เธอยอมรับข้อเรียกร้องที่น่าอัปยศเพื่อช่วยธุรกิจครอบครัวของเธอ พ่อของเธอได้เสียชีวิตอย่างน่าเศร้าหลังจากเธอได้ตั้งครรภ์ เธอถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอร่วมมือกันเพื่อขับไล่เธอออกจากครอบครัวมอนท์เธอกลับมาหลังจากนั้นสามปีและไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยั่วยวนให้ชายผู้หยิ่งทนงที่อ้างสิทธิ์ในบ้านพักของพ่อผู้ล่วงลับไปแล้วของเธอคืนมา อย่างไรก็ตามเธอถูกเขาต้อนจนมุม เธอพูดไปตัวสั่นไป “คุณฟัดด์ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณขุ่นเคือง…” เขาครุ่นคิดและพูดว่า “มันสายไปแล้ว ฉันต้องการค่าชดเชย”แล้วทำไมถึงเปลี่ยนการแต่งงานปลอม ๆ ของพวกเขาให้กลายเป็นเรื่องจริง? เธอหน้าแดง แต่เขาไม่สนใจ เขาขมวดคิ้วและจ้องไปที่เธอด้วยความขบขัน “คุณมีลูกแล้วทำไมถึงต้องเล่นตัวอะไรขนาดนั้น” ซักพักดวงตาใสแจ๋วของเด็กตัวน้อยน่ารักน่าชังที่ยืนอยู่ข้างๆเบิกกว้าง พร้อมกับจับมือเธอแล้วพูดว่า "คุณแม่คะ หนูอยากมีน้องชาย!"
View Moreด้วยเหตุผลบางประการ เรื่องราวก็ได้จบลง ณ ที่นี้ฉันอยากจะขอกล่าวบอกลาพวกคุณทุกคนเรื่องราวนี้เริ่มแต่งขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2018 และดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายในวันที่ 31 ธันวาคมปี 2020 ใช้เวลาเดินทางกว่าสองปีกับอีกเจ็ดเดือนช่างเป็นการเดินทางที่ยาวนานยิ่งนักขอขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนตลอดเส้นทางแล้วเจอกันค่ะ
หลังโจนาธานออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว เขาไม่ได้ตรงกลับไปที่โรงเรียนแต่อย่างใด ชายหนุ่มโดดเรียนตลอดทั้งบ่ายแล้วไปที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เพื่อเล่นเกมกับเวย์น คลาร์กและผ่องเพื่อนแทน พอได้เวลากลับบ้านอีกที ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทแล้วโจนาธานโพสสถานะบนวอตส์แอป [เฮ้อ เรียนมาทั้งวันแล้ว ปวดหัวจัง ได้เวลากลับบ้านสักที]เมื่อเวย์นเห็นข้อความ เขาก็หัวเราะก๊ากออกมา[เวย์น: ลูกพี่ นายได้เรียนกับเขาด้วยเหรอ? ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย][จิมมี่: แล้วไอ้คนที่เล่นเกมในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เป็นร่างโคลนของนายเหรอวะ?]โจนาธานกรอกตากับคอมเมนต์พวกนั้น พวกมันจะไปรู้อะไรล่ะ? สถานะที่เขาโพสนั่นก็เพื่อให้พ่อแม่เห็นเท่านั้นแหละหลังจากเก็บโทรศัพท์ลงไป โจนาธานสะพายกระเป๋าเป้สีดำพาดบ่าเดินมือล้วงกระเป๋าออกไป มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟตอนนี้รถสปอร์ตไบค์ของเขาถูกคุณพ่อยึดไป คุณพ่อของเขาบอกว่าจะให้เด็กนักเรียนไฮสคูลมาขับสปอร์ตไบค์คงดูไม่ดีนักเพราะงั้นโจนาธานถึงต้องไปไหนมาไหนด้วยขายาว ๆ ของเขาแทนพอโจนาธานมาถึงประตูหนึ่งแถวสาม เขาถูกเหล่าชายที่แต่งกายชุดนักเรียนมาขวางทางเอาไว้“โจนาธาน โลกกลมจังนะ ฉันไม่คิดว่าโชคดีได
เดือนกันยายนในนอร์ท ซิตี้ แสงแดดฤดูร้อนผ่านพ้นไป แต่ไอร้อนอบอ้าวยังคงอยู่ตอนนี้เกมแข่งขันบาสเกตบอลขนาดย่อมสามต่อสามกำลังดุเดือดอยู่ในสนามบาสของเฟิร์ส นอร์ท ซิตี้ ไฮสคูล ทีมสีนํ้าเงิน สมาชิกทีมคนหนึ่งกำลังนั่งดูเกมอยู่ตรงม้านั่งข้างสนามด้วยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฝั่งนํ้าเงินเหลือแค่สองผู้เล่นที่ลงสนาม สองต่อสาม ดูยังก็แพ้เห็น ๆหัวหน้าทีมสีแดงชี้หน้าฝั่งตรงข้ามแล้วป่าวประกาศอย่างเย้ยหยัน “เกมสุดท้ายตัดสินผู้ชนะ โจนาธาน จิน จำคำฉันไว้ คนที่แพ้ต้องคุกเข่าต่อหน้าผู้ชนะและเรียกคนคนนั้นว่าปะป๊าซะ เรื่องนี้ไม่มีเกี่ยวกับฝ่ายวินัยหรือโรงเรียน แต่คนที่ไม่ทำตามนั้นถือเป็นพวกขี้ขลาด”หัวหน้าทีมสีนํ้าเงินจ้องมองด้วยแววตาหยิ่งทะนง นัยตาของเขาเปล่งประกายพร้อมกับร้อยยิ้มยโสโอหัง เขาเลือกที่จะปิดปากเงียบ แล้วชี้ฝั่งตรงข้ามก่อนจะดึงมือเข้าหาตัวเองตามด้วยนิ้วโป่งควํ่าลงดิน เป็นการเยาะเย้ยคู่ต่อสู้เขาไม่สนใจคำโอ้อวดของฝั่งตรงข้ามหัวหน้าทีมีแดงสบถเสียงดังแล้วโยนลูกบาสออกไปร่างสูงเปี่ยมพลังของชายหนุ่มกระโดดขึ้น ยกมือคว้าลูกบอลที่กำลังลอยไปทางห่วง เขาสกัดลูกที่ค้างติงอยู่กลางอากาศและตามด้วยการสแลมบ
พายุหิมะพัดผ่านช่วงกลางฤดูหนาว ละออกสีขาวเย็นตกติดต่อกันเป็นเวลานานหลายวันหลายคืนแยนนี่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้ายอยู่บ่อยครั้งแต่ละครั้งเธอจะบีบแขนของเชนน์แน่นเชนน์ตัดสินใจว่าเขาจะช่วยภรรยาที่รักให้ผ่านปมแผลสะเทือนใจนี้ที่เขาก่อนี้ไปให้ได้ยามเช้าฤดูหนาว เชนน์ออเซาะให้แยนนี่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไปด้วยกันแยนนี่ถาม “เราจะไปไหนกัน?”เชนน์เลิกคิ้วสูงแล้วตอบ “ไปดูหิมะ”แยนนี่พูดไม่ออกทั้งเชนน์และแยนนี่ต่างก็เคยไปดูหิมะจากเขาเพ็กตู จากที่สวิตเซอร์แลนด์ จากที่ฟินแลนด์ และจากอีกหลาย ๆ ที่…พวกเขาท่องไปทั่วดินแดนหลากประเทศและได้เห็นทัศนียภาพสีขาวโพลนมานักต่อนักตลอดทริปทั้งเดือน พวกเขาก็เอาแต่มองภาพวิวทิวทันศ์ที่ปกคลุมไปด้วยละอองของเหมันต์ โดยที่เธอมีเชนน์คอยอยู่เคียงข้างตลอดเพื่อดูแลความปลอดภัยเสมอมาเชนน์ถาม “คุณหญิงจิน คุณยังกลัวหิมะอยู่อีกเหรอ?”แยนนี่ยิ้มแล้วตอบ “ฉันไม่ได้กลัวตั้งนานแล้วเถอะ แต่ฉันแค่เบื่อหิมะ รู้สึกเหมือนกับว่าฉันเพิ่งจะดูมันไปเผื่ออีกสักสิบปีข้างหน้าได้เลยมั้ง ตอนนี้จะอะไรก็ได้ ฉันไม่อยากจะดูหิมะแล้ว”เชนน์ก้มหน้าแล้วสบสายตากับเธอ ก่อนเอ่ย “ถ้า
เชนน์จ้างพี่เลี้ยงเด็กที่ยังสาวและแข็งแรงสามคนมาช่วยป้อนนมให้กับโจนาธานตัวน้อยโจนาธานโตขึ้นมาสุขภาพดีเด็กน้อยไม่ได้มีเลือดกรุ๊ปหายากอย่างแยนนี่แต่กลับมีกรุ๊ปเลือดที่เป็นบวกแทน โจนาธานมีร่างกายที่แข็งแรงและเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายแยนนี่ไม่ต้องคอยเป็นห่วงเขาเลยสักนิดถึงแม้แยนนี่จะต้องอยู่โรงพยาบาลสักพัก แต่ในที่สุดเธอก็ออกจากโรงพยาบาลจนได้ร่างกายของเธอทรุดจากการเสียเลือดจำนวนมากระหว่างคลอด ดังนั้น เชนน์จึงไม่อยากให้แยนนี่ต้องคอยดูแลหรือเลี้ยงลูกเป็นเรื่องดีทีเดียวที่พวกเขาได้ให้เหล่าพี่เลี้ยงเข้ามาช่วยดูแล แยนนี่ไม่จำเป็นต้องตื่นกลางดึกขึ้นมาเพื่อป้อนนมลูกในวันที่โจนธานครบรอบหนึ่งเดือน นายท่านจินจัดงานเลี้ยงแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสสุดพิเศษนี้ข่าวเรื่องที่แยนนี่ให้กำเนิดทายาทชายนามโจนาธาน จินแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วทั่วทั้งเมืองดั่งไฟลามทุ่งโจนาธาน ชื่อที่มีความหมายว่า ‘ของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้า’ช่างเป็นชื่อที่น่ารักอะไรเช่นนี้ผู้คนคาดเดาต่าง ๆ นานาว่าเด็กน้อยจะต้องโตขึ้นมาเป็นพวกหัวขบถชื่อเสียงฉาวโฉ่ดั่งผู้เป็นพ่อที่แค่ได้ยินชื่อก็ทำเอาผู้คนรู้สึกหวั่นเกรงว่ากันตามตร
เมื่อเชนน์สูบบุหรี่ใกล้เสร็จ นางพยาบาลสาวก็วิ่งออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อตามหาใครบางคนเธอเห็นเงาของเชนน์จากไกล ๆ แล้ววิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อแจ้งข่าว “เจอคุณสักที คุณจินคะ คุณหญิงจินฟื้นแล้วค่ะ ตอนนี้เธออยากจะพบคุณ!”นิ้วทั้งสองที่คีบมวนบุหรี่อยู่ชะงักกลางอากาศ เขารีบโยนก้นบุหรี่ทิ้งบนที่เขี่ยหลังถังขยะแล้วก้าวขายาวเข้าไปในโรงพยาบาลในที่สุดแยนนี่ก็ฟื้นแล้วซาแมนธาตามเชนน์เข้าไปยังวอร์ดผู้ป่วยวินาทีที่เชนน์ผลักประตูเข้าไป เขาเห็นแยนนี่กำลังนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวและอ่อนล้า แต่สายตาที่เธอมองมาเมื่อเห็นเชนน์กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน“คุณไปอยู่ไหนมา? คุณยังจะมีอารมณ์มาเล่นตอนที่ฉันนอนอยู่บนเตียงอย่างนี้อีกเหรอ? ฉันได้ยินจากคุณปู่แล้วว่าคุณไม่ไปเยี่ยมลูกเลยด้วยซํ้าแถมยังให้คุณปู่เป็นคนตั้งชื่อลูกอีก ทำไมคุณถึงทำตัวแบบนี้ เชนน์?”ถึงจะดูเหมือนว่าเธอกำลังดุเขา แต่นัยตาของแยนนี่กลับแฝงไปด้วยอารมณ์ขัน ชัดเลยว่าเธอไม่อยากให้เขาเป็นกังวลเชนน์ได้แต่จ้องมองเธอ ไม่นานเขาก็เดินเข้าไปหาที่เตียงแล้วดึงแยนนี่เข้ามาสวมกอดแน่น “ฉันคงจะทำร้ายลูกถ้าเกิดอะไรกับเธอขึ้นมาจริง ๆ แยนนี่
แยนนี่นอนอยู่บนเตียงสภาพเธอเหมือนคนกำลังจะตาย หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเม็ดใหญ่ ผมเผ้าเปียกชุ่มจนพันติดกันยุ่งเหยิงไปหมดแยนนี่เหมือนปลาขาดนํ้าที่ใกล้ตายร่างของเธอเต็มไปด้วยเลือดอย่างน่าสยดสยองหัวใจของเชนน์ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาสาวเท้าก้าวเข้าไปหาแล้วกุมมือเธอไว้ ดวงตาของเขาร้อนผ่าวร้องเรียกหาเธอ “แยนนี่ เธอรู้สึกยังไงบ้าง?”แยนนี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เธอเห็นแสงไฟส่องจากด้านบนพร้อมเงาของชายตรงหน้าที่ขยับเคลื่อนไหวมือข้างหนึ่งวางลงบนหน้าผากของเธอ เชนน์กุมมือของเธอไว้แน่นด้วยมืออีกข้าง นํ้าตาอุ่นไหลลงจากขอบตาบวมเป่งของเขานางพยาบาลอุ้มเด็กทารกแรกเกิดที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดเข้ามาหาเชนน์ “ผู้อำนวยการจินคะ นี่เป็นเด็กที่คุณหญิงจินให้กำเนิด…”นางพยาบาลคนนั้นยังไม่ทันได้พูดจบ เชนน์ก็ตวาดดังลั่น “ไปให้พ้น!”นายพยาบาลได้แต่คิดในใจ ‘เกิดอะไรขึ้น? ผู้อำนวยการไม่อยากจะเห็นหน้าลูกของเขางั้นเหรอ…’นางพยาบาลอุ้มเด็กทารกที่เพิ่งเกิดกลับไปยังวอร์ดอย่างระมัดระวังในห้องคลอด เหลือเพียงแค่แยนนี่กับเชนน์ตามลำพังแยนนี่อยู่ในอาการมึนเบลอ ตอนนี้เธอแยกไม่ออกว่าอันไหนจริงอั
คืนนั้น แยนนี่ดูหนังต่อจนถึงเที่ยงคืน เชนน์ยังคงหลับไหลอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบสงบพอเก็บแท็บเล็ตไว้บนชั้นหัวเตียงนอนแล้ว แยนนี่ก็เตรียมตัวจะเข้านอน ก่อนจู่ ๆ จะรู้สึกไม่สบายตัวบริเวณช่วงล่างขึ้นมานํ้าครํ่าเธอแตกแยนนี่ตกใจเรียก “เชนน์ เชนน์”เธอเอื้อมมือเขย่าเขาเชนน์ตื่นขึ้นมาด้วยสายตาพร่ามัว “เกินอะไรขึ้น เธอรู้สึกเจ็บท้องเหรอ?”สีหน้าของหญิงสาวเรียบเฉย แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้เชนน์ถึงกับต้องหน้าซีด “ฉันคิดว่านํ้าครํ่าฉันแตก”เชนน์ตื่นเต็มตาทันที เขาลุกออกจากเตียงวิ่งออกไปออกจากวอร์ดให้ไวที่สุด “ฉันจะไปตามหมอ! แยนนี่รอก่อนนะ ทนเอาไว้!”“...”ความเจ็บปวดที่สุดจะทนแล่นขึ้นมาทั่วทั้งร่างของแยนนี่ เธออยากจะตะโกนเรียกเชนน์ แต่ก็รู้สึกเจ็บจนยากจะเปล่งเสียงออกไปเธอเอื้อมมือกดกริ่งเรียกพยาบาลที่อยู่ข้างเตียงหญิงสาวสบถพร้อมคิดในใจ ‘เขาจะรีบวิ่งออกไปทำไม? กริ่งเรียกหมอก็อยู่ตรงนี้เนี่ย…’เชนน์ตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุตลอดเวลาพอเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอนางพยาบาลรีบเข้ามาเพื่อดูอาการของเธอหลังจากที่แยนนี่กดกริ่งได้ไม่นานเชนน์ออกไปจนถึงห้องทำงานแพทย์เพื่อตามหมอของแย
พอแยนนี่ตั้งครรภ์เชนน์ก็วางมือจากงานทุกอย่าง เขากลับมาอยู่บ้านคอยดูแลแยนนี่ เธอรู้สึกว่าเขาแค่ตื่นเต้นกับการตั้งครรภ์ของเธอมากเกินไปหน่อยก็เท่านั้นแยนนี่ก็ละงานของเธอเพื่ออยู่บ้านเหมือนกัน นอกจากการดูแลร่างกายตัวเองที่กำลังท้องแล้ว สิ่งที่แยนนี่ทำก็คืออ่านหนังสือตลอดเวลาหรือไม่เธอก็นอนกกกับเชนน์ดูหนังที่ฉายจากโปรเจคเตอร์ด้วยกันบนโซฟาในห้องทำงานก่อนเธอจะท้อง แยนนี่ไม่เคยคุ้นชินกับการนอนดึกมาก่อนแต่พอเธอตั้งครรภ์ขึ้นมา เธอกลับตาสว่างยามดึกด้วยความเบื่อหน่าย เช่นเดียวกันกับเชนน์พักนี้กว่าเธอจะพาตัวเองไปนอนบนเตียงได้ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้วและหลับยาวจนเลยรุ่งสาง เชนน์ถึงกับต้องปรึกษาหมอเบนว่ากิจวัตรการนอนแบบนี้ของเธอจะส่งผลต่อการตั้งครรภ์หรือไม่หมอเบนยืนยันอีกครั้งว่าสิ่งสำคัญกว่าคืออารมณ์ที่ผ่อนคลายแจ่มใส เขาพูดเสริมอีกว่าคงไม่มีปัญหาอะไรตราบใดที่แยนนี่พักผ่อนเพียงพอและไม่รู้สึกอ่อนเพลียสามเดือนก่อนที่แยนนี่จะตั้งท้อง เชนน์วิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อเช็คดูท้องของเธอชายหนุ่มแค่อยากจะแน่ใจว่าเขายังได้ยินเสียงลมหายใจสมํ่าเสมอของเธอขณะที่เฝ้าดูเธอหลั