Share

บทที่ 2 เทพที่ถูกเลือกให้มาจุติ

ใครจะยอมเป็นภรรยาให้สัตว์กันล่ะ? แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าจะต้องเลือกสิ่งไหน! อีกอย่างข้างนอกยังมีหนุ่ม ๆ วัยละอ่อนหน้าตาดีอีกตั้งมากมาย ฉันจะไปเลือกแต่งงานกับงูตัวหนึ่งได้อย่างไร?

ฉันตัดสินใจเลือกเงื่อนไขที่หนึ่งทันทีและพูดกับแม่หมออิงที่กำลังถูกงูประทับอยู่ในร่างว่า “ฉันจะเลือกเป็นร่างประทับให้กับท่าน เพื่อช่วยท่านในการบำเพ็ญตบะ ขอเพียงแค่ท่านอย่าได้ทำร้ายครอบครัวของฉันอีกเลยนะคะ”

แม่หมออิงหรี่ตาลงราวกับรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ “เจ้าอย่าพึ่งคิดจะรังเกียจข้าเลย หากเจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว ในวันข้างหน้าเจ้าจะมีชีวิตที่มีความสุข แต่ในเมื่อเจ้าเลือกเป็นศิษย์ของข้าแล้ว อย่างนั้นก็อย่ามาเสียใจเสียภายหลังแล้วกัน”

“ไม่เสียใจค่ะ ไม่เสียใจแน่นอนค่ะ!” ฉันโค้งคำนับแม่หมออิงอย่างรวดเร็ว แต่แม่หมออิงไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอล้มลงกับพื้นพลางกรอกตาขาวขึ้นราวกับปลาคาร์ฟที่กระโดดขึ้นมาจากน้ำ ร่างของเธอชักกระตุกอยู่ครั้งสองครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา

ฉันพยุงแม่หมออิงลุกขึ้นจากพื้น แม่หมออิงนวดที่เอวของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ “ทำไมเจ้ายังเลือกจะทำหน้าที่เป็นร่างทรงอีกนะ”

“ทำไมจะทำไม่ได้ละคะ ก็ยังดีกว่าแต่งงานกับงูก็แล้วกัน”

“ทำไมน่ะหรือ? ก็เพราะสามีของข้าถูกพวกวิญญาญที่เข้าสิงฆ่าตายน่ะสิ และสิ่งที่เจ้าเลือกมันนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกอะไรเลยสักนิด ในอนาคตเจ้าก็จะต้องทนทุกข์ทรมานตลอดไป”

ทีแรกฉันคิดว่าตัวเองฉลาดมากที่เลือกจะเป็นร่างทรงของงู แต่เมื่อแม่หมออิงพูดอย่างนี้แล้ว ฉันก็รู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “แล้วฉันควรจะเลือกอะไรดี ฉันยังเปลี่ยนใจได้อยู่ไหม?”

“แน่นอนว่าเจ้าเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว ของแบบนี้มันคือเรื่องความเป็นความตาย เมื่อเจ้าตกลงไปแล้วก็ต้องทำตามคำพูด ปล่อยมันไปเถอะ ก็รอดูความโชคดีของตัวเองในอนาคตแล้วกันนะ” แม่หมออิงพูด แล้วหยิบกระดาษสีแดงกับพู่กันออกจากข้างในห้องข้าง ๆ หลังจากที่จุ่มพู่กันลงในน้ำหมึกสีดำ แล้ว นางก็เขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สองสามตัวบนกระดาษสีแดงว่า “เทพพระเจ้างูยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่”

จากนั้นนางก็ยื่นกระดาษที่เขียนด้วยน้ำหมึกส่งให้กับมือฉัน พลางเอ่ย “ชื่อจริง ๆ ของเขาคือ หลิวหลงถิง เขาเคยบำเพ็ญเพียรอยู่ในเขาฉางป๋าย ครอบครัวมีพี่น้องทั้งห้าคน ส่วนเขาเป็นบุตรคนที่สาม เจ้ากลับไปแล้วเอาสิ่งนี้วางไว้บนบ้านของเจ้า เมื่อจุดธูปเสร็จแล้ว เขาจะเป็นเทพประจำตัวของเจ้า และเจ้าก็จะได้เป็นศิษย์ของเขา ต่อจากนี้ไปเจ้าจะต้องเป็นคนซื่อสัตย์และทำในสิ่งที่ถูกต้อง ตั้งมั่นในความดี อย่าให้ความคิดชั่วร้ายและความโลภเข้าครอบงำ มิฉะนั้นพวกเจ้าและไม่ว่าใครหน้าไหนก็จะต้องพบจุดจบที่เลวร้ายทุกคน”

เพียงแค่งูตัวนั้นยอมปล่อยฉันไป จะให้ฉันทำอะไรก็ฉันยอมทำทุกอย่าง ฉันรีบตอบแม่หมออิงอย่างรวดเร็วว่าต่อไปนี้จะตั้งใจทำความดีโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน

กว่าจะกลับมาถึงบ้านพร้อมย่าก็ค่ำเสียแล้ว ฉันแยกตัวมาที่ห้องรังรองแขกห้องเดียวของบ้าน ตามที่แม่หมออิงพูดไว้นั้น ฉันจะต้องเอากระดาษที่เขียนข้อความว่า “เทพพระเจ้างูยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่” แล้วติดที่ผนังห้อง หลังจากนั้นก็จัดวางโต๊ะเครื่องเซ้นไหว้ บอกตามตรงว่าในใจของฉันยังรู้สึกตื่นตระหนกอยู่เลย แต่ถึงอย่างไรเมื่อคิดว่าต่อจากนี้จะต้องติดต่อกับงูตัวนั้นทุกวัน ในใจก็รู้สึกกลัวจนสั่นไปหมดแล้ว

ฉันนำธูปที่มีควันลอยขึ้นอย่างไม่ขาดสายปักลงในกระถางธูป จากนั้นก็ก้มกราบลงสามครั้ง เริ่มมีควันบาง ๆ ลอยขึ้นมาในห้อง ฉันมองเห็นเงาราง ๆ เป็นงูเหลือมสีขาวขนาดใหญ่ที่มีลำตัวหนากว่าต้นขาของฉัน มันค่อย ๆ เลื้อยจากโต๊ะบูชาออกมาหมอบอยู่บนพื้น จากนั้นหัวของงูก็บิดเบี้ยวลอกเกล็ดออกเปลี่ยนเป็นหัวของชายหนุ่ม หลังจากนั้นก็ค่อยเป็นลำตัว และไล่ลงไปจนถึงหาง ผ่านไปประมาณห้าถึงหกนาที ก็มีร่างผู้ชายสวมชุดสีขาวหมอบอยู่บนพื้นแทนงูตัวนั้น เขาอายุไม่ถึงสามสิบปี รูปร่างสูงยาวเข่าดี แถมยังมีหน้าตาหล่อเหลาอีกต่างหาก

เมื่อเห็นว่าเขาหน้าตาดี ความรู้สึกรังเกียจก็ลดลงไปเยอะมาก ฉันเลยถามเขาว่า “ท่านคือหลิวหลงถิงใช่หรือไม่?”

หลิวหลงถิงเหลือบมองมาที่ฉันหนึ่งครั้ง เขาขี้เกียจที่จะตอบคำถามฉัน เขาจึงพูดกับฉันตรง ๆ แทนว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ของเราได้ถูกกำหนดขึ้นแล้ว เพียงแค่ข้าบำเพ็ญเพียรจนสำเร็จ ความแค้นของเราก็จะจบลง”

ฉันฉวยโอกาสนี้รีบพูดเพื่อเอาใจหลิวหลงถิงทันที “เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ในอนาคตท่านจะต้องเป็นผู้ทรงอิทธิผลมีอำนาจเหนือผู้ใดอย่างแน่นอน แต่ว่าทารกงูในท้องของฉันล่ะ เมื่อไหร่ท่านจะช่วยฉันเอามันออกไป?”

ฉันคิดว่าพอตัวเองยอมรับเงื่อนไขของหลิวหลงถิงแล้ว หลิวหลงถิงก็จะกำจัดงูในท้องของฉันด้วย แต่ฉันไม่คาดคิดว่าเมื่อเขาได้ยินฉันพูดแบบนี้ ก็จะหันหลังกลับมาตอบพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปากของเขา “ที่อยู่ในท้องเจ้าคือลูก ๆ ของข้า เมื่อถึงกำหนดคลอดพวกมันก็ย่อมออกมาเองตามธรรมชาติ”

นี่มันแย่เสียจริง ๆ ฉันรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที ถ้าเป็นอย่างที่แม่หมออิงพูดไว้ เมื่อถึงกำหนดคลอดแล้วฉันก็จะถูกงูที่อยู่ในท้องกัดจนท้องแตกตาย พอพูดถึงตรงนี้ สรุปแล้วมันเกี่ยวข้องกับงูพวกนี้ หรือเพราะเขาแค้นจนไม่ยอมปล่อยฉันไปกันแน่

“แต่ที่มหาเทพพูดก่อนหน้านี้ ท่านหมายความว่าเพียงแค่ฉันเต็มใจเซ่นไหว้บูชาท่าน ท่านก็จะปล่อยฉันไปไม่ใช่เหรอ!”

หลิวหลงถิงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาออกมาหนึ่งที “ถ้าข้าไม่คิดจะปล่อยเจ้าไป เจ้าก็คงถูกลูก ๆของข้ากัดตายไปแล้วล่ะ ใช่แล้ว พรุ่งนี้จะมีคนมาหาเจ้า ครอบครัวของเขากำลังเผชิญกับเรื่องราวเลวร้าย นี่เป็นงานแรกของเรา ถ้าเกิดว่าเจ้ากล้าทำอะไรผิดต่อข้า ข้าจะไม่คุยกับเจ้าดี ๆ แน่”

“แต่....” ยังไม่ทันรอให้ฉันพูดจบก่อน หลิวหลงถิงก็หรี่ตาลงมองมาที่ฉันในทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต ที่หากว่าถ้ามีข้อโต้แย้งก็เหมือนรนหาที่ตาย แค่ฉันเห็นอารมณ์บนใบหน้าของเขา ฉันก็กลัวจนรู้สึกหายใจไม่ออก แต่พอนึกได้ว่าชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองยังอยู่ในมือเขา ต่อให้รู้สึกไม่มีความสุขแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ

ในเช้าวันต่อมา หลังจากที่ย่าทานอาหารเช้าเสร็จ ท่านก็แวะไปคุยกับเพื่อนบ้าน ส่วนฉันก็นอนอยู่บ้าน ร่างบางสวมชุดนอนเอนตัวอย่างเกียจคร้านอยู่บนโซฟา ในใจก็คิดไปว่าหลังจากนี้ฉันจะต้องทำอยู่กับหลิวหลงถิงอย่างไร และในขณะเดียวกันเสียงกระดิ่งประตูก็ดังขึ้นมา ขาเรียวเดินไปเปิดประตู แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้ที่มาหาฉันจะบังเอิญเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายไปได้

เขามาที่นี่ได้อย่างไรกัน!

ฉันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเห็นหวังหง เมื่อสมัยเรียนมัธยมปลายเขาเป็นเดือนของโรงเรียนเรา ฉันไม่รู้ว่ามีสาว ๆ กี่คนที่หลงใหลในท่าทางที่เขาเล่นบาสเก็ตบอลในสนามกีฬา และนั่นรวมไปถึงฉันด้วย ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้หลิวหลงถิงจะบอกฉันแล้วว่าจะมีคนมาหา แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นเขา ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอ้วนกว่าตอนมัธยมนิดหน่อย แต่เขาก็ยังคงดูดีมาก ๆ

ถึงอย่างไรคนหน้าตาดีจะอ้วนจะผอมก็ยังดูดีเสมอ ส่วนคนหน้าตาขี้เหร่ผอมแค่ไหนก็ขี้เหร่

ฉันรีบเรียกหวังหงเข้ามานั่งในบ้าน ในใจก็แอบคิดใคร่ครวญไปว่านี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดี ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเข้ามาก่อนเลย คราวนี้อาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสอะไรที่ทำให้มาเจออีกครั้งก็ได้ มันทำให้รู้สึกฟินจนเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะ

เมื่อได้พบกับผู้ชายที่เคยปลื้มก็รู้สึกอารมณ์ดีมาก ๆ จนทำให้ลืมเรื่องราวร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อวานไปจนหมด ฉันเอาใจใส่กับหวังหงเป็นพิเศษ พลางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งหน้าแต่งตา พร้อมยกแก้วเทน้ำชาให้หวังหงด้วยใบหน้าที่เขินอาย

หลังจากที่หวังหงพูดตามมารยาทกับฉันอยู่สองสามประโยค เขาก็เริ่มพูดเรื่องสำคัญ “ป๋ายจิ้ง อันที่จริง ที่ฉันมาหาเธอครั้งนี้เพราะอยากขอความช่วยเหลือจากเธอ”

เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลิวหลงถิงบอกกับฉันเมื่อคืนก่อน ในใจก็พอจะเข้าใจอะไรอยู่บ้าง ฉันจึงยิ้มและพูดว่า “พวกเราไม่ใช่คนอื่นคนไกลอะไร เราเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น มีเรื่องอะไรจะพูดก็พูดมาเลย”

“เป็นเรื่องของภรรยาฉันเอง”

ห๊า! ฉันตกตะลึงจนกรามแทบหลุดออกมา “นายมีภรรยาแล้วหรือ? เร็วอะไรขนาดนี้!”

“อืม แต่งงานกันเมื่อปลายปีที่แล้ว ผ่านมาสองเดือนภรรยาฉันก็ตั้งท้องแล้ว”

ราวกับเอาขันน้ำเย็นหนึ่งขันราดบนกองไฟที่กำลังร้อน ความกระตือรือร้นของฉันหายไปในทันใด ฉันเปร่งเสียงร้องอ้อออกไป แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของเขา?

“เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ฉันซื้อบ้านมือสองในอำเภอนี้ให้แม่ยาย ห้องห้องนี้ราคาถูกมาก ใช้เงินเพียงสองแสนหยวนก็ได้ห้องมาอยู่ในมือแล้ว แต่ฉันไม่คาดคิดว่าพอแม่ยายย้ายเข้าไปอยู่ได้ไม่นาน สุขภาพร่างกายของท่านก็เริ่มไม่ค่อยแข็งแรง เมื่อไม่กี่วันมานี้ฉันกับภรรยากลับไปเยี่ยมและได้พักค้างที่บ้านของท่านหนึ่งคืน แต่คืนนั้นภรรยาบอกกับฉันว่าเธอเห็นเท้าเล็ก ๆ ของผู้หญิงสวมชุดแบบสมัยราชวงศ์ชิงบนผนังบ้าน หล่อนกำลังพาเด็กคนหนึ่งลอยผ่านกำแพงไปอย่างเร่งรีบ”

“ลอยไปเลยเหรอ?” ฉันรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย แล้วฉันก็ตอบแบบส่งเดชไป “ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย ภรรยาของนายดูผิดหรือเปล่า? ไม่ใช่ว่าฝันไปหรอกนะ?”

เมื่อเห็นว่าฉันดูท่าทางไม่เชื่อ หวังหงก็พูดขึ้นมาอย่างร้อนใจทันที “มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริง ๆ นะ เพราะตั้งแต่ภรรยาของฉันเห็นสิ่งนี้ เธอก็เริ่มพูดจาไร้สาระไม่รู้เรื่องตลอดทั้งวัน ไม่ยอมกินไม่ยอมดื่ม บางทีก็พูดว่าเธอเป็นภรรยาของขุนนางบ้าง และบางครั้งก็พูดว่าเธอเป็นขอทานบ้าง จะเป็นจะตายยังไงก็จะไม่ออกจากบ้านหลังนี้เด็ดขาด นี่ก็ใกล้จะฉลองตรุษจีนแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ปีนี้เธอจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง!”

“ก็ฉลองที่บ้านแม่ยายของนายไง” ฉันพูดกับหวังหงอย่างไม่สนใจ ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ใช่ภรรยาของเขาอยู่ดี

“ทำแบบนั้นไม่ได้นะ ภรรยาของฉันใกล้จะคลอดแล้ว ฉันไม่สามารถอาศัยอยู่กับแม่ยายไปตลอดได้นะ! ป๋ายจิ้ง เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม เห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้นตลอดสามปีของเราเถอะนะ ได้โปรดช่วยฉันด้วยเถอะ!”

อยู่ห้องเดียวกันมาสามปี แต่ตลอดเวลาสามปีที่เรียนห้องเดียวกันมา เขาก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกับฉันสักประโยคเดียว พอเจอปัญหากลับมาขอร้องฉันเสียอย่างนั้น!

ฉันเห็นแก่ความเป็นเพื่อนเก่าก็เลยตอบตรงไปตรงมา โดยบอกไปว่าไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วย แต่ฉันเองก็ไม่มีวิธีอะไรเลย ฉันช่วยไม่ได้จริง ๆ จากนั้นก็บอกให้เขากลับบ้านไป

ใครจะไปรู้ว่าเมื่อฉันพูดไปแบบนี้ หวังหงก็โกรธขึ้นมาทันที “เป็นไปไม่ได้ ป๋ายจิ้งเธออย่ามาโกหกฉัน เธอต้องมีวิธีสิ เมื่อคืนนี้ฉันฝันเห็นงูสีขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่ง มันบอกว่าถ้าฉันอยากให้ภรรยาตังเองกลับมาเป็นปกติ ฉันจะต้องมาหาเธอ และยังไปสอบถามเพื่อนร่วมชั้นหลาย ๆ คนก่อนที่จะมาพบเธอด้วย ป๋ายจิ้ง เราก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาหลายปีแล้ว แค่เรื่องเล็กน้อยเธอก็ไม่จะช่วยฉันเลยสินะ ช่างใจแคบเสียจริง ๆ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status