Share

บทที่ 7 ผมจะเลี้ยงคุณเอง คุณภรรยาของผม

เขาหมายความว่าอย่างไรกัน?

สายตาของเขามองไปยังริมฝีปากสีแดงของเธออย่างไม่ลดละราวกับกำลังบอกเป็นนัยว่าหมายถึงอะไร ซึ่งวิธีที่ผู้หญิงจะขอบคุณผู้ชายได้ดีที่สุดก็คือการจูบอย่างไรล่ะ

หัวใจของเซี่ยซีหว่านเต้นแรงขึ้นมาทันที และใบหูขาวราวหิมะของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “ฉันไม่เข้าใจค่ะ”

เมื่อเธอพูดจบก็หันหน้าออกไปทางหน้าต่างและไม่สนใจเขาอีก

ลู่หานถิงเห็นเธอหลีกเลี่ยงเขาแบบนี้ก็รู้สึกได้ว่า เธอเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ เป็นตัวของตัวเองและไม่ยอมไว้ใจใครง่าย ๆ

เมื่อถึงไฟแดงรถหรูก็จอดนิ่ง เซี่ยซีหว่านก็พิงศีรษะไปที่กระจกรถแล้วมองออกไปยังร้านเค้กที่ดังที่สุดในไห่เฉิง

“อยากกินเค้กเหรอ?” หูของเธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของลู่หานถิงดังขึ้นมา

ดวงตาที่สดใสของเซี่ยซีหว่านเศร้าหมองลงเล็กน้อย เธอพูดอย่างแผ่วเบาว่า “เมื่อก่อนแม่ของฉันชอบพาฉันไปซื้อเค้กที่ร้านนั้นล่ะ”

ลู่หานถิงหมุนพวงมาลัยมาจอดรถที่ข้างทาง “ถ้าอยากกินก็ลงไปซื้อสิ”

......

ร้านนี้เป็นร้านเค้กที่เก่าแก่ในไห่เฉิง และเป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะในแวดวงดาราและลูกคนมีเงิน ซึ่งร้านนี้จะขายเค้กที่มีปริมาณจำนวนจำกัดทุกวัน

เซี่ยซีหว่านชอบกินเค้กมาตั้งแต่เด็ก ๆ แม่ของเธอมักพามาซื้อเค้กร้านนี้เป็นประจำ ซึ่งนั้นเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่สวยงามที่สุดในความทรงจำของเธอ

เป็นเวลา 10 ปีแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาที่นี่

ดวงตาของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่อยากให้ขายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ เห็นมันจึงพูดขึ้นว่า “เอ่อ......คุณรอฉันก่อนนะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน”

เมื่อพูดจบเซี่ยซีหว่านก็เดินไปล้างหน้าในห้องน้ำ

ลู่หานถิงมองตามแผ่นหลังของหญิงสาวที่เพิ่งเดินจากไป เมื่อครู่นี้เขาเห็นแล้วว่าเธอร้องไห้ ช่างเหมือนเด็กน้อยที่ไม่รู้จักโตเลยจริง ๆ

เขาก้าวขายาว ๆ เข้าไปในร้านเค้ก

เรื่องบังเอิญก็คือ เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยและข่งเจินเอ่อร์เพื่อนสนิทของเธอก็อยู่ในร้านเค้กนี้ด้วย

ข่งเจินเอ่อร์สะกิดเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยแล้วถามว่า “เสี่ยวเตี๋ย เมื่อกี้นี้เธอบอกว่ายัยบ้านนอกเซี่ยซีหว่านเลี้ยงเด็กหนุ่มหน้าหล่อไว้คนหนึ่ง นี่เป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”

เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “จริงแท้แน่นอน ฉันเห็นกับตาว่าเด็กหนุ่มคนนั้นขับรถมาส่งเซี่ยซีหว่านถึงบ้านเลย”

“สมัยนี้เลี้ยงเด็กใช้เงินเยอะนะ เซี่ยซีหว่านเพิ่งกลับมาจากบ้านนอกคอกนา แล้วเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงเด็กล่ะ?”

เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดต่อว่า “เด็กหนุ่มสมัยนี้ก็มีหลากหลายระดับชนชั้นเหมือนกันนะ ถ้าหน้าตาหล่อเหลามาก ๆ ค่าตัวก็มากโขเลย......”

ขณะนั้นหูของทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำนุ่มลึกและน่าชวนฟังเอ่ยขึ้นว่า “ผู้จัดการครับ ผมขอเค้กก้อนหนึ่ง”

ช่างเป็นเสียงที่ไพเราะชวนฝันสุด ๆ

เมื่อเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยและข่งเจินเอ่อร์หันไปมองที่ลู่หานถิง ทั้งสองคนไม่อาจละสายตาได้ราวกับถูกมนต์สะกดไว้

ขณะที่ลู่หานถิงกำลังยืนอย่างสง่างามอยู่ตรงหน้าเคาท์เตอร์พร้อมกับเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ากับกางเกงสแล็คขายาวสีดำและรูปร่างสูงโปร่งราวกับนายแบบ แน่นอนว่าความเจิดจรัสของเขานั้นสะกดทุกสายตาในที่แห่งนี้

พระเจ้า ชายหนุ่มคนนี้ช่างหล่อเหลาเสียจริง

ข่งเจินเอ่อร์ถึงกับนิ่งอึ้ง เธอดึงแขนเสื้อของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยแล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “เสี่ยวเตี๋ย ผู้ชายคนนี้ใช่ผู้ชายระดับพรีเมี่ยมที่เราเพิ่งพูดถึงเมื่อกี้นี้ใช่ไหม?”

ช่างหล่อเหลาและรูปร่างดีมาก ๆ ......

เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่ดูดีขนาดนี้มาก่อน ผู้คนมักจะบอกว่า อำนาจ ความร่ำรวย และฐานะทางสังคม คือ เครื่องประดับที่ดีที่สุดของผู้ชาย ความสง่างามที่น่าหลงไหลและความหยิ่งยโสที่ดูไม่สนใจใครของเขานั้น ทำให้ลู่หานถิงเป็นผู้ชายที่ใส่เชิ้ตสีขาวและกางเกงสแล็คขายาวสีดำที่ดูดีที่สุดอย่างไม่มีใครเทียบได้

เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์

คราวนี้ข่งเจินเอ่อร์พูดกระซิบอย่างแผ่วเบาอีกครั้งว่า “เสี่ยวเตี๋ย ที่เธอบอกว่าเซี่ยซีหว่านเลี้ยงเด็กหนุ่มหน้าหล่อน่ะดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้หรือเปล่า?”

“พูดไร้สาระอะไรของเธอ!” เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยจ้องไปที่ข่งเจินเอ่อร์และพูดต่อว่า “อย่างเซี่ยซีหว่านน่ะเหรอ เด็กที่เลี้ยงก็คงเป็นพวกคนระดับล่าง ตัวอ้วนน่าเกลียด ถ้าหากว่าเซี่ยซีหว่านมีปัญญาเลี้ยงของผู้ชายระดับพรีเมี่ยมขนาดนี้ได้ล่ะก็ ฉันคงเรียกเธอว่าคุณนายแล้ว!”

อย่างไรก็ตาม เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยก็ไม่เชื่อว่าเด็กหนุ่มที่เซี่ยซีหว่านเลี้ยงดูจะเป็นชายหนุ่มที่ดูดีมีระดับเหมือนกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้

ผู้จัดการร้านเค้กได้เอ่ยขอโทษลู่หานถิงว่า “ต้องขออภัยคุณผู้ชายจริง ๆ นะครับ พอดีว่าเค้กชิ้นสุดท้ายนี้คุณผู้หญิงสองท่านนั้นได้สั่งซื้อไปแล้ว วันนี้เค้กในร้านของเราได้ขายหมดแล้ว วันพรุ่งนี้เช้ามาซื้อใหม่ได้นะครับ”

เค้กชิ้นสุดท้ายถูกขายให้กับเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยนั่นเอง

เมื่อถูกเอ่ยถึง เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยก็ใจเต้นแรงโครมครามอย่างไม่เป็นสุข เธอรีบลุกเดินเข้าไปหาลู่หานถิงทันทีพร้อมกับมองหน้าเขาด้วยความตื่นเต้นและเขินอาย “คุณคะ......คุณต้องการซื้อเค้กใช่ไหมคะ ฉันยกเค้กชิ้นนี้ให้คุณก็ได้ค่ะ แต่ว่า......เราแลกวีแชทกันก่อนได้ไหมคะ?”

เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยรู้สึกตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เข้าแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่รอช้าที่จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

เธอเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมทั้งฐานะ ความสวย และความสาว เธอจีบผู้ชายมาก็มากมาย แต่ก็

รู้สึกประหลาดใจมาก เมื่อเธอเริ่มชวนผู้ชายคนนี้คุย เธอกลับรู้สึกประหม่ามากขนาดนี้

ขณะที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยกำลังรอคำตอบจากเขาอย่างใจจดจ่อ แต่ลู่หานถิงกลับไม่เหลือบมองเธอเลยสักนิดแม้แต่หางตา เขาเพียงแค่ยืนบัตรเครดิตสีดำเคลือบตัวอักษรสีทองส่งให้ผู้จัดการร้านและพูดว่า “ถ้างั้นผมขอจ้างคุณให้ทำงานนอกเวลาสำหรับการทำเค้กเพิ่มให้ผมหนึ่งชิ้น”

ผู้จัดการร้านมองไปที่บัตรเครดิตสีดำทองของเขา บนบัตรมีตัวอักษรสีทองคำว่า “ลู่” ฝังเอาไว้

ตระกูลลู่ ชื่อตระกูลใหญ่ในเมืองไห่เฉิงซึ่งไม่มีใครที่ไม่รู้จักนามสกุลนี้

ผู้จัดการร้านเดาฐานะของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้แทบจะทันที เขาถึงกับเหงื่อตก เพราะตระกูลของเขามีอิทธิพลมากในเมืองไห่เฉิง นึกไม่ถึงเลยว่าจะเข้ามาในร้านเค้กเล็ก ๆ แห่งนี้

“คะ คุณผู้ชายรอสักครู่นะครับ ผมจะให้พนักงานไปทำเพิ่มมาให้เป็นพิเศษเลยครับ”

หลังจากนั้นผู้จัดการก็รีบวิ่งไปกลับที่ห้องครัวด้านหลังร้านทันที

เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยและข่งเจินเอ่อร์ได้แต่มองอย่างงุนงงว่า ทำไมผู้จัดการถึงทำเค้กเพิ่มให้กับผู้ชายคนนี้เป็นพิเศษ?

พวกเธอเองยังต้องเข้าคิวเพื่อที่จะซื้อเค้ก

หรือว่านี่จะเป็นบริการพิเศษสำหรับลูกค้าวีวีไอพีของร้านเค้กแห่งนี้

ขณะที่ลู่หานถิงรอเค้กอยู่นั้น เขาก็หยิบหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับธุรกิจฉบับหนึ่งมาอ่านอย่างสบาย ๆ

เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยถูกเขาเมินอย่างไม่ใยดีนั้นทำให้เธอรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก แล้วเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยก็ดึงสายเสื้อของเธอลงมาจากไหล่

“โอ้ย ฉันรู้สึกเวียนหัวจัง” เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยแสร้งทำเป็นวิงเวียนศีรษะเพื่อหวังจะเซตัวล้มทับไปบนหน้าอกของลู่หานถิง

ขณะที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยแกล้งหลับตาลงและโน้มตัวเข้าไปใกล้หวังที่จะไปอยู่บนอ้อมอกของเขานั้น

แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็ร่วงลงไปกองอยู่บนพื้นทันที

ลู่หานถิงเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างทำให้เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยล้มหัวขมำ

ต่อมาก็มีน้ำเสียงอันไพเราะของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอยู่เหนือหัวของเธอว่า “เซี่ยเสี่ยวเตี๋ย ทำไม

เธอต้องต้อนรับฉันอย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วยเหรอ?”

เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับเซี่ยซีหว่านอย่างไม่คาดฝัน

เซี่ยซีหว่านมองไปยังเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยด้วยดวงตาใสซื่อ ซึ่งตอนนี้เธอดูเหมือนคนโง่ เซี่ยซีหว่านจึงขยิบตาให้เธอหนึ่งทีด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู

ตอนนี้สภาพของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยดูแย่มาก เธอพยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้นทันที “เซี่ยซีหว่าน

เธอมาได้ยังไง?”

เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ทำไมเซี่ยซีหว่านถึงมาอยู่ที่ร้านเค้กนี้ได้ ตอนที่เธอออกมาก็เห็นหัวหน้าหวางเดินเข้าไปในห้องนั้นแล้ว

เกิดอะไรขึ้น?

ลู่หานถิงเดินออกมาข้างหน้าพร้อมกับนำท่อนแขนอันแข็งแกร่งโอบเอวบางของเซี่ยซีหว่านเอาไว้แล้วพูดว่า “ทำไมถึงไปเข้าห้องน้ำนานอย่างนี้ล่ะ?”

เอวของเธอนั้นพอดีกับฝ่ามือของเขาเสียจริง

เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยและข่งเจินเอ่อร์ต่างพากันตกตะลึง เซี่ยซีหว่านกับชายหนุ่มคนนี้น่ะเหรอ?

“เซี่ยซีหว่าน ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกับเธอ” เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยวรีบถามขึ้นทันที

เซี่ยซีหว่านเม้มริมฝีปากก่อนจะตอบว่า “เธอไม่ใช่คนพูดเองเหรอว่า เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ฉันเลี้ยงดูเอาไว้น่ะ?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status