Share

บทที่ 11 หญิงสาวหัวโต

ร่างน้อยชะงักไปครู่หนึ่ง ท่าทางเช่นนี้ช่างน่าอายจริง ๆ ขณะเดียวกันก็ผลักหลิวหลงถิงออก แล้วถามเขาว่า “อะไร ได้กลิ่นอะไร? นายรีบปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

“กลิ่นอะไร? ก็กลิ่นคาวของงูไง? หรือเธอรังเกียจที่ฉันมีกลิ่นคาวงูกันแน่?” เมื่อหลิวหลงถิงพูดอย่างนั้นแล้ว ฉันก็พยายามผลักเขาออก ทว่าเขาดันเอื้อมมือมาจับที่ขาของฉันและยกขึ้นอย่างรวดเร็ว

น้ำจากฝักบัวที่โปรยลงราวกับฝนตกหนักบนศรีษะของฉันกับหลิวหลงถิง ทำให้ผ้าขนหนูของฉันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำร้อน

ที่จริงก็อยากจะโกรธตานั่นอยู่หรอก ทำแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร? เขาจงใจทำให้ฉันเปียกเหมือนไก่ตกน้ำ แต่เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา กลับเห็นไอน้ำที่ปกคลุมใบหน้าอันมีสเน่ห์ อีกทั้งผมดกดำที่เปียกน้ำจนทำให้เห็นจอนเล็ก ๆ ข้างหนึ่ง เขาจ้องมองฉันด้วยสายตาที่แพรวพราว ช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน

ฉันกลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง และไม่กล้าจะมองไปที่ดวงตาอันมีสเน่ห์พร้อมกับผมที่เปียกปอนของหลิวหลงถิง ฉันรีบเบือนหน้าหนีและพูดกับเขาว่า “ตัวนายไม่คาวแล้ว ไม่มีอะไรน่ารังเกียจ”

“ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ งั้นฉันจูบนะ”

เมื่อหลิวหลงถิงพูดเช่นนั้นแล้ว เขาก็ก้มหัวลงและประกบลงที่ริมฝีปากของฉันทันที

ไม่รู้ว่าเวลานี้ฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับว่ากำลังถูกเขาล้างสมองไปแล้ว ตอนที่เขายกขาฉันขึ้น ฉันก็ไม่ได้ขัดขืน ฉันคิดแค่ว่าตัวเองกำลังเมาเหล้าและฝันไป

ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงกดกริ่งดังขึ้นหน้าประตู

เสียงกดกริ่งที่ดังก้องอยู่หน้าประตูดังผ่านเสียงน้ำทะลุเข้ามาในหูของฉัน ทันใดนั้นสมองก็ถูกปลุกขึ้นจากความน่าหลงไหลของหลิวหลงถิง

เมื่อมองไปที่ดวงตาอันแสนอบอุ่นของหลิวหลงถิง ร่างทั้งร่างก็สะดุ้งเล็กน้อย พลันรีบกระชับเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำไว้แน่น แล้วพูดกับหลิวหลงถิงว่าข้างนอกมีคนมา ฉันไปเปิดประตูก่อน

หลิวหลงถิงคว้ามือของฉันไว้ไม่ยอมให้ออกไป แต่กริ่งด้านนอกก็ยังคงกดอยู่ ฉันจึงบอกกับหลิวหลงถิงว่าฉันแค่จะไปดูว่าใครมา จากนั้นก็ดึงข้อมือที่เขากำไว้แน่นออก พลางเอื่อมมือไปหยิบชุดนอนมาสวมและออกไปเปิดประตู

หลังจากที่ออกจากห้องน้ำ ก็รู้สึกใจหวิว ๆ อย่างไรไม่รู้ ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงกริ่งมาขัดจังหวะฉันกับหลิวหลงถิงเอาไว้ และถ้าครั้งนี้ฉันมีความสัมพันธ์กับเขาจริง ๆ ฉันกลัวว่าจะหยุดมันไว้ไม่ได้อีกแล้ว

ทันทีที่ประตูเปิดออก ปรากฎว่าเป็นหม่าเจี้ยนกั๋ว!

เขากลับมาอีกแล้ว หม่าเจี้ยนกั๋วก้าวเข้ามาพร้อมที่สีหน้าดูตื่นตระหนก “แม่หมอ คุณรีบไปช่วยลูกสาวผมทีเถอะ หลังจากที่คุณกลับไปมันก็ยังอยู่ในตัวลูกสาวผม ตอนนี้มันกำลังคลุ้มคลั่งอยู่ในห้อง และบอกว่าคืนนี้มันจะฆ่าลูกสาวของผม!”

หลิวหลงถิงพึ่งจะบอกว่าบ้านของหม่าเจี้ยนกั๋วไม่มีสิ่งชั่วร้าย และพอนึกขึ้นได้ว่าหม่าเจี้ยนกั๋วโกหก ฉันก็พูดออกไปด้วยความโมโห “จริงเหรอคะ? แต่ตอนที่ฉันไปบ้านคุณ ก็ไม่มีสิ่งชั่วร้ายอะไรนั่นเลย คุณโกหกฉันทำไมคะ?”

“แม่หมอ ผมไม่กล้าโกหกคุณหรอก ตอนนี้ลูกสาวผมกำลังจะตาย ขอร้องล่ะ ช่วยลูกสาวผมด้วยเถอะ ผมมีลูกสาวแค่คนเดียว ไม่ว่าคุณจะให้ผมทำอะไร ผมก็จะยอมทุกอย่าง!”

หม่าเจี้ยนกั๋วพูดพลางคุกเข่าลงตรงหน้าและจับขาฉันไว้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตาที่หลั่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย

ประตูห้องน้ำได้เปิดออกพร้อมกับไอร้อน หลิวหลงถิงเดินออกมาพลางผูกผ้าขนหนูสีขาวไว้ที่เอวของเขา

ทว่าเขากลับเพิกเฉยไม่มองมาที่ฉัน และสาวเท้าตรงไปนั่งลงบนโซฟา พลันถามหม่าเจี้ยนกั๋วด้วยน้ำเสียงเย็นชา “การช่วยลูกสาวคุณไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณต้องบอกทุกอย่างที่คุณรู้ให้ฉันฟังทั้งหมด คุณคิดไม่ดีกับเทพเจ้า ถ้าคุณไม่กลับใจ ใครจะช่วยคุณได้”

ด้านหม่าเจี้ยนกั๋วได้ยินหลิวหลงถิงพูดเช่นนั้นแล้ว อยู่ดี ๆ ก็ชะงักไปเหมือนร่างกายไร้กระดูก เขาล้มลงบนพื้น ก่อนจะเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพูดกับหลิวหลงถิง “ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ ถ้าผมจะพูดบอกท่านทั้งหมด แล้วท่านจะช่วยผมใช่ไหม?”

ในตอนนี้ฉันเกือบจะกลายเป็นคนนอกไปแล้ว ดูเหมือนว่าหม่าเจี้ยนกั๋วจะรู้จักตัวตนของหลิวหลงถิงแล้ว พวกเขาพูดคุยกันก็โดยไม่ต้องส่งผ่านฉัน และมันทำให้ฉันรู้สึกอาย แต่ฉันก็ทำได้เพียงเรียกหม่าเจี้ยนกั๋วเข้ามานั่งในห้อง และเทน้ำให้พวกเขา

“จะช่วยได้หรือไม่ มันก็อยู่ที่ตัวคุณแล้ว” หลิวหลงถิงพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย

หม่าเจี้ยนกั๋วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายกับว่าเขากำลังตัดสินใจที่จะสารภาพกับหลิวหลงถิง

“ที่จริงแล้ว ตอนที่เย่เซียนหรือเทพเจ้างูสองตัวนั้นทำร้ายครอบครัวของผมเมื่อหลายปีก่อน พ่อผมได้เชิญหมอดูให้มาดู เขาบอกว่างูสองตัวนี้มีบุญสัมพันธ์กับครอบครัวของเรา และต้องนับถือพวกเขาเหมือนเจ้าที่เจ้าทาง อีกทั้งงูสองตัวนั้นก็เต็มใจที่จะรับเครื่องหอมในบ้านของผมด้วย แถมยังอวยพรให้บ้านของเราร่ำรวยและปลอดภัย”

โดยปกติแล้วเจ้าที่เจ้าทางกับเทพที่ลงมาจุติจะมีหน้าที่ไม่เหมือนกัน เจ้าที่เจ้าทางไม่ได้ถูกเลือกให้ออกรบ เพียงแค่ปกปักรักษาคนในบ้านให้ปลอดภัย เปรียบเสมือนพระโพธิสัตว์ที่คนเถ้าคนแก่นับถือ

“แล้วหลังจากนั้นล่ะค่ะ? ในเมื่อบ้านของคุณมีเจ้าที่เจ้าทางดูแลอยู่ บ้านคุณก็น่าจะปลอดภัยดี แล้วทำไมถึงยังมาหาฉันล่ะ?” ฉันเอ่ยปากถามหม่าเจี้ยนกั๋ว

“ในตอนนั้นผมกำลังตามหาแม่หมออิงกู วิชาของเธอแกร่งกล้ามาก ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีเพียงไม่กี่คนที่เหนือกว่าเธอ แต่ผมคิดไม่ถึงว่าเธอจะส่งคุณมา ส่วนทำไมถึงไม่ขอให้แม่หมอท่านอื่น ๆ ช่วยจัดการกับงูสองตัวนั้น นั่นเป็นเพราะตอนที่หมอดูคนนั้นให้ผมทำป้ายเซ่นไหว้ เขาไม่ได้บอกว่าพวกงูต้องการแลกกับอะไร”

“แล้วพวกนั้้นต้องแลกกับอะไรคะ?”

“ถ้าอยากรับอะไรดี ๆ จากเจ้าที่เจ้าทางก็ต้องจ่ายสิ่งที่เหมาะสมให้กับเขา เจ้าที่เจ้าทางช่วยให้บ้านเราร่ำรวยขึ้น แต่ก็ต้องแลกด้วยวิญญาณของคนที่บูชา ยายของผมถูกพวกเขาฆ่าตาย ส่วนคนอื่น ๆ ก็ถูกพวกเขาดูดซับวิญญาณจนตาย!”

“คุณจะบอกว่า ครอบครัวของคุณยอมให้คนในครอบครัวตายหมดเพื่อเงินงั้นเหรอ?” ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ บนโลกใบนี้ เพื่อเงินแล้วแม้แต่ชีวิตของคนในครอบครัวก็ไม่สำคัญอีกต่อไป!

“ผมก็อยากจบเหมือนกัน แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะขอให้ส่งเจ้าที่เจ้าทางมาใหม่ มีเทพเพียงไม่กี่ตนที่กล้าดูแลครอบครัวของผม แต่ตอนนี้พวกเขากำลังคุกคามชีวิตลูกสาวผม ผมจึงอยากรบกวนแม่หมออิงหรือแม่หมอป๋ายก็ได้ ได้โปรด ช่วยชีวิตลูกสาวผมด้วย ถ้าคุณยอมช่วย ผมจะยกธุรกิจทั้งหมดให้คุณเลย”

ฉันหันไปมองหลิวหลงถิงที่ไม่ได้สนใจอะไร และบอกให้หม่าเจี้ยนกั๋วไปรอด้านนอก เพื่อขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน

หลิวหลงถิงที่จู่ ๆ ก็เพิกเฉย กลับทำให้ฉันรู้สึกผิด เมื่อเห็นว่าเขากำลังสวมเสื้อผ้า ฉันเองก็รีบแต่งตัวและไปบ้านของหม่าเจี้ยนกั๋วพร้อมกับพวกเขา

พอเข้าไปในบ้านหม่าเจี้ยนกั๋ว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลูกสาวของเธอตะโกนขึ้นที่ชั้นบน ในบ้านเต็มไปด้วยคราบงูสีเทาขาวใหญ่ที่ทอดยาวไปถึงหน้าบันไดชั้นสอง

หลิวหลงถิงกำลังขึ้นไปชั้นสอง และฉันที่กำลังคิดว่าจะตามเขาขึ้นไปดีไหม กลับต้องหยุดชะงักเท้า เมื่อหลิวหลงถิงหันมาเอ่ยปากดักคอขึ้นว่า ให้ฉันอยู่ข้างล่างนี้แหละ ไม่ต้องขึ้นไป แต่เป็นหม่าเจี้ยนกั๋วที่ต้องขึ้นไปกับเขาแทน!

ไม่ให้ไปก็ไม่ให้ไปสิ คิดว่าฉันอยากตามไปนักหรือไง? เท่ตายล่ะ พ่อคุณเอ้ย นายโกรธเพราะฉันไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากับนายใช่ไหม? แค่นี้ถึงกับต้องเฉยชาใส่ฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?

ฉันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟพร้อมนั่งลงบนโซฟาในห้องโถง พลางบ่นหลิวหลงถิง คนอย่างเขาจะทำอะไรได้นอกจากเรื่องอย่างว่า?

ทว่าขณะที่ฉันกำลังนั่งบ่นอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ของหญิงสาวปริศนาดังมาจากใต้โซฟา ก่อนจะปรากฏหมอกหนาพุ่งมาหาฉันจากทั่วสารทิศ

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ฉันตะโกนเรียกหลิวหลงถิง แต่รอบตัวฉันกลับถูกหมอกหนาปิดกั้นไว้เรียบร้อยแล้ว เสียงที่เปร่งออกไปนั้นสะท้อนกลับมาอัดเข้าแก้วหูของฉันสร้างความเจ็บปวดอย่างยิ่ง

ในตอนที่บ่นหลิวหลงถิง พอไม่มีเขาอยู่ ฉันกลับเหมือนไก่อ่อนที่สารรูปดูไม่ได้ ตาคมเหลือบมองรอบกาย ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ล้วนจมอยู่ใต้หมอกหนา ในใจฉันหวาดกลัว ฉันเดาว่าสิ่งนั้นต้องพุ่งมาที่ฉันแน่ ๆ

ขาเรียวเดินไปข้างหน้าไม่ต่ำกว่าสิบก้าว พลันมีหญิงสาวหัวเท่ากับกะละมังโผล่พรวดมาตรงหน้า เธอสูงมากกว่าหนึ่งเมตร รอยยิ้มนั้นกว้างจนทำให้ริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงฉีกออกเกือบถึงหู รอยยิ้มของเธอทั้งน่าเกลียดและสยดสยอง ไม่ทันพูดอะไรสักคำ เธอก็อ้าปากกว้างพร้อมเขมือบหัวของฉันแล้ว!

ร่างบางไม่ทันได้โต้ตอบอะไร ตาของฉันก็มืดสนิท กลิ่นเหม็นเน่าปกคลุมลงมาจากศรีษะจรดปลายเท้า ยามที่ไม่มีหลิวหลงถิง ฉันก็เหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง ขณะที่กำลังคิดว่าจะต้องจากโลกนี้ไปแล้ว กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเปล่งออกมาจากหัวของฉัน “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง ๆ แม้แต่คนของข้าก็ยังกล้ารังแกอีก”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status