Share

บทที่ 14 ข้อเสียห้าประการข้อบกพร่องสามประการ

ฉันเหลือบมองยันต์บนโต๊ะที่เขียนออกมาเหมือนไก่เขี่ย ฉันไม่อยากเชื่อว่ายันต์ผีนี้จะสามารถช่วยฉันได้ อันที่จริงก็อยากจะขอให้หลิวหลงถิงอยู่ช่วยฉันเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยไป แต่แล้วยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ มือที่จับใบหน้าฉันอยู่จู่ ๆ ก็บีบแรงขึ้น มันทำให้ฉันปวดร้าวมาถึงแก้ม

“คราวนี้ฉันไม่อยู่บ้าน ถ้าเธอกล้าทำอะไรไม่ดีกับลูกของเรา ระวังครอบครัวเธอจะถึงแก่ชีวิต”

นี่เขากำลังเตือนฉันหรอ?

เมื่อกี้ที่ตานั่นพยายามจะทำให้ฉันพอใจ ฉันคิดว่าเขาสนใจฉันหรือไม่ก็ชอบฉัน ไม่น่าเชื่อว่าฉันจะคิดผิด ที่หลิวหลงถิงดีกับฉันทำให้ฉันพอใจ เพียงเพราะต้องการให้ลูกงูในท้องของฉันปลอดภัยเท่านั้น!

โธ่เอ้ย ฉันเปล่งเสียงสบถออกมา ฉันเอื้อมไปปัดมือตานั่นที่จับหน้าฉันออก “นายมันน่ารำคาญ ทางที่ดีอวยพรให้ฉันไม่โดนสิ่งนั้นกินจะดีกว่า ถ้าฉันตาย ลูกของนายก็ต้องตาย!”

เมื่อตานั่นได้ยินที่ฉันสบท ร่างสูงก็มีท่าทางที่เหมือนคิดอะไรบางอย่าง พลันก้มลงหัวเราะเบา ๆ ที่ข้างหู “ฉันไม่ยอมให้เธอตายหรอก ไม่ต้องกังวล ถ้ามันอันตรายจริง ๆ ฉันจะส่งคนไปช่วยเธอ”

ฉันอยากจะบ้าตายจริง ๆ แล้วก็อยากจะตะโกนใส่เขาว่าตกลงคิดกับฉันอย่างไรกันแน่? อยากใช้ก็ใช้ ไม่อยากใช้ก็หาย แต่ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ช่วยเขาบำเพ็ญฌาณ ตกลงเขามีคำว่ามิตรภาพสักให้กันนิดไหม?

แต่ยังไม่ทันที่จะสบถออกไป หลิวหลงถิงก็ไม่อยู่แล้ว ในห้องโล่ง ๆ เหลือแต่ฉันคนเดียว

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ฉันเหยียดเท้าออกไปเตะไม้ถูพื้นที่เขาวางเอาไว้อย่างแรง ทำไมฉันถึงเจอแต่เรื่องเยอะแย่ ๆ ภรรยาเขาตายแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน? เขาบำเพ็ญตบะมาหลายร้อยปี แม้แต่ภรรยาก็รักษาไว้ไม่ได้ ยังจะเอาเรื่องนี้มาใส่หัวฉันอีก เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่

ฉันนั่งแช่อยู่ในห้องโถงเกือบหนึ่งชั่วโมง เมื่อความโกรธสงบลง ฉันจึงจำได้ว่าต้องบูชาฉางป้าเทียนและฉางชุยหง เมื่อรอให้หลิวหลงถิงบำเพ็ญฌาณได้สำเร็จ ฉันก็จะได้ตัดขาดกับเขา

แต่เรื่องที่สัญญากับแม่หมออิง ที่จริงแล้วก็อยากทำ ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าถ้าตัวเองไม่มีหลิวหลงถิงแล้วจะทำอะไรไม่ได้เลย!

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอันตรายในวันพรุ่งนี้ ฉันนอนดึกเพื่อเขียนยันต์สักร้อยแผ่น และหวังว่ามันจะช่วยฉันได้เมื่อมีอันตราย

ฉันยังไม่ได้บอกคุณย่าเรื่องที่หลิวหลงถิงต้องกลับบ้านเลย เช้าวันพรุ่งนี้ก็แค่นั่งรถตรงไปยังบ้านของครอบครัวที่เดือนร้อน

ครอบครัวนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านฉันมากนัก เพียงอยู่ข้างทะเลสาปตรงทางแยกของเมืองฉันกับแม่หมออิง ทะเลสาปนี้มีชื่อเรียกว่าซานจิง ซึ่งเป็นทะเลสาปที่เกิดจากแอ่งน้ำขนาดใหญ่สามแห่งมาเชื่อมต่อกัน โดยปกติจะเป็นพื้นที่สำหรับใช้วิ่งออกกำลังกายในวันหยุดสุดสัปดาห์ เมื่อวานได้ฟังผู้ชายในโทรศัพท์บอกว่าเขาทำฟาร์มเพาะสัตว์น้ำในทะเลสาปซานจิง แต่ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก เพียงรอให้ฉันไปดูด้วยตัวเอง

ฉันไปถึงหมู่บ้านที่ชายผู้นั้นบอกก็ราว ๆ เก้าโมงเช้า ชายที่ดูมีอายุกับภรรยาของเขายืนรอรับอยู่ที่หน้าทางเข้าเพื่อต้อนรับฉันเมื่อลงจากรถ ฉันอธิบายกับคู่สามีภรรยาว่า แม่หมออิงเป็นคนส่งฉันมา แต่พวกเขาเหมือนไม่ได้สนใจอะไร แถมยังพูดกับฉันว่าข้างนอกหนาว ข้างในอากาศอบอุ่นกว่า พลางลากฉันไปนั่งด้านในอย่างเร็ว

เมื่อท่านเซียนไม่อยู่ ฉันเองก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยแต่ก็ทำตามขั้นตอนปกติ ฉันนั่งบนเตียงแล้วถามพวกเขาทั้งคู่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

สองสามีภรรยาสบตากัน แต่ไม่มีท่าทีปิดบังอะไร แล้วบอกกับฉันว่าพวกเขาถูกจ้างให้มาเป็นเกษตกร รวมถึงดูแลทะเลสาปนี้ จริง ๆ แล้วฟาร์มสัตว์น้ำพวกนี้เป็นอุตสาหกรรมของข้าราชการใหญ่ในเมืองของพวกเขา

อันที่จริงเรื่องก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่เป็นเพราะไม่กี่ปีก่อนมีกลุ่มคนวัยรุ่นจนน้ำตายที่ทะเลสาปซานจิงแล้วไม่มีการกู้ศพ ตั้งแต่นั้นมาทะเลสาบก็เกิดเรื่องแปลก ๆ อยู่บ่อยครั้ง

“เรื่องแปลกประหลาดที่ว่าคืออะไรคะ?” ฉันเอ่ยถามคู่สามีภรรยา

ทั้งคู่ชำเรืองตามองกัน แล้วฝ่ายหญิงก็พูดกับฉันว่า “จริง ๆ แล้วจะบอกว่าแปลกก็ไม่เชิง แค่เวลาไปตกปลาทีไรก็รู้สึกเหมือนไม่สบายใจ เหมือนมีดวงตาใต้เรือจ้องมองมาบนเรือ บางครั้งก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ น่ากลัวสุด ๆ”

เมื่อฝ่ายหญิงพูดจบ ฝ่ายชายก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง และบอกกับฉันว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสองสามเดือนก่อน ผมพายเรือไปดูลูกปลาติดแหในพื้นที่เพาะเลี้ยง พอเที่ยงแล้วผมรู้สึกหิว ก็เลยล้างแอปเปิ้ลในทะเลสาบ ผมดันเห็นคนผิวขาวที่เปียกโชกกำลังเดินอยู่ด้านล่างของทะเลสาบ ทันทีที่มองดูก็หายไปในชั่วพริบตา!”

พอได้ยินเช่นนี้ น้ำตาฉันก็แทบจะไหลออกมา ฝ่ายหญิงได้ฟังฝ่ายชายพูดแล้วก็โมโหพลางด่าเขาว่าทำไมถึงไม่บอกเรื่องนี้กับเธอ ถ้าวันไหนเธอเห็นเช่นนี้ในทะเลสาปก็คงจะตกใจไม่น้อย แล้วฝ่ายชายก็ปลอบใจฝ่ายหญิงว่ากลัวเธอจะกลัวจึงไม่ได้บอก ถ้าต้องลาออกจากงานก็ต้องขอโทษเจ้านายพวกเขาด้วย

มองดูคู่สามีภรรยาคู่นี้ทะเลาะกัน ก็พอจะขจัดความกลัวฉันไปได้บ้าง แม้ว่าทั้งคู่จะประสบกับเหตุการ์ณที่น่าหวาดกลัว ทว่าบางทีความรู้สึกนี้อาจเป็นภาพหลอนของมนุษย์ก็ได้ ก็เหมือนกับพอรู้ว่าที่ไหนมีคนตาย เมื่อต้องผ่านทางนั้นก็จะรู้สึกว่าที่แห่งนี้มีผี แต่ถ้าเป็นผู้ที่ไม่เคยรู้ว่าทางผ่านเส้นนี่เคยมีคนตาย ผู้ที่ผ่านไปมาก็จะไม่รู้สึกว่าที่นี้ผิดปกติ

นี่เป็นการบอกใน ๆ ว่าถ้าจะตัดสินได้ว่าที่นี่มีผี อย่างน้อยก็ต้องหาหลักฐานว่าเขาได้ปรากฏตัวแล้ว พอหลิวหลงถิงไม่อยู่ฉันก็เชื่อในวิทยาศาสตร์มากขึ้น

“หรือบางทีพวกคุณอาจจะเข้าใจผิด งั้นพวกคุณช่วยพิสูจน์ได้ไหมว่าทะเลสาปนี้มีมลทิล สิ่งต่าง ๆ ในทะเลสาปนำอันตรายมาสู่คุณ หรือช่วยพิสูนจ์ว่ามันมีอยู่จริงได้ไหมคะ?”

หรืออาจเป็นเพราะฉันยังเด็ก สองสามีภรรยาคู่นี้จึงไม่ยอมที่จะพูด แต่ถ้าไม่พูดก็พิสูนจ์ให้ฉันไม่ได้ ชายผู้นี้ลังเลอยู่ครู่นึงแล้วพูดกับฉันว่า “ได้ แต่แม่หมอน้อยต้องเตรียมใจให้ดี ผมเกรงว่าคุณจะกลัว”

ก่อนหน้านี้แล้วฉันเตรียมใจเพื่อจะเข้าสนามรบมาพอสมควร กระทั่งชายผู้นี้เตือน ใจฉันก็รู้สึกหวาดกลัว อันที่จริงก็ไม่อยากพลาดที่จะได้เห็นหลักฐานว่าอะไรอยู่ที่นั่น ทว่าตอนนี้ฉันกำลังเป็นแม่หมอ ถ้าไม่ไปก็คงจะปอดแหกเกินไป

“ไม่กลัวคะ พาฉันไปดูหน่อย” ฉันสูดหายใจยาว ๆ ก่อนที่จะลั่นวาจาออกไป เมื่อฉันตกลง คู่ชายหนุ่มก็ลุงขึ้นพาฉันออกไปข้างนอก

ที่ซึ่งคู่สามีภรรยาอาศัยอยู่จริง ๆ แล้วห่างจากทะเลสาบซานจิงพอสมควร ระหว่างทางไป หญิงผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามฉันว่าเป็นแม่หมอมานานแค่ไหนแล้ว มองดูอายุของฉันก็แค่ประมาณสิบแปดปีเท่านั้น

นี่กำลังถูกมองว่าอายุยังน้อย แน่นอนว่าฉันโคตรดีใจ แต่คงไม่มีหน้าตอบไปว่าทำมายังไม่ถึงครึ่งเดือน จึงพูดแบบลวก ๆ ว่าทำมาได้สักพักแล้ว

“ฉันเห็นแม่หมอคนก่อนดูแลอายุราว ๆ สามสิบปีขึ้นทั้งนั้น เธอยังเป็นสาวยังเด็กเกินไปแท้ ๆ ที่บ้านเธอการเป็นแม่หมอคือรับต่อจากบรรพบุรุษใช่หรอเปล่า? หรือเป็นเพราะชะตากรรม?”

ฉันคิดไม่ถึงว่าหญิงผู้คนนี้จะถามเยอะขนาดนี้ จึงเอ่ยบอกเธอไปว่าเป็นเพราะชะตากรรมของฉันเอง

“เมื่อก่อนป้าสะใภ้ของฉันก็เป็นแม่หมอเช่นกัน เคยได้ยินเธอบอกว่าชะตากรรมของเซียนนั้นส่วนใหญ่หนีไม่พ้นข้อเสียห้าประการและข้อบกพร่องสามประการ หากหนักเกินไปก็ต้องตาย เซียนจึงสามารถรอร่างทรงคนต่อไปวนกลับมา ป้าสะใภ้ฉันจึงถูกเซียนของเธอฆ่าตาย”

เมื่อหญิงผู้นี้กล่าวเรื่องนินทากับฉันเสร็จ จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่ฉันตกลงจะเป็นร่างทรงให้แก่หลิวหลงถิง เหมือนเธอจะเคยบอกกับฉันว่า สามีของเธอโดยเซียนหรือวิญญาณทำร้ายจนตาย

“ข้อเสียห้าประการและข้อบกพร่องสามประการ คืออะไรคะ?” ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเป็นเซียนจะมีข้อห้ามเยอะขนาดนี้ อย่างไรเสียแม่หมออิงก็ไม่เคยบอกฉันมาก่อน

แต่หลังจากที่ฉันเพิ่งถามคำถามเหล่านั้นกับหญิงผู้นี้ ชายผู้เป็นสามีเดินตรงไปที่น้ำแข็ง ๆ ซึ่งไม่ไกลจากข้างหน้า พลางบอกฉันว่า “แม่หมอดูทางนั้น”

ฉันมองตามนิ้วที่เขาชี้ แต่นอกจากชั้นน้ำแข็งขาว ๆ แล้วฉันก็มองไม่เห็นอะไรเลย

“ตรงนั้นมีอะไรคะ?” ฉันเอ่ยปากถาม

“ตรงถ้ำน้ำแข็งนั้น มีคนสามคนยืนอยู่ตรงนั้นมาหลายวันแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตัวฉันก็สั่นเทาด้วยความกลัวพลางม้วนเสื้อผ้าบนตัวไว้แน่น แล้วมองดูชั้นน้ำแข็งที่ชายผู้นี้ชี้ไป ครั้งนี้ฉันตั้งใจจ้องมองอย่างจริงจัง ก็เห็นถ้ำน้ำแข็งกว้างอยู่ด้านหน้า เงาสีขาวของร่างสูงใหญ่ทั้งสามนั้นเหมือนถูกแขวนอยู่บนถ้ำน้ำแข็งและห้อยอยู่ในแนวตั้ง ใบหน้าใหญ่อันซีดเผือดทั้งสามกำลังมองตรงมายังพวกเรา!

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status