ถึงอย่างไรฉันก็ตั้งครรภ์ใกล้ครบสี่เดือนแล้ว ผ่านไปหลายวันขนาดนี้ ในท้องของฉันก็ยังเหมือนกับตอนแรกอย่างไงอย่างนั้นเลย ไม่ได้ใหญ่และก็ไม่ได้เล็ก เมื่อก่อนคิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นหลิวหลงถิงคอยดูแลลูก ฉันก็ขี้เกียจสนใจ แต่ตอนนี้ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็อยู่ในท้องของฉันมาสี่เดือนแล้ว อย่างไรก็ต้องมีความผูกผันธ์กันทั้งนั้น ดังนั้นฉันเลยอยากดูว่าพวกเขาเติบโตจนเป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว ต่อให้ในท้องเป็นงู ฉันก็ไม่หวั่นแต่ว่าหลิวหลงถิงได้ยินว่าฉันอยากไปตรวจครรภ์ ขมวดคิ้วเป็นปมขึ้นมาทันที แม้แต่น้ำเสียงก็นิ่งขึ้น ถามฉันว่าทำไมจู่ ๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาได้?ฉันก็เลยนำเรื่องเมื่อครู่นี้ที่วิญญาณไม้กวาดพูดออกมา เล่าให้หลิวหลงถิงฟัง หวังว่าหลิวหลงถิงจะสามารถบอกฉันได้ว่ามันหมายถึงอะไรแต่ว่าเมื่อหลิวหลงถิงได้ยินสิ่งที่ฉันพูดกับเขาแล้ว ใบหน้าที่เย็นลงเริ่มเปลี่ยนเป็นรำคาญเล็กน้อย เขาบอกฉันว่าแค่วิญญาณเล็ก ๆ นี้ ไม่รู้จักแม้แต่เฟิ้งฉีเทียนเลย แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กในท้องของฉันคืออะไร ที่ตั้งครรภ์อยู่ก็คือลูกหลานของเขารุ่นต่อ ๆ ไป บอกฉันว่าอย่าคิดมาก รอหลังจากหกเดือนลูกออกมา พวกเราจะส่งลูกไปที่ภูเขาฉางป๋
เมื่อเทพเเห่งขุนเขาปรากฏตัวขึ้น นั่นก็ทำให้ฉันตกใจกลัวจนตัวสั่น ฉันไม่รู้ว่าเขาตามหาฉันเจอได้อย่างไร แต่ว่าเขามาแล้ว ก็คงไม่น่าจะมีเรื่องดีเกิดขึ้นกับฉันอย่างแน่นอน!“แล้วยังไงล่ะ?” ฉันลุกขึ้นเคลื่อนตัวเดินลงจากเตียงไปด้วย ฉันพูดกับเทพแห่งขุนเขาอย่างระมัดระวังไปด้วยพร้อม ๆ กัน “เทพเแห่งขุนเขา เรื่องราวเก่า ๆ ของฉันกับคุณก็ได้จัดกาารจนกระจ่างไปแล้ว ทำไมคุณตามฉันแบบนี้ คุณไม่มีจิตสำนึกหรือไง”เมื่อเห็นว่าฉันอยากจะวิ่งหนี เทพแห่งขุนเขาก็คว้าข้อมือฉันเอาไว้ ใช้แรงดึงฉันเข้ามาที่ตัวเขาอย่างแรง ยิ้มอย่างมีเลศนัยมาที่ฉัน “ความดีคืออะไร? อย่างงั้น เจ้าก็เอาความดีของเจ้ามาให้ข้ากินดูสิ?!”ในขณะที่เทพแห่งขุนเขาพูดอยู่ก็ยิ่งใช้แรงบีบที่ข้อมือของฉัน ไม่ให้ฉันขยับตัวเลยสักนิดเดียว ราวกับว่าตั้งใจจะแกล้งฉันเล่น เขาแกว่งข้อมือของฉันไปมา พอเห็นว่าสีหน้าของฉันซีดเผือด ราวกับเห็นเขาเป็นผีอย่างไรอย่างนั้น ก็ยิ้มเยาะออกมาอย่างดัง เมื่อมองดูร้อยยิ้มราวกับเสียสติของเทพแห่งขุนเขา ฉันเกียจตัวเองที่ไม่มีความสามารถขนาดนี้ ถ้าหากว่ามีฉันคงอัดเขาให้ลืมพ่อลืมแม่ไปเลย“คุณรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะบอกอะไรคุณใ
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินย่าพูดแบบนี้ ก็เคลื่อนหัวเข่ามาทางเท้าของฉัน แล้วคุกเข้าลงไปทันที เธอทั้งกอดขาทั้งร้องไห้ไปด้วย พร้อมพูดกับฉันว่า “แม่หมอ ได้โปรดช่วยลูกชายของฉันด้วย ตอนนี้เขาถูกสิ่งสกปรกในแม่น้ำพัวพันเข้าแล้ว และก็กำลังจะตายแล้ว ขอร้องคุณนะ ช่วยเขาด้วย”ฉันรีบพยุงผู้หญิงคนนี้ลุกขึ้นมา บอกให้เธอนั่งพูดเรื่องราวทั้งหมดพูดกับฉันอีกรอบหนึ่ง“เป็นเรื่องเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ลูกชายของฉันไปเรียนที่วิทยาลัยที่ฮาร์บิน เขากลับมาบ้านในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อน และไปอาบน้ำที่แม่น้ำซิวสุ่ยตรงข้ามบ้านของฉัน หลังจากอาบเสร็จแล้ว เขาก็เดินกลับมาบ้าน ไม่นานลูกชายฉันก็ไม่มีสติ บอกว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งรอเขาอยู่ในน้ำ อีกทั้งยังบอกว่าเขาได้ตกลงกับหญิงสาวคนนั้นเรียบร้อยแล้วว่าในเดือนมีนาคมปีนี้ เขาจะไปแต่งงานกับหญิงสาวที่อยู่ในน้ำ ในตอนนั้นพวกเราก็ไม่คิดเป็นเรื่องจริงจัง แต่ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ลูกชายฉันกลับหนีออกจากมหาวิทยาลัย บอกว่ามีเกี้ยวรับเจ้าสาวรอเขาอยู่ที่ริมแม่น้ำ ถ้าหากภายในสามวันยังไม่ยอมขึ้นเกี้ยว หญิงสาวคนนั้นจะโกรธ จะให้น้ำท่วมหมู่บ้านของพวกเรา ตอนนี้ลูกชายของฉันถูกพวกเรามัดไว้เ
ตอนนี้ฉันกับหลิวหลงถิงมากันแล้ว ถ้าจะพูดว่าไม่ช่วยชีวิตคน พวกเราก็พูดไม่ออก แต่ว่าถ้าจะช่วยชีวิตคน พวกเราก็ต้องการคำชี้แนะและตอนนี้อาการบาดเจ็บของหลิวหลงถิงก็ยังไม่หายดี ถ้าเกิดว่ามีการต่อสู้ขึ้นมา ตอนนี้พวกเราก็เป็นฝ่ายที่อ่อนกว่าอยู่แล้ว ไม่มีทางที่จะชนะได้เลยผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าหลิวหลงถิงกำลังลังเลใจอยู่ ก็ไม่สนใจว่าพวกเราจะลำบากแค่ไหน พูดอยู่ตลอดเวลาว่าเห็นพวกเราร่างทรงองค์เทพเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตคอยช่วยเหลือและบรรเทาความทุกข์ แต่ตอนนี้ ลูกชายเธอมีบางอย่างผิดปกติ แต่พวกเรากลับไม่ช่วย เป็นพระโพธิสัตว์อะไรกัน ถ้าหากลูกชายของเธอตาย ก็บอกว่าให้ทุกคนเลิกเชื่อพวกเราได้แล้ว ทั้งยังไม่ต้องไปหาพวกเราให้ดูดวงอีกแล้ว และเมื่อพวกเธอพูดสิ่งเหล่านี้ พวกเขาก็เริ่มขอร้องฉันและหลิวหลงถิงอีกครั้ง บอกว่าเพียงแค่พวกเราช่วยชีวิตลูกชายของเธอ พวกเราต้องการสิ่งใดก็จะให้สิ่งนั้นมา แม้ว่าจะเป็นชีวิตชราของเธอก็ตาม เธอจะให้มันกับเราด้วยในตอนนี้ฉันกับหลิวหลงถิงลำบากใจมาก ๆ หลิวหลงถิงมองผู้หญิงคนนั้น และก็มองมาที่ฉัน แล้วก็มองลูกในท้องของฉันอีก ร่างทรงองค์เทพมีกฏเกณฑ์ รับงานแล้วก็จำเป็นต้องการจัดการ
ในช่วงปีมะเส็งเมื่อสิบสองปีที่แล้ว ฉันป่วยหนักอย่างไม่ทราบสาเหตุ และมีไข้สูงตลอดทั้งปี รักษาอย่างไรก็ไม่หาย ต่อมาในช่วงปลายปีของกลางดึกคืนหนึ่ง ฉันก็สะลึมสะลือขึ้นมาพลันมองเห็นงูสีขาวตัวใหญ่เลื้อยเข้ามาในผ้าห่ม มันค่อย ๆ เลื้อยขึ้นมาตามขาของฉัน เกล็ดงูที่ขรุขระนั้นขูดขาฉัน มันทั้งเจ็บทั้งคันไปหมดฉันกลัวมาก ๆ แต่ก็ไม่กล้าตะโกนออกไป ตลอดทั้งคืนฉันมองดูงูสีขาวตัวใหญ่ที่ยังไม่หยุดก่อกวนใต้ผ้าห่ม จนกระทั่งเช้ารุ่งขึ้น คุณย่าดึงผ้าห่มเพื่อประคองให้ฉันลุกขึ้น แต่พอเปิดผ้าห่มออก กลับได้กลิ่นฉี่ลอยเข้ามาปะทะจมูก งูตัวนั้นหายไปเสียแล้วย่าตีก้นฉันหนึ่งที แล้วถามว่าอยู่ดี ๆ ทำไมถึงฉี่รดที่นอนได้?ฉันบอกย่าว่าเมื่อคืนนี้มีงูตัวหนึ่งเข้ามาในที่นอนฉัน ย่าไม่เชื่อที่ฉันพูดและบอกว่าฉันกำลังคิดอะไรแปลก ๆ อยู่หรือเปล่า? เราสองคนก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขาสักหน่อย งูจะมาจากที่ไหนกัน?แต่ทว่าเมื่อท่านช่วยฉันเปลี่ยนกางเกง ก็เห็นจุดเลือดมากมายจนตะลึงขึ้นมาทันที แต่ท่านไม่ถามอะไรฉันเลย หญิงชราเพียงรีบใส่กางเกงให้ฉัน แล้วบอกว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเมื่อฉันโตขึ้นจะไม่สามารถแต่งง
ใครจะยอมเป็นภรรยาให้สัตว์กันล่ะ? แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าจะต้องเลือกสิ่งไหน! อีกอย่างข้างนอกยังมีหนุ่ม ๆ วัยละอ่อนหน้าตาดีอีกตั้งมากมาย ฉันจะไปเลือกแต่งงานกับงูตัวหนึ่งได้อย่างไร?ฉันตัดสินใจเลือกเงื่อนไขที่หนึ่งทันทีและพูดกับแม่หมออิงที่กำลังถูกงูประทับอยู่ในร่างว่า “ฉันจะเลือกเป็นร่างประทับให้กับท่าน เพื่อช่วยท่านในการบำเพ็ญตบะ ขอเพียงแค่ท่านอย่าได้ทำร้ายครอบครัวของฉันอีกเลยนะคะ”แม่หมออิงหรี่ตาลงราวกับรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนเปล่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ “เจ้าอย่าพึ่งคิดจะรังเกียจข้าเลย หากเจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว ในวันข้างหน้าเจ้าจะมีชีวิตที่มีความสุข แต่ในเมื่อเจ้าเลือกเป็นศิษย์ของข้าแล้ว อย่างนั้นก็อย่ามาเสียใจเสียภายหลังแล้วกัน”“ไม่เสียใจค่ะ ไม่เสียใจแน่นอนค่ะ!” ฉันโค้งคำนับแม่หมออิงอย่างรวดเร็ว แต่แม่หมออิงไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เธอล้มลงกับพื้นพลางกรอกตาขาวขึ้นราวกับปลาคาร์ฟที่กระโดดขึ้นมาจากน้ำ ร่างของเธอชักกระตุกอยู่ครั้งสองครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาฉันพยุงแม่หมออิงลุกขึ้นจากพื้น แม่หมออิงนวดที่เอวของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ “ทำไมเจ้ายังเลือกจะทำห
หวังหงพูดเหมือนกับว่าฉันไปติดหนี้อะไรเขาไว้เลยฉันรู้สึกไม่สบายใจทันที พลันรีบไล่เขาออกไปให้เร็วที่สุด “ถ้าฉันไม่ใจดีแล้วนายมาหาฉันทำไม ไป ไป ไป นี่ฉันเห็นแกความเป็นเทพบุตรประจำโรงเรียนหรอกนะ ถึงให้นายเข้ามานั่งกินน้ำกินท่าแบบนี้ ไม่อย่างนั้น แม้แต้หน้าประตูหน้าบ้าน ฉันก็ไม่ให้นายเข้ามาหรอกนะ!”“ป๋ายจิ๋ง ทำไมเธอกลายเป็นคนหยาบคายได้ขนาดนี้ล่ะ เธอฟังฉันนะป๋ายจิ้ง...”หวังหงยังคงยืนอยู่ด้านนอกประตูเพื่อจะขอร้องฉัน เห็นแบบนั้นฉันจึงรีบปิดประตูอย่างเร็ว ฉันขี้เกียจที่จะฟังเขาพูดจาบังคับขู่เข็ญแล้วแต่จะว่าไปเรื่องของหวังหง คงเป็นหลิวหลงถิงที่เป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังแน่ ๆ ดูแล้วหลิวหลงถิงก็คงจะใส่ใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ถ้าหากว่าหลิวหลงถิงเกิดรู้เรื่องที่ฉันไล่หวังหงกับไป เขาจะลงโทษฉันไหมนะตอนแรกฉันก็รู้สึกลังเลอยู่ในใจ แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจว่าจะไม่สนใจเขาแล้ว และไม่สนว่าเขาจะลงโทษฉันอย่างไร เขาก็ต้องมาขอร้องฉันเอง ตราบใดที่เขาไม่เอาลูกงูของเขาออกไปจากท้องของฉัน ฉันจะไม่ยอมเป็นร่างให้เขา แค่คิดถึงตอนที่จะต้องคลอดออกมา และวาดภาพงูที่ค่อย ๆ เลื้อยกันยั้วเยี้ยออกมาจากตัวฉัน แค่คิดก็
ในตอนนี้ฉันรู้สึกกลัวมากจนหัวใจแทบจะออกมาเต้นอยู่ข้างนอกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวหลงถิงอยู่ในร่างฉัน ป่านนี้ฉันเดาว่าตัวเองคงไม่สามารถยืนนิ่งได้แบบนี้แน่นอนเราทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่เกือบสิบวินาที ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นน่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรบางอย่าง พลันใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวนั้นก็เปลี่ยนเป็นหน้าตื่นตระหนกในทันที หล่อนสลัดมือออกจากหลี่จวนและกำลังจะลอยหนีไปที่กำแพง แต่แน่นอนว่าหลิวหลงถิงย่อมไม่ให้โอกาสหล่อน เขาร่ายคาถาบางอย่างด้วยความรวดเร็ว และทันใดนั้นก็ตบฝ่ามือกับผนังอย่างแรง ราวกับสร้างเครื่องพันธนาการที่ผนัง ร่างของผู้หญิงคนนั้นกระแทกเข้ากับกำแพงดังปัง แล้วเด้งตกลงบนพื้น แต่หล่อนยังคงไม่ยอมแพ้ ร่างนั้นพยายามหลบซ่อนจากหลิวหลงถิงราวกับหลบซ่อนเชื้อโรคร้ายน่ารังเกียจ หล่อนปีนกำแพงต่อไปไม่หยุด เล็บแหลมคมขูดกำแพงสีขาวราวกับหิมะอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดเสียงหวีดแหลมคมและน่าสยดสยอง!เมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของหล่อน เงาดำเล็ก ๆ บนผนังต่างก็พยายามจะดึงผู้หญิงคนนั้นไป แต่ก็ไร้ประโยชน์ พลังของพวกเขาไม่สามารถทะลุกำแพงที่หลิวหลงถิงใช้เวทมนตร์ทำขึ้นได้ เด็ก ๆและผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนกับคนแบบพว