ลูน่าหยิบเช็คขึ้นมาดูใกล้ ๆ ด้วยสายตาห่างเหิน “เงินสิบล้านนี่ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะคะ”“ก็ใช่น่ะสิ” คุณย่าลินช์ขึ้นเสียงอย่างเย็นชา “เอาเงินไปและเก็บไว้ให้ดี แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”“ที่ท่านพูดก็มีเหตุผลค่ะ” ลูน่ารีบเก็บเช็คลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว“แต่สร้อยคอปลอม ๆ บนคอท่านอาจราคาไม่ถึงสิบล้านก็ได้ จริงไหมคะ?”เมื่อถูกทักว่าสร้อยคอเป็นของปลอม คุณย่าลินช์ถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ย “ยัยคนร้ายกาจ เธอนี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ แค่เพราะได้ยินว่าหลานสะใภ้ของฉันให้สร้อยคอเส้นนี้มา เธอเลยจงใจบอกว่ามันเป็นของเก๊อย่างนั้นเหรอ?”คุณย่าลินช์กลอกตามองลูน่าอย่างเหยียดหยาม “สาวใช้ต่ำตมอย่างเธอรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับของปลอม? ว่าที่หลานสะใภ้ของฉันน่ะเป็นเด็กเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ ไม่มีทางซื้อของเก๊หรอก! เธอเองต่างหากที่ไม่รู้จักมูลค่าของมัน!”คุณย่าลินช์ถลึงตามองลูน่าอย่างขุ่นเคือง “ถ้าเธอรับเงินก้อนนี้ไป ฉันจะถือว่าเธอให้คำสัญญาแล้ว ไปหาข้อแก้ตัวลาออกจากบลูเบย์วิลล่าภายในสามวันซะ! ไม่อย่างนั้น อย่ามาโทษว่าฉันเสียมารยาทล่ะ!”ทันใดนั้นเอง หญิงชราก็ลุกขึ้นยืนและเดินจากไปอย่างงามสง่าโดยมีคนรับใช้
“ใช่ค่ะ”ลูน่ามองชายหนุ่มด้วยสายตาจริงจัง “ถึงยังไงสำหรับตระกูลลินช์นั้น ฉันมีค่าตัวถึงสิบล้านบาท ขอขึ้นเงินเดือนคงไม่มากไปหรอกใช่ไหมคะ?”“ไม่เลย” โจชัววางเช็คลงแล้วนั่งเอนหลัง เขาเปลี่ยนมาอยู่ในอิริยาบถสบาย ๆ พร้อมทั้งมองไปที่ลูน่า “เธอเอาเช็คนี่มาให้ฉันเพื่อขอค่าจ้างเพิ่มงั้นเหรอ?”ระหว่างพวกเขาทั้งสอง โจชัวคือฝ่ายนั่ง ส่วนเธอคือฝ่ายยืน ทว่า ชายหนุ่มกลับแผ่รังสีความเหนือกว่าออกมา จนลูน่ารู้สึกว่าตัวเองคือคนที่โดนดูถูกหญิงสาวพยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ” ใบหน้าเธอไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ฉันมีเป้าหมายเล็ก ๆ และอยากให้คุณลินช์ขึ้นเงินเดือน เงินล้านมันเยอะไปสำหรับสาวใช้อย่างฉัน ฉันรู้สึกผิดที่ได้รับมันค่ะ”โจชัวยืนขึ้นและเดินตรงมายังเธอทีละก้าว “อย่างนั้นเหรอ?”“ค่ะ”เขาเอื้อมมือออกไปและเชยคางของลูน่าขึ้นด้วยสองนิ้ว เขาบังคับให้อีกฝ่ายมองเข้าไปในดวงตาลุ่มลึกไร้ที่สิ้นสุดของตัวเอง“เธอปฏิเสธเงินก้อนนี้ไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด แต่เป็นเพราะเธอไม่อยากจากฉันไปใช่หรือเปล่า?”เสียงของเขาทุ้มต่ำชวนฟัง น่าหลงใหลและดึงดูดใจถึงแม้ว่าลูน่าจะไม่หลงเหลือความรู้สึก ๆ ใดให้โจชัวอีกต่อไปแล้ว แต่เสียงของเขายัง
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”โจชัวพ่นลมหายใจเบา ๆ “เนลลี่ไม่พร้อมปล่อยเธอไป การเปลี่ยนพี่เลี้ยงจะต้องค่อยเป็นค่อยไป”ลูคัสมองดูโจชัวด้วยคิ้วที่ขมวดแน่นเข้าหากัน เขาสงสัยว่าเนลลี่เป็นคนเดียวที่ตัดใจจากลูน่าไม่ได้ หรือว่าโจชัวเองก็ตัดใจไม่ได้เหมือนกันหลังจากลูน่า กิบสันจากไปแล้ว โจชัวไม่เคยมีสาว ๆ คนไหนเคียงข้างกายมาเกือบหกปี ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ลูคัสคิดว่าสาวใช้ลูน่าคือตัวเลือกที่เหมาะเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยเนลลี่ก็ชอบเธอ และโจชัวเองก็ไม่ได้รังเกียจเธออีกด้วยอย่างไรก็ตาม...ลูคัสสูดลมหายใจเข้ายาว เขาคงจะทำอะไรมากไม่ได้นอกจากเตือนสติเจ้านาย “นายท่านครับ อย่าลืมนะครับว่าคุณยังต้องตามหาคุณผู้หญิงกลับมา”โจชัวเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มชวนสงสัย “นายพยายามจะสอนอะไรฉัน?”สายตาของโจชัวช่างเย็นยะเยือกจนลูคัสขนลุกซู่ในทันที“ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมจะต้องไปทำงานต่อ”พูดจบ ลูคัสก็รีบเปิดประตูหนีเอาชีวิตรอดไป ประตูห้องทำงานปิดลงอีกครั้งโจชัวดูรูปต่าง ๆ บนจอคอมพิวเตอร์และถอนหายใจเฮือกใหญ่ลูน่าส่งลูกสาวกลับมา แต่เธอกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไรกัน? ลูน่า กิบสัน...
“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมจะทำแบบนั้นกับคุณย่าบ้าง คุณย่าใช้เงินสิบล้านเพื่อไล่ลูน่าไปจากผมเพราะคำพูดของออร่า แต่ว่า...“ฟังผมให้ดีนะครับ คุณย่าลินช์ ต่อให้ไม่มีลูน่าและต่อให้เธอรับเงินสิบล้านนี่และจากไป ผมก็ยังจะถอนหมั้นกับออร่าอยู่ดี เรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของผม เพราะฉะนั้นเก็บเงินของคุณย่าเอาไว้เถอะครับ”จากนั้นโจชัวก็ลุกขึ้นและเดินออกไป“โจชัว ลินช์!” คุณย่าลินช์ผู้เกรี้ยวกราดหยิบถ้วยชาบนโต๊ะกาแฟเขวี้ยงใส่โจชัวทันที เพล้ง!ถ้วยชาตกลงใกล้เท้าของชายหนุ่ม มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ขณะที่น้ำชากระเด็นเปรอะเปื้อนกางเกงของเขาโจชัวหยุดอยู่กับที่ แต่ไม่ได้เหลียวกลับไปมองคุณย่าลินช์ขบฟันแน่น “แกคิดจะทำบ้าอะไรกันแน่? ตอนนั้นแกยืนยันที่จะตบแต่งลูน่า กิบสันเข้ามาในตระกูลลินช์โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของพวกเรา เธอแต่งงานเป็นสะใภ้ของบ้านหลังนี้ตั้งหลายปี แต่กลับไม่มีลูกให้แกสักคน แล้วสุดท้ายเธอก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไป” “พอเธอจากไปแล้ว แกก็ปฏิเสธผู้หญิงทุกคนที่ครอบครัวจัดหาให้ แกยืนยันหนักแน่นที่จะให้ออร่าเป็นคู่หมั้น แต่พอเวลาผ่านมาห้าปีจนถึงตอนนี้ แกกลับคิดที่จะล้มเลิกง
“คุณย่าใจดีที่สุดในโลกเลยค่ะ!”ออร่าส่งกล่องเพชรในมือให้คุณย่าลินช์ด้วยความตื่นเต้น “ดูสิคะ คุณย่า นี่เป็นผลงานของคุณวาย ชุดเดียวกับสร้อยคอคุณย่าเลย สวยไหมคะ?”“สวยสิ” คุณย่าลินช์ชื่นชอบสร้อยคอ แต่จู่ ๆ คำพูดของสาวใช้ลูน่ากลับดังก้องเต็มสองหูของหญิงชราอย่างช่วยไม่ได้‘แต่สร้อยคอปลอม ๆ บนคอของคุณท่านอาจมีราคาไม่ถึงสิบล้านก็ได้ จริงไหมคะ?’คุณย่าลินช์ย่นคิ้วในขณะที่มองออร่าอย่างไม่สบายใจ “ออร่า สร้อยคอเธอน่ะ... ของเก๊หรือเปล่า?”ช่วงสองปีที่ผ่านมา คุณวายเป็นนักออกแบบอัญมณีผู้มีชื่อเสียงในต่างประเทศ ความโด่งดังของเขาเป็นรองนักออกแบบนามว่าออคุสที่โด่งดังที่สุดเท่านั้น แต่แล้วคุณวายกลับทิ้งวงการเครื่องประดับไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะอย่างนั้นจึงทำให้ราคาเครื่องประดับที่เขาออกแบบพุ่งสูงขึ้น จากเดิมที่ราคาเพียงหลักล้านก็กลายเป็นสิบล้านในทันที คุณย่าลินช์เคยเห็นข่าวนี้มาก่อน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหญิงชราจึงมอบเงินจำนวนสิบล้านให้แก่ลูน่าเพราะเห็นแก่ว่าที่หลานสะใภ้คนนี้อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ลูน่าพูดเมื่อวันก่อนเปรียบเสมือนหนามยอกอก ตลอดเวลาที่คุณย่าลินช์นึกถึงถ้อยคำดังกล่าว เธอจะเริ่ม
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดได้ว่าคุณย่าลินช์คือความหวังสุดท้ายที่จะทำให้เธอได้อยู่เคียงข้างโจชัว...ออร่ากัดฟันกรอดพร้อมกับกระทืบเท้า “ช่วยหาให้ฉันที”“อย่าเสียเวลาเลย” ผู้หญิงที่อยู่ปลายสายถอนหายใจยาว “คุณวายมีผลงานการออกแบบไม่มากมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แถมพวกเรายังซื้อชุดเครื่องประดับเก๊พวกนั้นจากคนที่ไม่รู้จักเจ้าของตัวจริง ส่วนเครื่องประดับที่เหลือก็ตกเป็นของคนอื่นไปแล้ว แต่ฉันได้ยินมาว่า ประธานควินน์กรุ๊ปที่ชื่อมัลคอล์ม ควินน์ มีเครื่องเพชรอยู่ชุดหนึ่ง เดี๋ยวฉันจะลองถามเขาดูให้”“โอเค”…ณ บลูเบย์วิลล่าฝนตกหนักตลอดทั้งคืน พอรุ่งสางอากาศจึงค่อนข้างเย็น ลูน่าใช้เวลาทั้งเช้าจัดการกับตู้เสื้อผ้าของเนลลี่ หญิงสาวซักทำความสะอาดเครื่องแต่งกายหน้าร้อนและจัดเก็บเข้าตู้แม้ว่าเนลลี่เพิ่งจะมาอยู่กับโจชัวได้ไม่ถึงเดือน แต่จำนวนชุดที่เด็กหญิงมีก็มากกว่าที่เคยมีเมื่อปีก่อนไปแล้วลูน่ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการจัดการตู้เสื้อผ้าของเนลลี่ จนเธอแทบจะลุกขึ้นยืนไม่ไหวเธอใช้มือทุบเบา ๆ บริเวณแผ่นหลังส่วนล่างและเหยียดตัวนอนลงบนเตียงเพื่อพักผ่อน ก่อนที่โทรศัพท์ของเธอจะดังขึ้นเป็นสายจากมัลคอล์ม ควินน์
หลังจากวางสายจากมัลคอล์มแล้ว ลูน่าก็เหยียดกายนอนลงบนเตียงเพื่อพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานเธอก็เผลอหลับไปเธอฝันในฝันนั้นคือตอนที่เธอพบโจชัวเป็นครั้งแรก มันคือยามบ่ายในฤดูใบไม้ผลิที่อากาศอบอุ่นและมีแดดจัดลูน่ากำลังนั่งอยู่ใต้ต้นซากุระ เธอถือกระดานวาดรูปขณะสเก็ตช์ภาพไปด้วย ท่ามกลางดอกซากุระบานสะพรั่ง เธอเห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่งในชุดสีขาวเขามีโครงหน้าชัดเจนและมีหน้าตาที่โดดเด่น เสื้อผ้าสีขาวยิ่งขับเน้นชายหนุ่มให้ดูห่างเหินและสูงส่งในคราวเดียวเขากำลังอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ขณะที่คิ้วทั้งสองข้างนั้นขมวดเป็นบางคราวลูน่าร่างภาพของเขาโดยไม่รู้ตัว “ไม่เลวนี่” เมื่อใกล้ลงสีสุดท้ายเสร็จ จู่ ๆ เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้นเต็มสองหูลูน่ามือไม้สั่น เธอจัดการระบายใบหน้าของเขาเป็นสีดำทันทีด้วยความตกใจสุดขีด เธอไม่รู้ว่าจะยืนขึ้นทักทายเขาหรือซ่อนภาพสเก็ตช์เอาไว้ดีในวินาทีนั้นเอง โจชัวซึ่งยืนอยู่ข้างหลังก็หัวเราะขึ้นอย่างอ่อนโยน “คุณทำผมน่าเกลียดซะแล้ว”เขาคว้าดินสอของเธอด้วยฝ่ามือใหญ่และนิ้วเรียวยาวของเขา เขาเขียนชุดตัวเลขลงบนภาพสเก็ตช์ของหญิงสาว“ผมจะให้โอก
โจชัวขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันตัดสินใจแล้วว่า อีกสามวันจะถอนหมั้นกับออร่าในงานเลี้ยงวันเกิดคุณย่า”ลูน่าตัวสั่นเทาเธอจ้องหน้าเขาด้วยความตกใจ “ถอนหมั้นเหรอคะ?”ทำไมเขาถึงวางแผนที่จะถอนหมั้นล่ะ? เป็นเพราะเนลลี่ หรือเป็นเพราะเขารู้ว่าลูน่า กิบสันยังมีชีวิตอยู่?น่าแปลกที่หกปีก่อน เขาทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดเธอเพื่อให้ได้อยู่กับออร่าแต่แล้วทำไมเขาถึงถอนหมั้นเมื่อผ่านมาถึงหกปีและหลังจากที่เนลลี่ปรากฏตัว?ไม่สมเหตุสมผลเลย มันจะต้องมีเหตุผลอื่นถึงอย่างนั้นก็เถอะ...ลูน่ากัดริมฝีปากและค่อย ๆ มองโจชัว “เป็นเพราะ... ฉันอย่างนั้นเหรอคะ?”ในช่วงนี้ ดูเหมือนโจชัวจะแตะต้องตัวเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ หากไม่ใช่เพราะเนลลี่ เหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ก็คือ โจชัวทำเหมือนว่าเธอเป็นความรักครั้งใหม่ และเขาเบื่อหน่ายออร่าแล้วโจชัวหัวเราะเล็กน้อย ชายหนุ่มไม่ได้ตอบแต่กลับถามเธอว่า “คิดว่ายังไงล่ะ?”เขากำลังบอกลูน่าทางอ้อมว่าเธอทึกทักเอาเองไปหน่อยอย่างไรก็ตาม สำหรับลูน่าแล้ว น้ำเสียงของโจชัวฟังดูเหมือนแทะโลม หรือว่าเขากำลังยอมรับเป็นนัย?เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวก็มีความรู้สึกหลายอย่างผสมปนเปกั