เมื่อลู่หานถิงได้สติกลับมา เขาจึงรีบไปหยิบกล่องยาแล้วนำแอลกอฮอลล์ชุบสำลีมาทำแผลให้เธอ “จำเอาไว้ว่า นี่คือผลของการที่ทำให้ผมพูดเป็นครั้งที่สาม”เซี่ยซีหว่านมองไปที่สันกรามบนใบหน้าของเขา “ถ้าหากผลจากการพูดครั้งที่สามของคุณมันคือความรุนแรงในตระกูลล่ะคะ?”ลู่หานถิงใช้พลาสเตอร์ปิดแผลให้เธอก่อนที่ริมฝีปากบางนั้นจะยิ้มออกมาเล็กน้อย “รู้ว่าเข้ามาแล้วผมจะใช้ความรุนแรงได้ คุณก็ยังจะกล้าเข้ามาอีกนะ ไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน?”เซี่ยซีหว่านมองเข้าไปยังดวงตาคมสวยคู่นั้นแล้วพูดว่า “คุณลู่คะ คนอื่นอาจจะกลัวคุณ แต่ฉันไม่กลัวคุณเลย”นิ้วเรียวยาวของลู่หานถิงหยุดชะงักเล็กน้อย เขามองไปที่หน้าเรียวสวยที่ตอนนี้มีพลาสเตอร์ติดอยู่อย่างนึกสงสาร “คุณออกไปเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียว”เมื่อลู่หานถิงพูดจบ เขาก็ช่วยพยุงตัวเธอลุกขึ้นมามือเรียวเล็กของเซี่ยซีหว่านรีบยื่นออกมาโอบที่รอบเอวของเขาเอาไว้เมื่อเธอถูกร่างสูงสง่าอุ้มขึ้นมา ร่างกายของเธอเกิดอาการเกร็งทันที ตัวของเธอนั้นนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูก ใบหน้าจิ้มลิ้มซบลงบนอกแกร่งเหมือนแมวเชื่องนุ่มนิ่มตัวน้อยที่เกาะติดกับเขาลู่หานถิงได้กลิ่นกายที่หอมเย้ายวนจากตัวเธออี
เซี่ยซีหว่านถูกส่งตัวไปอยู่ที่ต่างจังหวัดตอนเธออายุ 9 ขวบ เธอไม่เคยคาดหวังอะไรจากเซี่ยเจิ้งกั๋วคนนี้ที่เธอเรียกว่าพ่ออยู่แล้ว แน่นอนว่าการที่เขาโทรหาเธอครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญพ่อก็ยังคงเป็นพ่อที่เธอรู้จักอยู่วันยังค่ำ เขาสนใจแต่เรื่องการแพทย์ และหมกหมุ่นอยู่แต่กับการพัฒนาการแพทย์ของตระกูลเซี่ยให้ใหญ่โตลูกสาวที่เขาภูมิใจที่สุดในตอนนี้ก็คือเซี่ยเหยียนเหยียน ส่วนลูกสาวจากบ้านนอกคอกนาคนนี้เขาก็แค่ใช้ให้มาแต่งงานแก้เคล็ดก็เท่านั้น“ค่ะพ่อ หนูเข้าใจแล้วค่ะ พรุ่งนี้หนูจะไปค่ะ”คำพูดว่าง่ายของเซี่ยซีหว่านทำให้น้ำเสียงของเซี่ยเจิ้งกั๋วอ่อนลง “ซีหว่าน การแต่งงานของแกถือเป็นการช่วยตระกูล อีกไม่นานสามีขี้โรคคนนั้นของแกก็จะตายแล้ว รอให้เรื่องของประธานหวางสำเร็จเสียก่อน ถึงตอนนั้นพ่อจะหาตระกูลใหม่ที่ดีกว่านี้ให้ลูกเอง”“ถ้าอย่างนั้นหนูก็ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ” เซี่ยซี่หว่านพูดจบก็กดวางสายลงทันทีเซี่ยซีหว่านกดปิดโทรศัพท์พร้อมกับหลับตาลงในอ้อมกอดของลู่หานถิง แต่ภายในใจของเธอกลับรู้สึกทุกข์ใจอย่างหนัก เมื่อเธอว่าตัวเองก็คือเด็กกำพร้าคนหนึ่งเธอต้องการเป็นลูกที่ได้รับความรักจากพ่อแม่และมีชีวิ
ลู่หานถิงมองฮั่วซีเจ๋อครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มือข้างไหนที่แกกล้าแตะต้องเธอฉันจะตัดมือข้างนั้นทิ้ง นั่งลงแล้วซะ”ฮั่วซีเจ๋อคิดในใจว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?ดวงตาสีดำขลับของกู้เยี่ยจิ่นที่ซ่อนอยู่หลังแว่นตาสีทองนั้นฉายแววขบขันออกมา “ซีเจ๋อ อย่าใจร้อนไปเลย นั่งลงแล้วดูการแสดงเถอะ”ฮั่วซีเจ๋อทำได้เพียงข่มอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความสงสัยไว้แล้วนั่งลงไป ควรรู้ไว้ว่าเจ้าคนดื้อรั้นคนนี้ไม่เคยที่จะเกรงกลัวฟ้าดิน แต่เมื่อตอนเป็นเด็กกลับหวาดกลัวลู่หานถิง......เซี่ยซีหว่านมาตามนัด แน่นอนว่าหลี่ยู่หลานก็มาด้วย ครั้งก่อนเซี่ยซีหว่านทำเสียเรื่อง คราวนี้เธอจึงมาจับตามองด้วยตัวเองว่าหล่อนจะใช้กลอุบายแบบไหนอีกขณะเดียวกันประธานหวางก็เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า หลี่ยู่หลานฉีกยิ้มแล้วพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ประธานหวาง คราวก่อนเป็นซีหว่านของทางเราที่ผิดพลาดเอง ฉันพาหล่อนมารับผิดแล้วค่ะ”ประธานหวางแค่นเสียงประชดแสนเย็นชาออกมา “ครั้งก่อนเธอเกือบจะฆ่าฉันตายแล้ว ความผิดนี้แค่เอ่ยขอโทษง่าย ๆ ก็สามารถให้อภัยได้แล้วอย่างงั้นเหรอ?”วันนั้นที่สุนัขดุร้ายตัวนั้นอยู่บนตัวของเขา ฟันคม ๆ ของมันเกือบจะกัดเขาแล้ว ขณะนั้นป
น้ำเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยดังขึ้นข้าง ๆ หู เซี่ยซีหว่านหรี่ตามอง ลู่หานถิงงั้นเหรอ?เธอกรอกตาขึ้นมอง เพราะเป็นไปตามที่คาดเดาไว้ ใบหน้าของลู่หานถิงนั้นแจ่มชัดขึ้นในสายตาของเธอจนเห็นรายละเอียดของความหล่อเหลาได้อย่างชัดเจน“คุณมาได้ยังไง?” เซี่ยซีหว่านรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก นี่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือการคาดเดาของเธอจริง ๆ ที่จู่ ๆ เขาก็ปรากฎตัวขึ้นที่นี่ลู่หานถิงจับข้อมือเรียวขาวอันบอบบางของเธอกดตรึงไว้กับกำแพง แล้วร่างกายสูงใหญ่ก็แกล้งบดขยี้ร่างกายของเขาเข้ามาใกล้แล้วกดตัวเธอจนจมลงที่หน้าอกของเขา “ถ้าหากผมยังไม่มาอีกล่ะก็ บนหัวผมคงจะมีต้นหญ้างอกออกมาแล้วล่ะ”“หมายความว่าอย่างไร?” เซี่ยซีหว่านหยุดนิ่งไปชั่วขณะลู่หานถิงเลิกคิ้วได้รูปขึ้นแล้วถามว่า “คิดจะหลอกผมเหรอ? ไอ้ประธานหวางที่อยู่ด้านนอกนั่นคือใคร?”เซี่ยซีหว่านรู้แล้วว่าเขากำลังเข้าใจผิด เธอจึงรีบกระซิบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ฉันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับประธานหวางคนนี้ ฉันแค่มาจัดการธุระบางอย่าง”“อ้อ ธุระที่ต้องจัดการนี่ต้องขึ้นเวทีไปเต้นโพลแดนซ์ด้วยงั้นสิ?”“ฉัน....” เซี่ยซีหว่านเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุณลู่ วันนี้คุณ
กรี๊ด!หลี่ยู่หลานกรีดร้องออกมาแล้วรีบถีบร่างของประธานหวางให้ออกจากเธออย่างรวดเร็ว “ประธานหวางคะ ปล่อยฉันนะคะ คุณดูให้ดีสิว่าฉันคือใคร ฉันไม่ใช่เซี่ยซีหว่านนะ คุณหาผิดคนแล้ว!”ประธานหวางไม่หยุดเปลื้องผ้าของหลี่ยู่หลาน “แม่สาวน้อย ไม่ต้องดิ้นไปหรอกน่า ฮ่า ๆ ๆ”“ปล่อยฉันนะ! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!” หลี่ยู่หลานร้องเสียงดังทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “ปัง” ประตูห้องถูกพังลงแล้วตำรวจกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้ามา “พวกเราได้รับรายงานผ่านทางโทรศัพท์มาว่าพวกคุณได้กระทำการซื้อขายบริการทางเพศ ตอนนี้พวกเราต้องขอควบคุมตัวพวกคุณไปสอบปากคำด้วยครับ!”ตำรวจควบคุมตัวประธานหวางไว้แล้วหลี่ยู่หลานที่กำลังตกใจจนสติแตกก็รีบจัดการเสื้อผ้าตัวเองอย่างรวดเร็ว “พวกฉันไม่ได้ทำอะไร พวกฉันไม่ต้องไปที่สถานีตำรวจหรอก!”“โปรดให้ความร่วมมือในการสืบสวนด้วยครับ เอาตัวไป!”......หลี่ยู่หลานไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอโดนตำรวจใช้กำลังควบคุมตัวให้เดินไปข้างหน้า ระหว่างที่เดินผ่านห้องโถงใหญ่ของบาร์ ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ รุมล้อมเข้ามาทั่วทุกสารทิศเมื่อตอนหลี่ยู่หลานยังเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว เธอเคยเป็นนักแสดงมาก่อน แต่ภ
ฮั่วซีเจ๋อที่อยู่อีกด้านสงสัยว่าตัวเองจะหูฝาด สุด...สุดหล่อ?ใครกัน?พี่รองของเขางั้นเหรอ?ลู่หานถิงกวาดตามองเช็คเงินสดแผ่นนั้นด้วยดวงตาลุ่มลึกของเขาแล้วจึงหยุดมองที่ใบหน้าอันงดงามของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพร้อมกับถามอย่างคนไม่ได้เก็บซ่อนอารมณ์แต่ฟังแล้วดูเย็นชาห่างเหินว่า “หมายความว่าอะไร?”วันนั้นที่ร้านเค้กเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเคยได้พบกับผู้ชายคนนี้แล้ว เมื่อเธอได้เจอเขาอีกครั้งก็ยังคงรู้สึกหัวใจเต้นแรง ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอนั้นแอบซ่อนการชื่นชมความสมบูรณ์แบบอันไร้ที่ติบนใบหน้าของชายคนนี้ไว้ แล้วพยายามแสดงความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีใส่ชายหนุ่มหน้าหล่อคนนี้ว่า “เช็คเงินสดใบนี้ฉันให้นาย คราวหน้าก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเซี่ยซีหว่านอีกแล้ว ฉันจะเลี้ยงนายเอง”ฮั่วซีเจ๋อที่เห็นการกระทำดังกล่าวก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาทันที.......นี่เขาดูอะไรอยู่เนี่ย เกิดมาตั้งหลายปีไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนเอาเช็คเงินสดหนึ่งใบมาให้เพื่อเลี้ยงดูพี่รองของเขา โลกนี้ช่างเข้าใจยากจริง ๆ โลกบวมขึ้นหรืออย่างไร?ลู่หานถิงเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง แล้วยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันและเย็นชาเขาไม่ได้พูดปฏิเสธหรือว่าพูดให้เธอรู
เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยรู้สึกเหมือนถูกฝ่ามือตบเข้าที่หน้าอย่างแรง การถูกหนุ่มรูปหล่อที่ตนเองชอบปฏิเสธแล้วยังถูกเซี่ยซีหว่านทำให้อับอายขายหน้าอีก เธอจึงออกจากบาร์ด้วยความโกรธจัดทันใดนั้นเองก็มีอันธพาลสองสามคนเดินผ่านมาแล้วล้อมรอบตัวเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเอาไว้ พวกมันหรี่ตามองไปที่เธอแล้วพูดว่า “สาวน้อย คุณมาคนเดี๋ยวเหรอ อยากให้พวกเราอยู่เป็นเพื่อนไหม?”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยคือคุณหนูตะกูลเซี่ยผู้สูงศักดิ์ที่ถูกดูแลอย่างดีมาตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามเธอก็ไม่เคยพบเจอเรื่องอันตรายเช่นนี้ เธอรู้สึกตกใจจนหน้าซีดเผือด “พวกแกเป็นใคร ฉันไม่ต้องการให้พวกแกอยู่เป็นเพื่อนหรอกนะ รีบไสหัวไปซะ ช่วยด้วยค่ะ!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมีคนขับรถส่วนตัว คนขับรถส่วนตัวเห็นว่าเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยมีอันตรายก็รีบเข้ามาช่วยทันที “รีบปล่อยคุณหนูรองซะ!”แต่ว่าอันธพาลสองคนก็เตะเข้าไปที่คนขับรถซ้ำไปซ้ำมาหลายทีจนเขาสลบไปลมหายใจของเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยวเริ่มหยุดชะงักลง “ช่วยด้วย ช่วย...”อันธพาลเอามืออุดปากเธอไว้และลากเธอเข้าไปในมุมที่มีแสงส่องถึงเพียงสลัว ๆ จากนั้นก็เอื้อมมือไปลูบใบหน้าเธอ “พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง พวกเราจะแถมถ่ายรูปเอาไ
เซี่ยซีหว่านมองไปที่เขา ชายร่างสูงโปร่งยืนย้อนแสงอยู่ แสงไฟเจิดจ้าปกคลุมรูปร่างหล่อเหลา และสะท้อนแสงสามมิติ ชายในเสื้อเชิ้ตสีดำดูลึกลับและเย็นชามากกว่าปกติเซี่ยซีหว่านหลบตาลงอย่างรวดเร็ว เขาสวมใส่เข็มขัดหนังสีดำราคาแพง รอบเอวของเขาดูหนา และแน่นมาก อืม...เยี่ยหลิงพูดว่า...โธ่เอ๊ย เธอกำลังคิดอะไรอยู่?เมื่อตระหนักได้ว่าเธอถูกคำพูดเยี่ยหลิงชักจูงเสียแล้ว เซี่ยซีหว่านจึงหยุดความคิดบ้า ๆ บอ ๆ ของเธออย่างรวดเร็ว และถามด้วยน้ำเสียงปกติว่า “คุณชายลู่คุณมายืนทำอะไรตรงนี้คะ?”ลู่หานถิงมองไปยังดวงตาที่สดใสและเปล่งประกายของหญิงสาว เขาเลิกคิ้วขึ้น แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะเจอเจ้าแมวน้อยตัวลายร้องเหมียวอยู่ตรงนั้น”ใบหน้าของเซี่ยซีหว่านแดงก่ำ เธอปาผ้าเช็ดตัวในมือไปยังใบหน้าที่หล่อเหลาของชายคนนั้นลู่หานถิงไม่ได้หลบ ผ้าเช็ดตัวผืนนั้นโดนใบหน้าของเขาเต็ม ๆ จากนั้นก็ตกลงบนพื้นพรม เขาส่งเสียงหัวเราะเธอจากในลำคอ เซี่ยซีหว่านเอื้อมมือไปปิดประตูห้องน้ำแต่เขางอเข่าขวางประตูไว้ครึ่งหนึ่ง “คุณโกรธเหรอ”เซี่ยซีหว่านพ่นลมหายใจ และไม่สนใจเขา“ผมกำลังบินจะไปต่างประเทศเพื่อทำธุรกิจ และผมอาจจะไม่ได