ความหวังดีของฉินชูที่จะช่วยเหลือคน ๆ หนึ่ง โดยที่คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่เธอช่วยนั่นคือหมาป่า อยากจะหนีไปให้พ้นจากแผนการของพ่อแม่บุญธรรมที่บังคับให้เธอแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยแทนที่เพื่อนสนิท หลังจากแต่งงาน เธอก็ได้พบกับสิ่งที่มันเกินความคาดหมาย เพราะสามีที่เพิ่งจะแต่งงานด้วยก็คือเขา... ตระกูลนี้มันช่างอันตรายเกินไปแล้ว! แต่เมื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาได้ครึ่งทางก็เกิดตั้งครรภ์? แถมสามีผู้ร่ำรวยยังถูกไล่ฆ่าอย่างไม่หยุดหย่อน เดิมทีเคยคิดว่าการมีชีวิตอยู่มันแย่กว่าการตายไปเสียอีก ใครจะไปคิดว่าในตอนจบ หมาป่าจะพาเราขึ้นสวรรค์? นักข่าวถาม: “คุณชายฉู่ คุณไม่ได้บอกว่านี่คือของเลียนแบบหรอกเหรอ?” ฉู่หลินเฉินกอดฉินชูเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา “เหลวไหล! สิ่งที่ฉันต้องการตั้งแต่แรกมีเพียงแค่ฉินซู!”
View Moreเมื่อได้ยินชื่อนี้ ใบหน้าของฉินซูก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป “เขามาทำไม?” จางอี้เฟยรู้สึกว่าฉินซูอาจเข้าใจผิด จึงตอบกลับทันที “ขอให้ฉันรักษาเขา” เมื่อฉินซูได้ยินแบบนี้ หัวใจที่เพิ่งพองโตก็ดิ่งลงอีกครั้ง เธอคิดว่าเขากำลังมาหาเธอ และเกือบจะคิดว่าเธอถูกจับได้แล้ว ฉินซูถามว่า “เขามารักษาโรคอะไร?” “อาการป่วยของเขาคล้ายกับหานโม่หยาง เขาอาจจะได้ยินรื่องผลการรักษาของหานโม่หยางที่รักษากับฉัน ดังนั้นเขาจึงตั้งใจมาที่นี่เป็นพิเศษ แต่ฉันไม่ได้ตอบตกลง ฉันอยากจะถามความเห็นเธอก่อน…” “รักษาเลย!” ฉินซูพูดโดยแทบไม่ต้องคิดว่า “ทำไมนายไม่ตอบรับเล่า?” จางอี้เฟยรู้สึกมึนงงเล็กน้อยและพูดอย่างลำบากใจว่า “ฉันทำไปเพราะว่านึกถึงที่เธอยังไม่หายเกลียดฉู่หลินเฉินไง ยิ่งกว่านั้น...พูดตามตรง ฉันเพิ่งเรียนรู้จากเธอได้นิดหน่อยเอง ฉันไม่มั่นใจในโรคพวกนี้จริง ๆ ” ฉินซูเงียบและจมอยู่กับความคิด จางอี้เฟยไม่ได้ยินเสียงของเธอสักพัก จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า “ฉินซู เธอคิดว่าฉันควรรักษาเขาไหม?” “ควร” ฉินซูให้คำตอบสั้น ๆ และชัดเจน ในขณะนี้ เธอสงบลงและคิดวิธีแก้ปัญหาได้ “อี้เฟย
“ครับ” เว่ยเหอรู้ว่านายน้อยของเขากลัวจะทำให้พวกเธอผิดหวัง ในเมื่อเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งเกินไป ตอนนี้คุณท่านก้าวไปไกลกว่านั้นและใช้ “การบำบัด” ที่แปลกประหลาดบางอย่าง ตัวอย่างเช่น ท่านยืนกรานที่จะฟังนักเล่นแร่แปรธาตุ และขอให้นายน้อยซื้อไม้กฤษณาหนึ่งชิ้นกลับมา เว่ยเหอเข้าคลินิก ส่วนฉู่หลินเฉินกำลังรออยู่ในรถ เขามองไปยังวิวถนนที่อยู่ห่างไกลผ่านแว่นกันแดดอย่างใจลอย ในเวลานี้ แม่และลูกชายคู่หนึ่งบังเอิญเดินผ่านเขา คนตัวใหญ่ใหญ่และคนตัวเล็กเดินออกมาจากทางคลินิก และกำลังเดินจากไปไกล ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างผอมบางหุ่นดี และเดินอย่างมั่นคง เธอมัดผมสั้นประบ่าห้อยไว้ด้านหลังศีรษะแบบสบาย ๆ พร้อมสะพายกระเป๋าสีขาวเรียบง่ายธรรมดา โดยไม่มีการตกแต่งเพิ่มเติม ทว่าเด็กน้อยที่เธอจูงอยู่นั้นกำลังสะพายกระเป๋าเป้สีดำ สวมกางเกงขาสั้นสีขาวและเสื้อสีแดง แขนและขาเล็ก ๆ แกว่งไปมาเวลาเดิน แต่เร็วมาก แสดงให้เห็นถึงความใสซื่อไร้เดียงสาของเด็ก ท่ามกลางกิ่งก้านและใบที่หนาแน่นของต้นมะเดื่อ แสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังแม่และลูก ภาพนี้ดูอบอุ่นและสวยงามมาก สายตาของฉู่หลินเฉินเอาแต่มองสองแม่ลูกชายคู่นั้น
หวังอี้หลินเห็นปฏิกิริยาของฉู่หลินเฉิน และดวงตาของเธอก็มืดลงอย่างช่วยไม่ได้ เธอมองส่งเขาขึ้นรถแล้วขับออกไป ในที่สุดใบหน้าของเธอก็เย็นชาลง พร้อมแอบกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ สามปี เวลาผ่านไปถึงสามปีแล้ว... ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแท้งกะทันหันเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนี้เธอคงจะแต่งงานกับฉู่หลินเฉิน และกลายเป็นคุณนายฉู่ไปแล้ว! ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากเก็บลูกไว้ แต่เธอก็วางแผนที่จะกำจัดเด็กทิ้งหลังจากงานแต่งงานเสร็จสิ้น กลับไม่คิดถึงว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นก่อนงานแต่งงาน! เพื่อไม่ให้คนอื่นเกิดความสงสัย เธอจึงต้องแสร้งทำเป็นคร่ำครวญที่สูญเสียลูกชายสุดที่รัก และเลื่อนงานแต่งงานออกไปชั่วคราว คาดไม่ถึงว่า ต่อมาฉู่หลินเฉินตรวจพบว่าร่างกายของเขาเกิดความผิดปกติ และงานแต่งงานก็ถูกเลื่อนออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า และสามปีผ่านไปในพริบตา หากสถานการณ์ของฉู่หลินเฉินไม่ดีขึ้น ไม่รู้จะล่าช้าไปอีกนานแค่ไหน สิ่งที่หวังอี้หลินใส่ใจมากที่สุดคือ ถ้าเขารักษาไม่หาย เธอจะยังแต่งงานกับเขาไหม? ด้วยอาชีพการงานของหวังอี้หลินกำลังเป็นที่นิยม เธอเป็นนางฟ้าระดับชาติ และเป็นราชินีอันดับต้น ๆ แม้ว่าเธอจะไม่แต่งงานกับฉู่
ฉู่หลินเฉินหันหลังกลับและกลับเข้าไปในห้อง ผู้จัดการที่ดูแลบ้านประมูลกล่าวกับเขาว่า “คุณชายฉู่ คุณถังสบายดีแล้ว คุณต้องการดำเนินธุรกรรมสำหรับชิ้นไม้กฤษณาที่คุณประมูลไหมครับ?” ฉู่หลินเฉินพยักหน้า และเมื่ออีกฝ่ายส่งสัญญาณ เขาจึงพาหวังอี้หลินออกไป แต่เมื่อเขาเดินไปที่ประตู เขาก็มองกลับไปโดยไม่รู้ตัว พร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และจากไปด้วยสีหน้าปกติ หลังจากที่ทุกคนในห้องออกไปแล้ว ฉินซูก็ค่อย ๆ เดินออกไป เสี่ยงอะไรอย่างนี้ เธอเกือบโดนจับได้แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและกำหมัดแน่นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่มีโอกาสได้พูดคุยส่วนตัวกับฉู่หลินเฉินแล้ว เธอจึงได้แต่หาโอกาสอื่นเท่านั้น ฉินซูรีบออกจากห้องก่อนที่จะถูกคนอื่นจับได้ หลังจากที่เธอจากไปไม่นาน พนักงานสองคนที่ฉู่หลินเฉินกำชับเป็นพิเศษก็เข้ามาในห้อง และตรวจค้นทั้งภายในและภายนอก แน่นอนว่าไม่พบอะไรเลย ระหว่างทางกลับ ฉินซูได้ทบทวนการกระทำของวันนี้ในใจ แม้ว่าแผนจะล้มเหลว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะค้นพบสิ่งที่ไม่คาดคิด เจ้าหน้าที่ประมูลเรียกหวังอี้หลินว่า "คุณหวัง" แทนที่จะเป็น "คุณนายฉู่" หร
หวังอี้หลินรู้สึกถึงสายตาอิจฉามากมายที่จ้องมองเธอ ถึงแม้ว่าจะเห็นฉากแบบนี้บ่อยจนชินตา ทว่าความหยิ่งยะโสในตัวเธอก็ยังคงทำให้เธอพึงพอใจอย่างมาก รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอสดใสขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเธอก็พบว่าชายที่อยู่ข้าง ๆ เธอมีสีหน้าแปลกไป “หลินเฉิน คุณเป็นอะไรคะ?” หวังอี้หลินถามเสียงเบา ฉู่หลินเฉินได้สติกลับมาพร้อมส่ายหัวเบา ๆ “ไม่มีอะไร” ถึงอย่างนั้น ในใจเขาก็ยังคงรู้สึกแปลก ๆ อยู่ เขาเหลือบมองไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่เห็นร่างที่น่าสงสัยใด ๆ ฉู่หลินเฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องละทิ้งความสงสัยแ ละเข้าไปในสถานที่พร้อมกับหวังอี้หลิน ในเดียวกัน ฉินซูซึ่งซ่อนตัวอยู่หลังม่านก็ยกมือขึ้นทาบหน้าอกพร้อมถอนหายใจเบา ๆ ฉู่หลินเฉินเฉียบแหลมจริง ๆ เธอเกือบจะโดนจับได้แล้ว การประมูลเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ฉินซูเฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ ในความมืด เธอตรวจสอบล่วงหน้าแล้วพบว่าวันนี้ฉู่หลินเฉินมาหาไม้กฤษณาล้ำค่า และหายากชิ้นหนึ่ง หลังจากการประมูลหลายรอบ ในที่สุดก็ถึงคราวของไม้กฤษณาที่จะออกสู่การประมูล เมื่อฉู่หลินเฉินเสนอราคา ฉินซูก็ออกจากสถานที่อย่างเงียบ ๆ และ
ในขณะเดียวกัน ฉินซูปรากฏตัวบ่อยขึ้น เพราะเธอต้องพาเสี่ยวเวยเวยไปรักษาที่คลินิกทุกวัน และในที่สุดคนของหานเหมิงก็เจอเธอจนได้ หานเหมิงต้องการยืนยันสิ่งเดียวเท่านั้น “มีเด็กอยู่กับเธอหรือเปล่า?” “มีครับ เป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณสองหรือสามขวบ” ลูกน้องตอบ หานเหมิงหรี่ตาอย่างตื่นเต้น เธอเดาไม่ผิดจริง ๆ เด็กคนนั้นเป็นลูกของฉู่หลินเฉินอย่างแน่นอน! “คุณหนูจะให้ผมพาเธอมาไหมครับ หรือส่งคนแอบติดตามเธอ?” “ไม่จำเป็น” หานเหมิงพูดโดยไม่ลังเล เธอได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา การกระทำหุนหันพลันแล่นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเท่านั้น และผลที่ได้ก็ไม่คุ้มกับการสูญเสีย ฉินซูเป็นคนรอบคอบและเฉียบคม ก่อนหน้านี้ที่เธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเพราะหานเหมิงส่งคนมาตามเธอ ดังนั้นตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะลงมือ หานเหมิงกล่าวว่า “เรียกคนที่ส่งออกไปกลับมาให้หมด ขอแค่แน่ใจว่าฉินซูและลูกชายของเธอไม่ได้ออกจากไห่เฉิง ก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องอื่นอีก” ในช่วงเวลานี้นอกจากจะพาเสี่ยวเวยเวยไปคลินิกแล้ว ฉินซูก็ยุ่งมากเช่นกัน เธอมองหาโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับฉู่หลินเฉินตลอดเวลา หากต้องการให้เข
กว่าหานเหมิงจะได้สติกลับมา เสี่ยวเวยเวยก็เดินผ่านเธอไปแล้ว เธอรีบหมุนรถเข็นและอยากจะตามเขาไป แต่เนื่องจากขาและเท้าของเธอไม่สะดวก เธอจึงทำได้แค่มองดูชายร่างเล็กเดินจากไปอย่างไร้ร่องรอย ใบหน้าของหานเหมิงมืดลง เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที และกดหมายเลข “มานี่เดี๋ยวนี้ ช่วยฉันสืบหาเด็กคนหนึ่งหน่อย...” เมื่อคนที่หานเหมิงเรียกมาถึงที่คลินิก ฉินซูและเวินหลีได้พาเสี่ยวเวยเวยกลับไปแล้ว ดังนั้นตอนที่พวกเขาค้นหาไปทั่วคลินิกจึงไม่พบร่องรอยของเขาเลย ไปสอบถามที่แผนกต้อนรับ แต่เนื่องจากจางอี้เฟยเป็นคนพาเสี่ยวเวยเวยมาเอง และมีสถานะพิเศษเขาจึงไม่ได้ลงทะเบียน หานเหมิงขมวดคิ้วเมื่อเธอได้รับรายงานจากลูกน้อง เด็กคนนั้นดูเหมือนฉู่หลินเฉินมาก! สรุปใช่ไหมนะ... หานเหมิงอดไม่ได้ที่จะคิด หลังจากนั้นไม่นาน ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรออก ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้น จากนั้นรีบออกคำสั่ง“จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบร่องรอยของฉินซู ให้รายงานทันที” “ฉินซู? คุณเจอเธอแล้วเหรอ?” หานโม่หยางซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอบังเอิญเห็นเนื้อหาในโทรศัพท์และถามอย่างสงสัย หานเหมิงเหลือบมองเขาและไม่ได้อธิบายอะไร เธอวา
ฉินซูไม่ได้ตอบจางอี้เฟย เธอมีความตั้งใจแน่วแน่อย่างมากเวลาฝังเข็ม เข็มทั้ง 12 เล่มเจาะทะลุทุกจุดฝังเข็มได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ราวกับเทพธิดาโปรยดอกไม้ หลังจากฝังเข็มแล้ว ฉินซูก็เงยหน้าขึ้นมองจางอี้เฟยและคิดอย่างจริงจัง “มีคำพูดที่ว่า...ลูกศิษย์เก่งกว่าทำให้อาจารย์อดตาย นายอย่ารีบร้อน ค่อย ๆ เรียนรู้” เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงหยอกล้อนั้นเป็นเพียงเรื่องตลก จางอี้เฟยยังร่วมมือและพูดด้วยสีหน้าเกินจริง “เฮ้อ แต่ถ้าลูกศิษย์ไม่เรียนรู้เทคนิคดี ๆ ก็จะต้องอดตายแน่นอน” ฉินซูตอบกลับอืมแล้วถามว่า “แล้วที่ฉันเพิ่งสอนไปเมื่อกี้ นายเป็นหรือยัง?” จางอี้เฟยมองลงไปที่มือของเขา เงยหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างซื่อสัตย์ว่า “ตาของฉันได้เรียนรู้แล้ว” “ไม่เป็นไร คราวหลังก็ฝึกให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามมีคนให้ลองฝีมืออยู่นี่แล้ว” ฉินซูยกคางขึ้นเพื่อส่งสัญญาณ ถ้าหากว่าหานโม่หยางรู้ว่าฉินซูจัดให้เขาเป็นหนูตะเภาของจางอี้เฟยในตอนนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร ในขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังล้อมรอบหานโม่หยางในวอร์ด เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบุรุษศาสตร์ อีกด้านหนึ่ง เวินหลีกำลังเล่นเกมไขปริศนากับเ
“ทำไมพวกเขาถึงตามหานาย?” ฉินซูไม่ค่อยเข้าใจ “หานโม่หยางก็มีโรงพยาบาลของตัวเอง แต่กลับหาคนมารักษาเขาไม่ได้เหรอ?” จางอี้เฟยหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเขาหาคนได้ เขาคงไม่ขอให้เธอช่วยรักษาเขาตั้งแต่แรก” หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็พิจารณาปัญหานี้อย่างจริงจัง “บางทีอาจเป็นเพราะวิธีการรักษาด้วยแพทย์แผนจีนของฉันคล้ายกับของเธอ เลยทำให้เขารู้สึกว่าฉันสามารถรักษาเขาได้เหมือนกันมั้ง? น่าเสียดาย แม้ว่าฉันจะเรียนรู้ทักษะการแพทย์แผนจีนจากเธอ แต่ฉันก็ไม่คุ้นเคยกับบุรุษเวชศาสตร์จริง ๆ …” ฉินซูยิ้มอย่างอดไม่ได้ หลังจากหัวเราะเสร็จแล้ว สีหน้าของเธอก็ค่อย ๆ สงบลงพร้อมแววตาที่กำลังครุ่นคิด จากนั้นเธอก็พูดกับจางอี้เฟยว่า “ถ้าอย่างนั้น นายไปบอกพวกเขาว่านายสามารถรักษาหานโม่หยางได้” “ว่าไงนะ?” จางอี้เฟยมองเธอด้วยความประหลาดใจ ฉินซูถาม “ฉันถือว่าเป็นอาจารย์ครึ่งหนึ่งของนายว่าไหม?” “แน่นอน!” ถ้าไม่ใช่เพราะคำสอนของฉินซู เขาจะเชี่ยวชาญประเด็นสำคัญของแพทย์แผนจีนและพัฒนาทักษะทางการแพทย์ของเขาอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ฉินซูยิ้มแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ในฐานะที่ฉันเป็นอาจารย์ ฉันจะช่วยนายตรวจหาข้อผิดพลาดและชดเชยข้อบกพร