ฉันเหลือบมองยันต์บนโต๊ะที่เขียนออกมาเหมือนไก่เขี่ย ฉันไม่อยากเชื่อว่ายันต์ผีนี้จะสามารถช่วยฉันได้ อันที่จริงก็อยากจะขอให้หลิวหลงถิงอยู่ช่วยฉันเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยไป แต่แล้วยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ มือที่จับใบหน้าฉันอยู่จู่ ๆ ก็บีบแรงขึ้น มันทำให้ฉันปวดร้าวมาถึงแก้ม“คราวนี้ฉันไม่อยู่บ้าน ถ้าเธอกล้าทำอะไรไม่ดีกับลูกของเรา ระวังครอบครัวเธอจะถึงแก่ชีวิต”นี่เขากำลังเตือนฉันหรอ?เมื่อกี้ที่ตานั่นพยายามจะทำให้ฉันพอใจ ฉันคิดว่าเขาสนใจฉันหรือไม่ก็ชอบฉัน ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะคิดผิด ที่หลิวหลงถิงดีกับฉันทำให้ฉันพอใจ เพียงเพราะต้องการให้ลูกงูในท้องของฉันปลอดภัยเท่านั้น!โธ่เอ้ย ฉันเปล่งเสียงสบถออกมา ฉันเอื้อมไปปัดมือตานั่นที่จับหน้าฉันออก “นายมันน่ารำคาญ ทางที่ดีอวยพรให้ฉันไม่โดนสิ่งนั้นกินจะดีกว่า ถ้าฉันตาย ลูกของนายก็ต้องตาย!”เมื่อตานั่นได้ยินที่ฉันสบท ร่างสูงก็มีท่าทางที่เหมือนคิดอะไรบางอย่าง พลันก้มลงหัวเราะเบา ๆ ที่ข้างหู “ฉันไม่ยอมให้เธอตายหรอก ไม่ต้องกังวล ถ้ามันอันตรายจริง ๆ ฉันจะส่งคนไปช่วยเธอ”ฉันอยากจะบ้าตายจริง ๆ แล้วก็อยากจะตะโกนใส่เขาว่าตกลงคิดกับฉันอย่างไรกันแน่? อยากใช้ก็ใช้
เงาขาวร่างใหญ่เหล่านี้ก็เหมือนซากศพที่ถูกต้มจนบวมเป่ง พวกเราทั้งหมดล้วนสยองขนพอง ขนาดกลางวันแสก ๆ ยังกล้าหลอกกันอีก!“งั้นเงาเหล่านี้ ใช่คนหนุ่มสาวที่จมน้ำตายในทะเลสาปไหมคะ?”ชายมีอายุจ้องมองไปที่เงาเหล่านั้น ก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อยพลางพูดว่า “นี่ยังไม่ชัดเจน ผมไม่กล้าไปดู แต่เมื่อสองสามปีก่อนคนที่ตายในทะเลสาปเป็นนักศึกษาสาววัยรุ่น ที่ถึงตอนนี้ก็ยังปิดคดีไม่ได้ เมื่อก่อนมันก็แค่ทำให้คนกลัวเท่านั้น พอหลังจากนั้นสิบวันศพก็จะเริ่มลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ มาหลอกคนอื่น โชคดีที่ตอนนี้อากาศหนาว ช่วงนี้เลยไม่ค่อยมีใครมาเล่นที่นี่เลย”แล้วทำไมผีพวกนี้ถึงพึ่งจะมาหลอนหลอนกันล่ะ? แต่ถ้าลองนับดูฉันก็พึ่งเป็นร่างทรงได้แค่ประมาณสิบวัน สิ่งเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกันหรือเปล่านะพอคิดจบแบบนั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า ทำไมถึงเกิดเรื่องบังเอิญเช่นนี้ขึ้นได้“แม่หมอ ตอนนี้คุณรู้ว่าเราไม่ได้โกหกคุณแล้วใช่ไหม? เราควรทำอย่างไรดี!”ด้วยน้ำเสียงของหญิงผู้นี้ดูขี้ขลาด แต่ฉันเองก็หนังศรีษะชาจนไม่กล้าขยับเขยื้อน แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงจะหันหลังกลับไม่ได้อีก มือเรียวจึงหยิบยันต์สีเหลืองที่เขียนขึ้นเมื่อวา
“นายพูดว่าให้ฉันกลับบ้านกับนายหรอ?” ฉันถามหลิวหลงถิงอย่างไม่น่าเชื่อ หลิวหลงถิงเอียงศรีษะชำเลืองตามองมาที่ฉัน จากนั้นหันศรีษะตรงไปข้างหน้าพร้อมกับก้าวเท้าเดิน “ใช่แล้ว ปีหน้าเธอก็จะไปเรียนที่ต่างจังหวัดแล้ว ฉันก็จะไปกับเธอด้วย อยู่ข้างนอกไม่สะดวกเท่าที่บ้าน ฉันจะพาเธอไปพบพวกเขา เมื่อฉันออกไปธุระไม่ได้อยู่กับเธอ กลัวเธอจะเจอกับปัญหา ก็ยังดีที่ฉันได้ไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขาไว้ก่อน”ก่อนหน้านี้เคยได้ยินแม่หมออิงบอกว่าครอบครัวหลิวหลงถิงมีพี่น้องทั้งหมดห้าคน เขาเป็นลูกคนที่สาม ครอบครัวเขามีคนมากมาย ต้องคึกคักแน่ ๆ งั้นฉันจะกลับไปกับหลิวหลงถิง เสมือนว่าไปบ้านสามี“พี่น้องของนายก็เป็นเซียนหรอ?” ฉันถามหลิวหลงถิง“มีแค่สามคนที่เป็นเซียน น้องชายและน้องสาวฉันอีกสองคนยังคงบำเพ็ญฌาณอยู่ที่บ้าน”หลิวหลงถิงยังคงอดทนที่จะอธิบายให้ฉันฟัง เมื่อพวกเราเดินมาถึงฝั่ง คู่สามีภรรยาก็รีบเข้ามาล้อมฉันแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น?ฉันจึงเอาคำบอกกล่าวของศพหญิงร่างยักษ์ทั้งหมด และบอกเธอว่า ศพหญิงสาวเหล่านี้อยากกลับชาติมาเกิด ฉันได้ติดต่อตำรวจเพื่อตามหาญาติให้พวกเขาแล้วด้านหญิงผู้นี้เมื่อได้ยินว่าฉันแจ้งตำรวจแ
“อาจารย์หยินฮวาหรอคะ?” ฉันหันหัวเหลือบมองหลิวหลงถิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างสงสัยหลิวหลงถิงที่รู้ตัวว่าหญิงมีเสน่ห์ผู้นี้จำคนผิด จึงย่างเท้าเข้าหาหญิงผู้นี้สองสามก้าวพลางพูดว่า “พี่รอง เธอคือร่างทรงของฉัน ชื่อป๋ายจิง คราวนี้พาเธอกลับมาด้วย เพราะอยากให้พี่รองกับพี่ใหญ่ดู”หลังจากที่ได้ยินหลิวหลงถิงแนะนำชื่อฉัน ป๋ายจิง หญิงผู้นี้จึงออกมาจากบ้านอย่างเปิดเผย เธอเงยหน้าขึ้นพลางฉีกยิ้มเล็กน้อย “โอ้ ดูความจำฉันสิ พอรู้ว่าหลิวหลงถิงจะกลับมาก็ทั้งดีใจทั้งสับสนไปหมด” ในขณะที่พูด ก็บิดหน้าอันบอบบางมองมาที่ฉันสองสามครั้ง ยิ้มด้วยความเขินอายเล็กน้อย และน้ำเสียงที่สนทนากับฉันก็ดูประจบประแจงเป็นพิเศษ “เป็นร่างทรงของหลิวหลงถิงนี่เอง ยังดูเด็กอยู่เลยนะจ๊ะ มาสิ มานั่งในบ้าน”หลังจากที่หลิวหลงถิงพาฉันเข้าไปในบ้าน เขาแนะนำฉันว่านี่คือพี่รอง ชื่อหลิวเลี่ยอวิ๋น มีนิสัยค่อนข้างดุดัน ปกติพี่ใหญ่ไม่ค่อยอยู่บ้าน หลิวเลี่ยอวิ๋นจึงเป็นผู้ดูแลทุกเรื่องในบ้านหลังนี้หลิวเลี่ยอวิ๋นที่ไปชงชาให้ฉันกับหลิวหลงถิง หลงเถิงและเจียวเอ่อร์ที่ยืนล้อมหลิวหลงถิงกำลังพูดคุยถึงเรื่องโลกภายนอก ฉันมองดูเด็ก ๆที่น่ารักวิ่งไปมา อี
“หลิวหลงถิง ภาพที่ฉันวาดเมื่อคืนหายไปไหน?” ฉันรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตรงไปที่ขาตั้ง ขาตั้งยังอยู่ แต่ภาพหายังไงก็หาไม่เจอ หลิวหลงถิงลุกขึ้นสวมผ้าเดินลงจากเตียง เห็นฉันก้ม ๆ เงย ๆ หาของไม่หยุด จึงเอื่อมมือมากอดฉันไว้ แล้วพูดข้างหูฉันว่า “ไม่ต้องหาหรอก หายแล้วก็คือหาย เธอจะกลัวอะไร? อาจจะเป็นพี่รองเข้ามาหยิบไปดูก็เป็นได้”ในขณะที่หลิวหลงถิงกำลังพูดนั้น ก็สัมผัสได้ถึงไอความร้อนจากปากเขาส่งกระทบมาที่คอของฉัน ฉันจึงรีบผลักเขาออก ในเมื่อเขาไม่สนใจ แล้วฉันจะสนใจทำไม“หลิวหลงถิง นายบอกสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราเมื่อคืนนี้ ถ้าครอบครัวนายรู้เรื่องนี้ มันคงดูไม่ดีใช่ไหม?” อย่างไรเสียฉันก็เป็นร่างทรงของหลิวหลงถิง ไม่ใช่ภรรยาเขา แต่ถ้ามันเกิดเรื่องที่เกินความสัมพันธ์ของเรา ก็อาจจะดูน่าเกลียดเกินไป“ดูไม่ดียังไง?” หลิวหลงถิงถามฉันกลับ“ก็คือ ก็คือ…”นาทีนี้ฉันก็พูดไม่ออกว่ามันไม่ดียังไง แต่ฉันจะไม่ยอมกลับคำพูด จึงบอกเขาไปว่าหลังจากนี้อย่าทำเช่นนี้อีก ถ้ายังทำเช่นนี้อีกไม่นานคนอื่นต้องรู้เข้าแน่ ๆ ไม่รู้ว่าหลิวหลงถิงเป็นอะไร แต่พอฟังฉันพูดจบ เขาก็เข้ามาโอบเอวฉันจากด้านหลัง แล้วพูดว่า “เห็นอยู่
ลูกชายคนที่สามของตระกูลหลิว ไม่ใช่หลิวหลงถิงหรอ? วาดภาพที่ฉันวาดนั้น ความจริงแล้วถูกคนเอาไปนี่เอง คาดไม่ถึงว่าเพราะภาพนี้ จะนำมาซึ่งการแต่งงานของหลิวหลงถิงอันที่จริงเมื่อครู่ ฉันก็รู้สึกเสียใจที่เจียวเอ๋อร์บอกว่าฉันจะไม่ได้แต่งงานกับหลิวหลงถิง แต่ตอนนี้มีคนมาแย่งสามีฉันไป ฉันควรจะโกรธนะ แต่ก็น่าขำ พอนึกถึงหลิวหลงถิงที่ปกติแล้วชอบทำตัวแมน ๆ ใส่ฉัน ตอนนี้เขากลับถูกผู้หญิงขอแต่งงาน ถ้าเขาอยู่ตรงนี้ ฉันคงขายหน้าแทนเขา“หวงซานเหนียง เจ้านายไร้สาระของเจ้าคือใคร? ถึงอยากขอน้องชายข้าแต่งงาน? ไม่ดูฐานะตัวเอง ถ้านายเจ้าสนใจน้องข้า ก็ให้นางมาด้วยตนเอง แต่นี่คงจะไม่ใช่เซียนตระกูลซานหลานหรอกนะ” ด้วยคำพูดที่เหน็บแนมของหลิวเลี่ยอวิ๋นนั้น ก็ไม่ได้ทำให้หวงซานเหนียงหญิงชุดแดงนั้นแสดงอาการโกรธหลิวเลี่ยอวิ๋นแต่อย่างใด ตรงกันข้ามหล่อนกลับตอบอย่างเหิมเกริมว่า “อย่าคิดว่าฌาณข้าสูงไม่เท่าเจ้า นายคนใหม่ของข้า ที่ในเวลานั้นเป็นเซียนที่ได้รับการแต่งตั้งจากเทพพระเจ้าหนูเอ่อร์ฮาเป็นการส่วนพระองค์ และต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนางสนมผู้สูงศักดิ์ ทำงานกินตำแหน่งในประราชสำนัก คงจะทำให้บ้านเจ้าเหลือกินเหลือใช้
ด้านหน้าคือเทพเจ้าเม่นกับหวงซานเหนียง หวงซานเหนียงไม่ได้อยู่ในสายตาหลิวเลี่ยอวิ่นเลยสักนิด ดังนั้นฉันเดาว่าหวงซานเหนียงก็ไม่ได้มีฝีมือเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่ฉันกับหลิวหลงถิงต้องหนีออกไป แต่เมื่อเห็นท่าทางพังพอนหวงซานเหนียง คาดว่านางต้องพุ่งเข้าใส่พวกเราแน่ ๆ ถ้านางกลับไปทำรายงานเจ้านาย เดาได้ว่าพวกเราคงไปต่อไม่ได้แล้วแน่ ๆ หลิวหลงถิงไม่ได้รู้สึกกังวลเท่าไหร่เมื่อเห็นหวงซานเหนียง เขาที่ยังอยู่อยู่ในร่างเดิม หัวเราะเบา ๆ พลันถามหวงซานเหนียงอย่างเย็นชาว่า อายุยืนไปไหม?เมื่อหลิวหลงถิงกล่าวเช่นนี้ หวงซานเหนียงก็พลันหัวเราะทันที รอยย่นบนหน้าของนางมีมากกว่าเทือกเขาบนโลกใบนี้ มันมากจนนับไม่ถ้วน“ท่านชายหลิว อย่าเอาความแก่ของข้ามาเยาะเย้ยกันเลย ข้ายังอยากอยู่อีกนาน วันนี้ข้าจะมาหยุดท่าน ข้ารู้ว่าท่านกำลังจะออกจากเขาป๋ายซาน ข้ามาครั้งนี้เพื่อขอความช่วยเหลือท่านชายหลิว ถ้าท่านชายหลิวยินดี จากนี้ไปตระกูลหลิวและตระกูลเรา รวมทั้งลูกหลานทั้งร้อยแปดคน จะทำตามคำสั่งและคำแนะนำจากท่านชายหลิวทั้งหมด” แม้ว่าหวงซานเหนียงจะไม่มีฝีมือใด ๆ แต่หลิวหลงถิงค่อนข้างสนใจในเงื่อนไขที่หวงซานเหนียงกล่าว จึ
“เมื่อครู่หวงซานเหนียงบอกว่า ในบ้านของจูต้ากุ้ยบูชาจูเซียนที่เป็นเทพสุกรไม่ใช่เหรอ? แต่แล้วทำไมถึงเป็นพลังปีศาจล่ะ?” ฉันเอ่ยถามหลิวหลงถิง อย่างไรเสียหวงซานเหนียงบำเพ็ญฌาณมานานขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะแยกแยะเซียนกับปีศาจไม่ออก เธอบอกว่าผู้ที่เธอสนิทสนมด้วยนั้นล้วนเป็นเซียน แต่เทพสุกรนี่กลับไปสนิทสนมกับปีศาจตนหนึ่งเช่นนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย “สัตว์อย่างพวกเราบำเพ็ญฌาณเป็นเซียน มนุษย์โลกยังนับว่าปฏิบัติต่อเราอย่างสุภาพ ไม่เคยกระทำเรื่องเลวร้าย ไม่ว่าบำเพ็ญฌาณมาแค่ไหน ก็เรียกอย่างเคารพว่าเซียน ถ้าหากเซียนบริสุทธิ์ บางเหล่าที่ถูกจัดให้ปฏิบัติหน้าที่เซียน เช่น เหล่าเทพเจ้าบ้านเรือน เทพที่ถูกเลือกให้มาจุติ ล้วนเคยถูกจัดให้เข้าปฏิบัติหน้าที่เซียน ก็จะถือว่าเป็นเซียนบริสุทธิ์ บนตัวของเซียนบริสุทธิ์นั้น จะมีปราณหลักและจิตใจดีงาม ทำให้สามารถรักษาพลังที่สะอาดและบริสุทธิ์ไว้ได้ หากว่าเป็นเซียนบริสุทธิ์ที่ต่ำช้า กระทำเรื่องเลวร้าย กลิ่นตามตัวก็จะเปลี่ยนเป็นกลิ่นเหม็นเน่าเรียกว่า พลังปีศาจ ทว่าสิ่งนี้ก็เกี่ยวข้องกับนิสัยในการใช้ชีวิตของสัตว์แต่ละตัว ตอนนี้เธอก็เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่เก