เซี่ยซีหว่านใช้ส้อมจิ้มสเต็กชิ้นเล็ก ๆ เพิ่งเตรียมจะใส่เข้าปาก ตอนนี้เท้าของเธอที่อยู่ใต้โต๊ะถูกเตะอย่างแรง สเต็กบนส้อมก็ร่วงตกลงมาบนจานทันที“หว่านหว่าน คุณเป็นอะไรไปครับ?” ลู่จื่อเซียนถามด้วยความเป็นห่วงร่างผอมเพรียวของเซี่ยซีหว่านสั่นไหวเล็กน้อย เธอมองไปยังลู่หานถิงซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอดตั้งแต่เธอเดินเข้ามา แต่เขาเพิ่งเตะเธอเขาเป็นอะไรของเขา?ลู่หานถิงหั่นสเต็กในมืออย่างสง่างามราวกับว่าคนที่เตะเมื่อกี้ไม่ใช่เขา ทั้งหมดไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยเข้าใจแกล้งจริง ๆ !เซี่ยซีหว่านด่าเขาในใจแล้วยิ้มให้ลู่จื่อเซียนและกล่าวว่า “จื่อเซียน ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”ทั้งห้าคนก็จบมือค่ำในบรรยากาศอันแปลก ๆ แบบนี้ลง...หลังมื้อเย็น เซี่ยซีหว่านไปห้องน้ำทันทีที่เธอเดินเข้ามา มือใหญ่มือหนึ่งจากด้านในยื่นออกมา และคว้าข้อมือที่เรียวยาวของเธอแล้วดึงเธอเข้าไปเซี่ยซีหว่านชนเข้ากับหน้าอกแข็งแกร่งอย่างกระทันหัน หน้าอกนี้แข็งแกร่งราวกับกับแพง เธอชนเข้าไปราวกับกระดูกของเธอจะแตกสลาย นัยน์ตาขาวบริสุทธื์แดงก่ำด้วยความเจ็บปวดเธอเงยหน้าขึ้นและใบหน้าที่หล่อเหลาละเอียดงดงามของล
เขาจำไม่ได้แล้วแน่นอน เพราะความทรงจำเหล่านั้นเธอลบมันไปหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถพูดได้อย่างชอบธรรมแถมเขายังพูดอีกว่า การที่เขานอนกับเธอคือ การนำน้ำสกปรกสาดใส่ตัวเขา เขาคิดว่าเธอเป็นอะไร น้ำสกปรกเหรอ?แน่นนอน เขาเกลียดเธอ !แต่ในเมื่อเขาเกลียดเธอมาก ทำไมเขาถึงมารังควานเธอด้วย?เซี่ยซีหว่านมองใบหน้าที่เย็นชาหล่อเหลาของเขาและพูดเยาะเย้ยว่า “ฉันแค่พูดไร้สาระ พอใจหรือยังล่ะ คนที่บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่าประธานลู่ ฉันจะทำให้คุณมีมลทินได้อย่างไรคะ !”“บริสุทธิ์เหรอ” ลู่หานถิงขมวดคิ้วรูปดาบอันองอาจผึ่งผายนั้นและกล่าวว่า “คนที่พูดว่าผมนอนกับคุณ ก็คือคุณ ตอนนี้คนที่กำลังพูดไร้สาระก็คือคุณ คิดว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งก็สามารถพูดจาเหลวไหลแบบนี้ออกมาได้งั้นเหรอ เซี่ยซีหว่าน คุณยังมียางอายอยู่อีกไหม?”“ฉันจะมีหรือไม่มียางอายเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยเหรอคะ ใช่สิประธานลู่ คุณคงจะยังไม่...เป็นหนุ่มน้อยบริสุทธิ์คนหนึ่งอยู่ใช่ไหมคะ?”ดวงตาของเซี่ยซีหว่านเปล่งประกาย ทันใดนั้นดูเหมือนว่าจะเจอกับปัญหาเข้าแล้ว เขาไม่มีความทรงจำช่วงนั้นแล้ว เขาคงจำไม่ได้ว่าเขากับเธอเคยเดือดพล่านกันบนเตียงมาก่อน งั้นเขาคงไม่คิดว่า
แต่ว่า เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้และไม่เป็นตัวของตัวเองแม้แต่น้อยเขาพยายามไม่ให้ไปหลงเสน่ห์เธอแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้หลังจากที่ได้รู้ในห้องนั่งเล่นเมื่อครู่นี้ว่าเธอคือ เด็กผู้หญิงตัวน้อยเมื่อก่อนนั้น เดิมที่แม่ของเขายอมยกเจ้าสาวตัวน้อยแก่เขา เขารู้สึกว่าความยับยั้งชั่งใจและความอดกลั้นที่ผ่านมาในหลายวันมานี้ได้พังทลายลงลู่หานถิงจ้องมองเธออย่างดุดันด้วยดวงตาสีแดงก่ำ เขายกริมฝีปากบางของเขาขึ้นเล็กน้อย และพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “ทำไมสวี่เส้าหนานถึงได้ ลู่จื่อเซียนถึงได้ แต่ทำไมฉันไม่ได้เหรอ?”“…”ใบหน้าเล็กสวยงามของเซี่ยซีหว่านเปลี่ยนเป็นสีขาวและแดงสลับกัน เธอยกมือเล็กขึ้นเพื่อตบลงไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาด้วยความน่าเกลียดชังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอไม่ไม่ได้ตบเขาเพราะลู่หานถิงจับข้อมือเรียวของเธอไว้ได้ทัน เธอจึงไม่ได้ตบใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาลู่หานถิงมองดูเธอด้วยแววตาเศร้าโศกและพูดว่า “เซี่ยซีหว่าน ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรนะ สิ่งที่ผมสามารถให้คุณได้คือสิ่งที่ลู่จื่อเซียนและสวี่เส้าหนานไม่สามารถให้คุณได้แน่นอน ถ้าหา
เซี่ยซีหว่านรู้สึกได้ว่าลู่ซือเจี๋ยรักลูกชายทั้งสองคนนี้ ดังนั้นที่เมืองไห่เฉิง เขาไม่สามารถอนุญาตให้เธออยู่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของหลินสุ่ยเหยา เมื่อตอนนั้นหลินสุ่ยเหยากับหลิวอิงหลั่วสองสาวครองอันดับหนึ่งเรื่องความเก่งกล้าสามารถที่สุดของเมืองหลวง เขาต้องการตามหาหลินสุ่ยเหยา ผ่านตัวเธอ ดังนั้นเขาจึงปล่อยวางลูกชายสองคนของเขาลงและปล่อยให้เธอดำรงอยู่หมายความว่า ภายในใจของลู่ซือเจี๋ย หลิวอิงหลั่วมีความสำคัญมากกว่าลูกชายทั้งสองคนของเขานี่เป็นครั้งแรกที่ เซี่ยซีหว่านตระหนักอย่างแท้จริงว่าลู่ซือเจี๋ยรักหลิวอิงหลั่วอย่างสุดซึ้งหลิวอิงหลั่วหายตัวไปหลายปี ปีนี้ลูกชายของเธอลู่หานถิงอายุ 28 ปีแล้ว เซียซีหว่านไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเป็นอย่างไร ความรักที่ลึกซึ้งถึงสามารถทนต่อการกัดเซาะและความแข็งแกร่งของปีที่เลยผ่านได้ จึงทำให้ชายที่ราวกับจักรพรรดิยังคงรออยู่ที่นี่ตลอด บางทีอาจเป็นสถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกแต่รักอย่างสุดซึ้ง ทำไมถึงต้องเจ็บอีก?ตอนนั้นหลินอิงหลั่วตั้งท้องลูกคนที่สอง เธอหยิบมีดมาคว้านท้องตัวเอง อุ้มทารกออกมา ช่างน่าเวทนานัก?ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับจ
ฤดูใบไม้ร่วงปี 2015 เซี่ยซีหว่านกำลังนั่งอยู่บนรถไฟ ซึ่งรถไฟกำลังออกจากชนบทมุ่งสู่สถานีปลายทางเมืองไห่เฉิงเธอถูกทิ้งไว้ที่ชนบทตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และวันนี้เธอถูกรับกลับไป มีเพียงเหตุผลเดียวก็คือ ตระกูลเซี่ยต้องการให้ลูกสาวของของเขาแต่งเข้าไปในสวนโหย่วหลานเพื่อแก้เคล็ดได้ยินมาว่าเจ้าบ่าวของสวนโหย่วหลานนั้นป่วยหนัก ตระกูลเซี่ยมีลูกสาวสองคน แต่ทั้งสองคนกลับไม่เต็มใจที่จะแต่งงาน ดังนั้นตระกูลเซี่ยจึงรับเธอซึ่งได้รับการเลี้ยงดูในชนบทกลับมา และขอให้เธอแต่งงานแทนเพื่อเป็นการแก้เคล็ดเซี่ยซีหว่านที่นั่งอยู่ในตู้นอน เธอกำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งในมือของเธอ แต่จู่ ๆ ประตูก็ถูกผลักออกอย่างกะทันหัน และลมหนาวด้านนอกก็พัดโชยเข้ามาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดเมื่อเซี่ยซีหว่านลืมตาขึ้นมาก็พบเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาล้มเข้ามาจากทางด้านนอกเขามีสภาพหมดสติและไม่กี่นาทีต่อมา ชายชุดดำสองสามคนก็วิ่งเข้ามาและพูดขึ้นว่า “ลูกพี่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ฆ่าเขาเลยเถอะ”“ใครบอกว่าไม่มี?”ผู้ชายที่มีรอยแผลเป็นและดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ามองตรงไปที่เซี่ยซีหว่านเซี่ยซีหว่านคิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาด
หลี่ยู่หลานเป็นแม่เลี้ยงของเซี่ยซีหว่าน เมื่อตอนวัยรุ่นเธอเป็นดั่งราชินีแห่งวงการบันเทิง ปัจจุบันเธอมีลูกสาวสองคนและยังคงได้รับการดูแลอย่างดี พวกเธอต่างมีเสน่ห์และเพียบพร้อมไปหมดทุกด้านหลี่ยู่หลานคนนี้เดิมทีเป็นภรรยาคนที่สาม แต่เธอมีเล่ห์เหลี่ยมขั้นสูงจึงทำให้เธอหลุดพ้นจากตำแหน่งภรรยาคนที่สามขึ้นมาเป็นนายหญิงของตระกูลเซี่ยจนได้ และเธอยังมีวิธีตีสนิทกับกลุ่มคุณนายจากตระกูลที่ร่ำรวยเพื่อยกระดับชีวิตตนเองขึ้นมาอีกด้วยงานแต่งงานวันนี้หลี่ยู่หลานจัดงานออกมาได้อย่างสวยงามเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งชุดแต่งงานบนตัวของเซี่ยซีหว่านก็ใช้เงินจำนวนมากสั่งตัดมาจากมิลานโดยตรง ทุกคนต่างก็ยกย่องและชื่นชมหลี่ยู่หลานเซี่ยซีหว่านแสดงท่าทีไร้เดียงสาออกมาด้วยความเขินอายตามประสาหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงานเท่านั้น เธอเฝ้ามองไปที่ประตูอย่างมีความหวังและพูดว่า “ถึงเวลาแล้ว แต่ทำไม...เจ้าบ่าวถึงยังไม่มารับหนูอีกล่ะ?”ทันทีที่เธอพูดจบสีหน้าของหลี่ยู่หลานก็เปลี่ยนไปต่างคนต่างมองหน้ากันไปมาพร้อมกับคิดว่าอย่างไรนะ เจ้าสาวไม่รู้เหรอว่าตนเองกำลังจะแต่งงานกับคนป่วยอย่างรุนแรงอย่างนั้นเหรอ?เธอแต่งงานเข้าไปเพื่อเป็
ขณะนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “ก๊อก ก๊อก” และเสียงของฝูป๋อที่เป็นผู้ดูแลบ้านก็ดังขึ้นมาจากข้างนอกประตูว่า “นายน้อยครับ”ลู่หานถิงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เข้ามาสิ”ฝูป๋อผลักประตูเข้าไปและพูดว่า “นายน้อยครับ เรื่องนายหญิง...ควรจัดการอย่างไรดีครับ?”ลู่หานถิงยืนอยู่ข้างเตียง เขามีความสูงถึง 1.87 เมตร บนตัวของเขาสวมใส่เสื้อกล้ามสีขาวแบบเรียบง่ายกับกางเกงขายาวสีดำ แต่เนื้อผ้ามีราคาแพงดูเหมือนเป็นงานฝีมือ กางเกงห่อหุ้มขายาวราวกับหยกของเขาเอาไว้ทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างมากลู่หานถิงหลับตาลง เขาพลิกกระดุมสีเงินแวววาวติดบนแขนเสื้อเชิ้ตด้วยนิ้วของเขาอย่างชำนาญ เขาเหลือบมองเซี่ยซีหว่านอย่างไม่ใส่ใจและพูดว่า “คุณคงยังไม่รู้ว่า ในสวนหลังบ้านของสวนโหย่วหลานเลี้ยงหมาป่าไว้สองตัว ถ้าอย่างนั้น...โยนคุณเข้าไปเป็นอาหารพวกมันดีไหม?”หัวใจของเซี่ยซีหว่านเต้นแรงขึ้น การแต่งงานครั้งนี้เป็นการแต่งงานจากคำสั่งของผู้อาวุโสมารุ่นสู่รุ่นโดยมีสี่ตระกูลมั่งคั่งแห่งเมืองไห่เฉิงคือ ตระกูลลู่, ตระกูลกู้, ตระกูลฮั่ว และตระกูลซูคุณชายแห่งตระกูลลู่ผู้มีอำนาจล้นฟ้า ตามตำนานเล่าว่า เขาคือผู้นำทางธุรกิจที่อายุน้อยที่สุด และห
ทันใดนั้น นิ้วของลู่หานถิงก็หยุดลง และสุดท้ายเขาก็ไม่ได้เปิดผ้าคลุมบนใบหน้าของเธอเขามองลงไปที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับคิดว่า ถ้าเธอลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเธอคงจะสวยดำขลับราวกับลูกแมวตัวน้อยเป็นแน่ และเมื่อเธอมองมาที่คุณ ก็ดูเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยที่กำลังใช้เล็บของมันข่วนคุณเบา ๆเป็นการผสมผสานระหว่างความไร้เดียงสาและความมีเสน่ห์ลู่หานถิงมองไปที่รอยแดงรอบคอของเธอ ผิวของเธอช่างบอบบางนัก เมื่อครู่เขาเพียงบีบเบา ๆ แต่ตอนนี้กลับมีรอยแดงเต็มไปหมดลู่หานถิงหันตัวกลับมา เขาเดินกลับไปที่โซฟาแล้วล้มตัวลงนอนความผิดปกติของการนอนหลับของเขากำลังแย่ลงเรื่อย ๆ ซึ่งเข็มสีเงินของเธอไม่สามารถรักษาได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทักษะทางการแพทย์ของเธอนั้นยอดเยี่ยม และเมื่อครู่นี้เขางีบหลับในฝ่ามือของเธอจริง ๆประมาณสิบนาที หรือ มากกว่านั้นนานมากแล้วที่เขาไม่ได้นอนหลับนานถึงสิบนาทีลู่หานถิงมองไปที่เงาของร่างผอมเพรียวบนเตียง สิ่งที่เขาคิดอยู่คือ ทำไมมือของเธอถึงเล็ก และอ่อนนุ่มถึงเพียงนี้?......เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยซีหว่านกำลังนั่งกินซุปพุทราแดงกับเมล็ดบัวที่สาวใช้เสิร์ฟให้อยู่ในห้องอาหา