ะ แต่ว่าคุณชายลู่ เมื่อครู่นี้ต้องขอบคุณคุณมาก ๆ เลยนะคะ”

เมื่อเห็นสายตาที่แสดงความขอบคุณออกมาอย่างจริงใจของเธอนั้นก็ทำให้ลู่หานถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณขอบคุณผมแบบนี้เหรอ?”

เซี่ยซีหว่านแปลกใจเล็กน้อย “แล้วคุณจะให้ฉันขอบคุณยังไงคะ?”

ลู่หานถิงหรี่ตามองตั้งแต่ดวงตาสดใสคู่นั้นลงมาจนถึงริมฝีปากสีแดงที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า “ผู้หญิงเขาขอบคุณผู้ชายด้วยวิธีไหนกันล่ะ คุณไม่รู้เหรอ?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status