เซี่ยซีหว่านรู้สึกได้ว่าลู่ซือเจี๋ยรักลูกชายทั้งสองคนนี้ ดังนั้นที่เมืองไห่เฉิง เขาไม่สามารถอนุญาตให้เธออยู่ได้ แต่ตอนนี้เมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของหลินสุ่ยเหยา เมื่อตอนนั้นหลินสุ่ยเหยากับหลิวอิงหลั่วสองสาวครองอันดับหนึ่งเรื่องความเก่งกล้าสามารถที่สุดของเมืองหลวง เขาต้องการตามหาหลินสุ่ยเหยา ผ่านตัวเธอ ดังนั้นเขาจึงปล่อยวางลูกชายสองคนของเขาลงและปล่อยให้เธอดำรงอยู่หมายความว่า ภายในใจของลู่ซือเจี๋ย หลิวอิงหลั่วมีความสำคัญมากกว่าลูกชายทั้งสองคนของเขานี่เป็นครั้งแรกที่ เซี่ยซีหว่านตระหนักอย่างแท้จริงว่าลู่ซือเจี๋ยรักหลิวอิงหลั่วอย่างสุดซึ้งหลิวอิงหลั่วหายตัวไปหลายปี ปีนี้ลูกชายของเธอลู่หานถิงอายุ 28 ปีแล้ว เซียซีหว่านไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเป็นอย่างไร ความรักที่ลึกซึ้งถึงสามารถทนต่อการกัดเซาะและความแข็งแกร่งของปีที่เลยผ่านได้ จึงทำให้ชายที่ราวกับจักรพรรดิยังคงรออยู่ที่นี่ตลอด บางทีอาจเป็นสถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกแต่รักอย่างสุดซึ้ง ทำไมถึงต้องเจ็บอีก?ตอนนั้นหลินอิงหลั่วตั้งท้องลูกคนที่สอง เธอหยิบมีดมาคว้านท้องตัวเอง อุ้มทารกออกมา ช่างน่าเวทนานัก?ถ้าไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับจ
ฤดูใบไม้ร่วงปี 2015 เซี่ยซีหว่านกำลังนั่งอยู่บนรถไฟ ซึ่งรถไฟกำลังออกจากชนบทมุ่งสู่สถานีปลายทางเมืองไห่เฉิงเธอถูกทิ้งไว้ที่ชนบทตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และวันนี้เธอถูกรับกลับไป มีเพียงเหตุผลเดียวก็คือ ตระกูลเซี่ยต้องการให้ลูกสาวของของเขาแต่งเข้าไปในสวนโหย่วหลานเพื่อแก้เคล็ดได้ยินมาว่าเจ้าบ่าวของสวนโหย่วหลานนั้นป่วยหนัก ตระกูลเซี่ยมีลูกสาวสองคน แต่ทั้งสองคนกลับไม่เต็มใจที่จะแต่งงาน ดังนั้นตระกูลเซี่ยจึงรับเธอซึ่งได้รับการเลี้ยงดูในชนบทกลับมา และขอให้เธอแต่งงานแทนเพื่อเป็นการแก้เคล็ดเซี่ยซีหว่านที่นั่งอยู่ในตู้นอน เธอกำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งในมือของเธอ แต่จู่ ๆ ประตูก็ถูกผลักออกอย่างกะทันหัน และลมหนาวด้านนอกก็พัดโชยเข้ามาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดเมื่อเซี่ยซีหว่านลืมตาขึ้นมาก็พบเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาล้มเข้ามาจากทางด้านนอกเขามีสภาพหมดสติและไม่กี่นาทีต่อมา ชายชุดดำสองสามคนก็วิ่งเข้ามาและพูดขึ้นว่า “ลูกพี่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ฆ่าเขาเลยเถอะ”“ใครบอกว่าไม่มี?”ผู้ชายที่มีรอยแผลเป็นและดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ามองตรงไปที่เซี่ยซีหว่านเซี่ยซีหว่านคิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาด
หลี่ยู่หลานเป็นแม่เลี้ยงของเซี่ยซีหว่าน เมื่อตอนวัยรุ่นเธอเป็นดั่งราชินีแห่งวงการบันเทิง ปัจจุบันเธอมีลูกสาวสองคนและยังคงได้รับการดูแลอย่างดี พวกเธอต่างมีเสน่ห์และเพียบพร้อมไปหมดทุกด้านหลี่ยู่หลานคนนี้เดิมทีเป็นภรรยาคนที่สาม แต่เธอมีเล่ห์เหลี่ยมขั้นสูงจึงทำให้เธอหลุดพ้นจากตำแหน่งภรรยาคนที่สามขึ้นมาเป็นนายหญิงของตระกูลเซี่ยจนได้ และเธอยังมีวิธีตีสนิทกับกลุ่มคุณนายจากตระกูลที่ร่ำรวยเพื่อยกระดับชีวิตตนเองขึ้นมาอีกด้วยงานแต่งงานวันนี้หลี่ยู่หลานจัดงานออกมาได้อย่างสวยงามเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งชุดแต่งงานบนตัวของเซี่ยซีหว่านก็ใช้เงินจำนวนมากสั่งตัดมาจากมิลานโดยตรง ทุกคนต่างก็ยกย่องและชื่นชมหลี่ยู่หลานเซี่ยซีหว่านแสดงท่าทีไร้เดียงสาออกมาด้วยความเขินอายตามประสาหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงานเท่านั้น เธอเฝ้ามองไปที่ประตูอย่างมีความหวังและพูดว่า “ถึงเวลาแล้ว แต่ทำไม...เจ้าบ่าวถึงยังไม่มารับหนูอีกล่ะ?”ทันทีที่เธอพูดจบสีหน้าของหลี่ยู่หลานก็เปลี่ยนไปต่างคนต่างมองหน้ากันไปมาพร้อมกับคิดว่าอย่างไรนะ เจ้าสาวไม่รู้เหรอว่าตนเองกำลังจะแต่งงานกับคนป่วยอย่างรุนแรงอย่างนั้นเหรอ?เธอแต่งงานเข้าไปเพื่อเป็
ขณะนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “ก๊อก ก๊อก” และเสียงของฝูป๋อที่เป็นผู้ดูแลบ้านก็ดังขึ้นมาจากข้างนอกประตูว่า “นายน้อยครับ”ลู่หานถิงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เข้ามาสิ”ฝูป๋อผลักประตูเข้าไปและพูดว่า “นายน้อยครับ เรื่องนายหญิง...ควรจัดการอย่างไรดีครับ?”ลู่หานถิงยืนอยู่ข้างเตียง เขามีความสูงถึง 1.87 เมตร บนตัวของเขาสวมใส่เสื้อกล้ามสีขาวแบบเรียบง่ายกับกางเกงขายาวสีดำ แต่เนื้อผ้ามีราคาแพงดูเหมือนเป็นงานฝีมือ กางเกงห่อหุ้มขายาวราวกับหยกของเขาเอาไว้ทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างมากลู่หานถิงหลับตาลง เขาพลิกกระดุมสีเงินแวววาวติดบนแขนเสื้อเชิ้ตด้วยนิ้วของเขาอย่างชำนาญ เขาเหลือบมองเซี่ยซีหว่านอย่างไม่ใส่ใจและพูดว่า “คุณคงยังไม่รู้ว่า ในสวนหลังบ้านของสวนโหย่วหลานเลี้ยงหมาป่าไว้สองตัว ถ้าอย่างนั้น...โยนคุณเข้าไปเป็นอาหารพวกมันดีไหม?”หัวใจของเซี่ยซีหว่านเต้นแรงขึ้น การแต่งงานครั้งนี้เป็นการแต่งงานจากคำสั่งของผู้อาวุโสมารุ่นสู่รุ่นโดยมีสี่ตระกูลมั่งคั่งแห่งเมืองไห่เฉิงคือ ตระกูลลู่, ตระกูลกู้, ตระกูลฮั่ว และตระกูลซูคุณชายแห่งตระกูลลู่ผู้มีอำนาจล้นฟ้า ตามตำนานเล่าว่า เขาคือผู้นำทางธุรกิจที่อายุน้อยที่สุด และห
ทันใดนั้น นิ้วของลู่หานถิงก็หยุดลง และสุดท้ายเขาก็ไม่ได้เปิดผ้าคลุมบนใบหน้าของเธอเขามองลงไปที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมกับคิดว่า ถ้าเธอลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเธอคงจะสวยดำขลับราวกับลูกแมวตัวน้อยเป็นแน่ และเมื่อเธอมองมาที่คุณ ก็ดูเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยที่กำลังใช้เล็บของมันข่วนคุณเบา ๆเป็นการผสมผสานระหว่างความไร้เดียงสาและความมีเสน่ห์ลู่หานถิงมองไปที่รอยแดงรอบคอของเธอ ผิวของเธอช่างบอบบางนัก เมื่อครู่เขาเพียงบีบเบา ๆ แต่ตอนนี้กลับมีรอยแดงเต็มไปหมดลู่หานถิงหันตัวกลับมา เขาเดินกลับไปที่โซฟาแล้วล้มตัวลงนอนความผิดปกติของการนอนหลับของเขากำลังแย่ลงเรื่อย ๆ ซึ่งเข็มสีเงินของเธอไม่สามารถรักษาได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทักษะทางการแพทย์ของเธอนั้นยอดเยี่ยม และเมื่อครู่นี้เขางีบหลับในฝ่ามือของเธอจริง ๆประมาณสิบนาที หรือ มากกว่านั้นนานมากแล้วที่เขาไม่ได้นอนหลับนานถึงสิบนาทีลู่หานถิงมองไปที่เงาของร่างผอมเพรียวบนเตียง สิ่งที่เขาคิดอยู่คือ ทำไมมือของเธอถึงเล็ก และอ่อนนุ่มถึงเพียงนี้?......เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยซีหว่านกำลังนั่งกินซุปพุทราแดงกับเมล็ดบัวที่สาวใช้เสิร์ฟให้อยู่ในห้องอาหา
ลู่หานถิงเคยได้กลิ่นน้ำหอมหลากหลายชนิดจากผู้หญิงที่เขาเคยพบเจอ และกลิ่นหอมที่ปรุงแต่งขึ้นนั้นทำให้เขาเกลียดแต่กลิ่นหอมบนร่างกายของหญิงสาวคนนี้กลับดึงดูดเขามากลู่หานถิงปลดเข็มขัดนิรภัยออกและถามด้วยเสียงทุ่มต่ำว่า “คุณฉีดน้ำหอมกลิ่นอะไรเหรอ?”น้ำหอมอย่างนั้นเหรอ?เซี่ยซีหว่านส่ายหัว “ฉันไม่ได้ฉีดน้ำหอมนะ”“แล้วทำไมคุณตัวหอมจัง...”ลู่หานถิงเงยหน้าขึ้น แต่ก็ต้องหยุดนิ่งทันที เพราะตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมา ปากของเขาบังเอิญแตะเข้ากับริมฝีปากสีแดงของเซี่ยซีหว่านเล็กน้อยตรงกลางระหว่างเขาและเธอมีผ้าคลุมหน้ากั้นอยู่ ทั้งสองจูบกันอย่างไม่คาดฝันเซี่ยซีหว่านรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว เพราะว่านี่คือ... จูบแรกของเธอ!ไม่กี่วินาทีต่อมาลู่หานถิงก็ผละตัวออกมา ดวงตาที่คมคายของเขาเหลือบมองริมฝีปากสีแดงของเธอหลังผ้าคลุมหน้า เขาพูดในลำคอว่า “ผมขอโทษจริง ๆ หรือว่า...คุณจูบผมกลับไหม?”เซี่ยซีหว่านมองไปที่เขาและพูดว่า “ฉันคิดว่า... ฉันควรจะตบคุณสักทีสองที”ริมฝีปากบางของลู่หานถิงปรากฎรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นและเสียงหัวเราะอย่างรื่นรมย์ใจก็ดังออกมาจากลำคอของเขาเซี่ยซีหว่านเปิดประตูฝั่งข้างคนขับและพูด
ขณะที่เซี่ยซีหว่านกำลังนอนอยู่บนเตียงอยู่นั้นก็ลืมตาโพล่งขึ้นมา ประธานหวางรู้สึกตกใจมาก ทำไมเธอถึงได้สติขึ้นมาตอนนี้ล่ะ?“คนสวย ทำไมเธอ....เธอตื่นแล้วเหรอ?”ดวงตาอันสดใสของเซี่ยซีหว่านเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปนตลกขบขัน “ถ้าฉันไม่ตื่นขึ้นมา ฉันจะได้เห็นฉากที่ยอดเยี่ยมแบบนี้เหรอคะ?”“เธอ…...”เซี่ยซีหว่านยกมือขึ้นโบกไปมาที่จมูก ทันใดนั้นจมูกของประธานหวางก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นแปลก ๆ เข้าอย่างจัง เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างของเขาก็ร่วงลงไปกองอยู่บนพื้นทันที มือและเท้าของเขาถูกมัดด้วยเชือกกระสอบ ไม่สามารถออกแรงขยับได้ และทำได้แค่มองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเซี่ยซีหว่านด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับพูดว่า “คะ..คนสวย อยากเล่นอะไรสนุก ๆ เหรอ งั้นปล่อยฉันก่อนสิ เราจะได้มาสนุกด้วยกันไง”คิ้วโก่งสวยได้รูปเลิกขึ้นพร้อมกับท่าทางไร้เดียงสาที่ดูเป็นมิตรอย่างที่สุด “ประธานหวาง นี่คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอคะว่าคืออะไร?”หลังจากเซี่ยซีหว่านพูดจบ ประธานหวางก็เห็นกระดูกเนื้อสองชิ้นที่อยู่ในมือของเธอ “เธอ..เธอเอากระดูกพวกนี้มาทำอะไร?”“อ่าาา...ประธานหวางคะ คุณป้าไม่ได้บอกคุณเหรอคะว่า บ้านตระกูลเซี่ยเลี้ยงสุนัขล่าเ
เขาหมายความว่าอย่างไรกัน? สายตาของเขามองไปยังริมฝีปากสีแดงของเธออย่างไม่ลดละราวกับกำลังบอกเป็นนัยว่าหมายถึงอะไร ซึ่งวิธีที่ผู้หญิงจะขอบคุณผู้ชายได้ดีที่สุดก็คือการจูบอย่างไรล่ะหัวใจของเซี่ยซีหว่านเต้นแรงขึ้นมาทันที และใบหูขาวราวหิมะของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “ฉันไม่เข้าใจค่ะ”เมื่อเธอพูดจบก็หันหน้าออกไปทางหน้าต่างและไม่สนใจเขาอีก ลู่หานถิงเห็นเธอหลีกเลี่ยงเขาแบบนี้ก็รู้สึกได้ว่า เธอเป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ เป็นตัวของตัวเองและไม่ยอมไว้ใจใครง่าย ๆเมื่อถึงไฟแดงรถหรูก็จอดนิ่ง เซี่ยซีหว่านก็พิงศีรษะไปที่กระจกรถแล้วมองออกไปยังร้านเค้กที่ดังที่สุดในไห่เฉิง“อยากกินเค้กเหรอ?” หูของเธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของลู่หานถิงดังขึ้นมาดวงตาที่สดใสของเซี่ยซีหว่านเศร้าหมองลงเล็กน้อย เธอพูดอย่างแผ่วเบาว่า “เมื่อก่อนแม่ของฉันชอบพาฉันไปซื้อเค้กที่ร้านนั้นล่ะ”ลู่หานถิงหมุนพวงมาลัยมาจอดรถที่ข้างทาง “ถ้าอยากกินก็ลงไปซื้อสิ”......ร้านนี้เป็นร้านเค้กที่เก่าแก่ในไห่เฉิง และเป็นที่นิยมมากโดยเฉพาะในแวดวงดาราและลูกคนมีเงิน ซึ่งร้านนี้จะขายเค้กที่มีปริมาณจำนวนจำกัดทุกวันเซี่ยซีหว่านชอบกินเค้กมาตั้งแต่