"เฮ้อ! ไม่รู้ป่านนี้คุณข้าวแกงโหนรถเมล์ถึงไหนแล้วนะครับคุณแม็ค"
"พูดมากไอ้ไข่ ขับรถไป" ผมปรามมันเป็นรอบที่สามเพราะมันพูดคำนี้มาหลายรอบแล้ว จะให้ทำยังไงล่ะก็เจ้านายของมันอยากไปขึ้นรถเมล์เอง ตอนออกมาถึงปากซอยมันก็พยายามมองหาแล้วแต่หาไม่เจอ แล้วผมผิดตรงไหนวะ
"พรุ่งนี้ให้คุณข้าวมาด้วยได้ไหมครับคุณแม็ค" มันขับรถแต่ก็เหลือบมองผมที่กระจกแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนที่จะพูดออกมา
"แล้ววันนี้กูห้ามเขาเหรอ?" จบคำพูดประโยคนี้ไอ้ไข่นุ้ยก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ ส่วนผมก็นั่งเงียบ ๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยใช้เวลาสักพักผมก็มาถึงบริษัท ไม่มีใครมารอต้อนรับประธานบริษัทคนใหม่อย่างเอิกเริกหรอกเพราะผมไม่ได้บอกใคร แต่พอเดินเข้ามาในบริษัทเท่านั้นแหละแทบทุกคนก็ยืนนิ่งเป็นหินแล้วก็รีบไหว้ผม
"อ้าวท่านประธานคนใหม่ ยินดีต้อนรับครับ"
"อืม ทุกคนเป็นอะไรกัน รู้จักฉันแล้วเหรอพอเดินเข้ามาก็เงียบกันไปหมด" ผมเดินมาถึงโถงกลางเจอไอ้เชนพอดี เพื่อนข้างบ้านที่มาทำงานอยู่บริษัทของผม ไอ้แมวเฝ้าปลาย่างที่ผมไม่รู้ว่ามันแอบกินปลาย่างไปแล้วรึยัง หรือถ้ากิน...มันกินไปกี่ครั้งแล้ว
"รู้สิครับท่าน ลูกชายสุดหล่อของท่านประธานคนเก่า สาว ๆ ในบริษัทนี้กรี๊ดนายจะตายว่ะ"
"เหรอ? แล้วสาว ๆ ที่นี่เขารู้กันรึยังวะว่าฉัน...มีภรรยาแล้ว?" มันบอกผมหน้าระรื่นผมก็เลยถามมันกลับ คำที่อยากย้ำให้มันจำ ไม่ใช่จำว่าผมมีเมียแล้ว แต่จำว่าคนเป็นเมียผมเธอมีผัวแล้วต่างหาก
"...รู้แล้วสิ" หึ! มึงก็ต้องรู้ไอ้เชน รู้แล้วก็สำนึกและจำให้ขึ้นใจ
"อืม ก็ดี"
"แต่สาว ๆ ที่นี่อาจจะมีหวังเพราะท่านประธานคนใหม่กับภรรยาคนสวยไม่ได้มาทำงานพร้อมกันทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน" หน้าตามันไม่ร้ายหรอกครับแต่คำพูดวอนตีนของมันทำให้ผมอยากต่อยปากให้คว่ำตอนนี้เลย
"มึงหมายความว่าไง" แล้วที่ผมโกรธมากก็คือมันรู้ว่าผมกับข้าวแกงไม่ได้มาทำงานพร้อมกัน
"ก็..."
"กูถามว่ามึงรู้ได้ยังไง!" ผมไม่ชอบคนมาเล่นลิ้นทำหน้าตาวอนตีนใส่ผม
"ฮ่า ๆๆ ใจเย็นสิครับท่านประธาน ใคร ๆ ก็เห็นว่าท่านประธานเดินลงจากรถมาคนเดียวแต่ข้าวแกงขึ้นไปข้างบนได้สักพักแล้ว แบบนี้ใครจะไม่รู้ครับท่านประธาน" ผมกับมันรู้จักเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กมันเป็นเพื่อนที่ดีนะครับ แต่เหี้ยเรื่องเดียวก็คือเรื่องผู้หญิงคนนั้น เเล้วก็เหี้ยใส่ผมแบบไม่ลดราวาศอกซะด้วย
"จะมาพร้อมกันรึเปล่ามันเรื่องของกูกับเมียกูไอ้เชน แล้วก็ไม่ต้องมีใครหวังหรอกดับฝันไปได้เลยเพราะกูกับเมียกูไม่เลิกกันอยู่แล้ว" ผมขยับไปพูดใกล้ ๆ มัน แต่ผมก็รู้ดีว่าถ้าเป็นข้าวแกงมันไม่แคร์หรอก
"สามีที่หายไปแปดปีกับพี่ชายแสนดีอย่างฉัน นายว่าผู้หญิงเขาอยู่กับใครแล้วสบายใจที่สุดเหรอแม็ค"
"ไอ้เชน!"
"อืม ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับท่านประธาน เดี๋ยวผมต้องไปประชุมย่อยกับลูกทีมต่อพอดีมีผู้ช่วยคนสวยขึ้นไปรอแล้วหนึ่งคน" มันยิ้มให้ผมแล้วก็ก้มหัวให้ก่อนที่จะเดินไป สาบานว่าถ้าไม่ได้อยู่ในบริษัทไอ้เหี้ยเชนเละคาตีนผมแน่
"ผู้ช่วยเหรอ?" ผมสงสัยคำพูดกำกวมเมื่อกี้แต่ต้องเก็บสิ่งที่สงสัยเอาไว้เพราะแค่แป๊บเดียวก็มีพวกพนักงานกับผู้บริหารรีบมาต้อนรับ เวลานี้ผมก็เลยต้องทำความรู้จักกับฝ่ายบริหารแล้วก็อะไรอีกเยอะแยะมากมายจนเวลาผ่านไปเกือบถึงตอนพักเที่ยงถึงได้มีเวลามานั่งอ่านเอกสารในห้องทำงาน
"คุณรดา"
"คะท่านประธาน"
"ข้าวแกงอยู่ที่ไหน ตั้งแต่มาถึงผมยังไม่เจอเลย" ผมก้มหน้าอ่านเอกสารที่คุณรดาเอามาให้พร้อมกับถามหาผู้หญิงคนนั้นที่หายหัวไป ไม่รู้รึไงว่าผัวตัวเองเข้าบริษัทจะเรียกร้องความสนใจไปถึงไหน
"น้องข้าวน่าจะยังทำงานอยู่ที่แผนกค่ะท่านประธาน จะให้รดาเรียกน้องข้าวให้มาพบตอนนี้เลยไหมคะ จะถึงเวลาทานมื้อเที่ยงพอดี" พอเห็นผมถามหาข้าวแกง เลขารู้ใจของคุณแม่ก็ยิ้มแก้มปริทำหน้าเขินอายขึ้นมาทันที
"แผนก? ผมนึกว่าทำงานกับคุณแม่ไม่ใช่เหรอ แล้วก็เรียกชื่อผมอย่างที่เคยเรียกก็พอไม่ต้องเรียกท่านประธานหรอก ผมไม่ชิน"
"ค่ะท่าน เอ้ย! ค่ะคุณแม็ค คือตั้งแต่เรียนจบท่านประธานก็ให้น้องข้าวเรียนรู้งานหลาย ๆ อย่างในบริษัทค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนรู้เรื่องการตลาดค่ะคุณแม็ค"
"การตลาด?"
"ค่ะคุณแม็ค ท่านประธานท่านอยากให้น้องข้าวได้ฝึกงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแต่ละแผนกก่อนน่ะค่ะแล้วค่อยมาช่วยงานที่ฝ่ายบริหารเต็มตัว"
"ทุกแผนกเหรอครับ ทำไมคุณแม่ต้องให้ทำแบบนั้น"
"ท่านอยากให้รู้ระบบการทำงานของทุกแผนกค่ะ เผื่อคุณแม็คกลับมาคุณข้าวจะได้ช่วยคุณแม็คดูแลบริษัทได้" แม่ผมท่านไม่เคยหยุดปูทางให้เราสองคนได้ใช้ชีวิตปกติเหมือนคู่แต่งงานคู่อื่นเลยจริง ๆ ทั้งที่ท่านเองก็น่าจะรู้ว่ามันคือการพยายามที่ศูนย์เปล่า
"ตามข้าวแกงมาพบผมที"
"ได้ค่ะเดี๋ยวรดาตามน้องข้าวให้ตอนนี้เลยค่ะ" พอบอกให้เรียกเท่านั้นล่ะคุณรดาก็รีบพุ่งออกไปพร้อมรอยยิ้มทันที ผมรู้ว่าผมกับข้าวแกงคือคู่จิ้นในใจเธอ ยิ่งเป็นคนสนิทของคุณแม่ด้วยไม่ว่าท่านชอบอะไรคุณรดาก็เห็นดีเห็นงามด้วยไปหมดทุกอย่าง
...ยี่สิบนาทีผ่านไป
"คุณรดาผมบอกให้คุณเรียกข้าวแกงมาพบผมไง" ผมต่อสายออกไปด้านนอกเพราะผมรอมายี่สิบนาทีแล้ว
"ค่ะ ๆ สักครู่นะคะคุณแม็ค"
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
"ครับ" คุณรดาวางสายจากผมไปไม่นานก็ต่อสายเข้ามาในห้องอีกครั้ง
"รดาตามให้แล้วค่ะคุณแม็คแต่พอดีว่าน้องข้าวเข้าประชุมด่วนกับแผนกเมื่อสิบนาทีก่อนก็เลยปลีกตัวมาไม่ได้"
"...แจ้งไปใหม่ครับคุณรดา บอกคนในแผนกนั้นว่าประธานบริษัทนี้ต้องการพบภรรยาตอนนี้และเดี๋ยวนี้ ถ้าใครยังกล้ากักตัวภรรยาผมไว้ด้วยการเรียกประชุมผมจะไล่ออกทั้งแผนก!" อีกยี่สิบนาทีจะพักเที่ยงแต่ดันเรียกประชุมเวลานี้น่ะเหรอ ไม่เนียนว่ะ
ที่จริงผมจะไม่ทำแบบนี้เลยถ้าผู้จัดการฝ่ายการตลาดไม่ใช่ไอ้เชน! อยากกินปลาย่างของกูมากใช่ไหม ที่วางไว้ให้แอบกินกันมาแปดปีไม่เบื่อกันเลยรึไงวะ!
"ค่ะคุณแม็ค"
...สิบนาทีต่อมา
แอด~
"คุณใช้สิทธิเจ้าของบริษัทมาก่อกวนการทำงานของคนอื่นแบบนี้มันสมควรเหรอคะท่านประธาน" หึ! เข้ามาก็ปากดีเหน็บแนมผมก่อนเลย
"เมื่อเช้ามายังไง"
"เรียกมาจะถามแค่นี้เหรอคะ คุณรู้ไหมว่าฉันกำลังประชุมกันอยู่"
"รู้" ผมพยักหน้ารับแล้วก็เอนหลังพิงเก้าอี้ตัวใหญ่มองเธอ
"รู้? รู้แล้วทำแบบนี้ได้ยังไงคะ คุณสะใจแต่ฉันเสียงานนะ" เสียงานหรือเสียโอกาสอาศัยงานบังหน้าพลอดรักกับชู้กันแน่
"เดี๋ยวงานพวกนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวกับเธอแล้ว จะสนใจทำไม"
"อะไรนะคะ นี่จะใช้สิทธิประธานบริษัทกลั่นแกล้งกันตั้งแต่วันแรกเลยเหรอคะ" ผมโคตรไม่ชอบเวลาที่ผู้หญิงคนนี้แข็งข้อกับผมเลย ถ้ารู้ว่าหายไปแปดปีแล้วจะปีกกล้าขาแข็งผมจะลากไปตกนรกกับผมที่อเมริกาตั้งแต่ตอนนั้น
"แกล้งตรงไหนฉันแค่จะให้เธอที่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายมาทำงานใกล้ ๆ ตัว กันคนเอาไปนินทาว่าเมียประธานบริษัทเล่นชู้สมสู่กับลูกจ้างผัวตัวเองก็แค่นั้นเอง"
"ไม่มีใครเขาความคิดต่ำตมแบบนี้หรอกค่ะ"
"เหรอ? เค้าคิดแต่เธอไม่รู้รึเปล่าข้าวแกง ใครเขาจะมาบอกเธอตรง ๆ ถ้ามันเป็นเรื่องไม่ดีของเธอเอง"
"เรียกมาแค่นี้ใช่ไหมคะ?" ข้าวแกงกรอกตามองบนทำเอือมระอาใส่ผม แต่เเล้วไงผมไม่แคร์ รับความจริงไม่ได้อยากจะทำหน้ายังไงก็ทำได้เลยตามสบาย
"คำถามแรกเธอยังไม่ตอบ"
"มาวินมอเตอร์ไซต์ค่ะ ตอบแล้วไปได้รึยังคะ"
"แน่ใจ? บริษัทกับที่บ้านห่างกันสิบกว่ากิโล เธอกล้านั่งวินมาเลยเหรอ"
"ก็รถเมล์มันอัดเป็นปลากระป๋องเดี๋ยวมาสายก็เลยนั่งวินค่ะ เหตุผลมีเท่านี้"
"เหรอ?" ผมเบ้ปากเบา ๆ แล้วก็พยักหน้ารับ คนอย่างข้างแกงน่ะเหรอจะกล้านั่งวินมอเตอร์ไซต์ แค่ซ้อนท้ายจักรยานก็กลัวล้มแล้ว
"ทำไมคะ คิดว่าฉันมากับพี่เชน?" ไอ้อาการเอียงคอถามของเธอโคตรน่าหมั่นไส้เลย
"ร้อนตัว?"
"เปล่าร้อนตัวค่ะ แต่รู้สึกว่าคุณกำลังแสดงอาการหึงจนออกนอกหน้าแล้วนะคะ เก็บอาการหน่อยก็ดีค่ะ"
"หึ! ฉันแค่กลัวคนมองว่าฉันโง่ให้ลูกน้องในบริษัทมาเป็นชู้กับเธอเท่านั้นล่ะข้าวแกง อย่าสำคัญตัว"
"ค่ะ ถ้างั้นก็ทราบแล้วนะคะว่าฉันนั่งวินมอเตอร์ไซต์มา ให้ไปได้รึยังคะท่านประธาน"
"ยัง" ผมตอบแล้วก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยุดตรงหน้าเธอ
"มีอะไรคะ" เธอเชิดหน้าถามผมที่ยืนจนแทบจะชิดกันอยู่แล้ว เห็นท่าทางแบบนี้ผมก็ยิ่งหงุดหงิด ยัยลูกแมวที่เคยกลัวผมเวลานี้เริ่มเป็นเสือที่ไม่กลัวอะไรจนผมอยากสั่งสอนให้หลาบจำบ้างว่าเวลาอยู่กับสามีต้องทำตัวยังไง
"หิว..."
"ก็ไปทานข้าวค่ะ นี่เที่ยงพอดี" ข้าวแกงเริ่มถอยหลัง สงสัยจะรู้ชะตากรรมตัวเองแล้ว
"ไม่อยากกินข้าว อยากกินอย่างอื่นมากกว่า"
#MAX END
#KWOGANG TALK
เขาต้อนฉันช้า ๆ จนสุดท้ายฉันก็จนมุมที่มุมห้อง สายตากับน้ำเสียงที่แสดงออกมาไม่ต้องเดาก็รู้ค่ะว่าเขาหมายถึงอะไร หัวแตกเมื่อคืนไม่เข็ดรึไงนะ
"อย่าคิดจะทำอะไรบ้า ๆ กับฉัน ไม่งั้นวันนี้ฉันไม่ออมแรงเหมือนเมื่อคืนแน่" เวลานี้ฉันกลัว รอดมาได้หนึ่งครั้งแต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะรอดได้ตลอดไป ฉันรู้ดีถ้าเขาคิดจะเอาจริงขึ้นมาเขาไม่ปล่อยฉันแบบเมื่อคืนหรอก คนอย่างคุณแม็คน่ะข้าวแกงคนนี้รู้จักดีกว่าใคร
"แล้วถ้า..." เขาเอามือมากักฉันไว้ทั้งสองทางแล้วก็เอียงคอพูดพร้อมกับลากเสียงยาว ๆ
"ถ้าฉันไม่ออมแรงบ้างล่ะ"
"อื้อ!" เขาพูดจบก็ก้มลงมาเอาจมูกไล้ที่แก้มฉันเบา ๆ ฉันดิ้นแล้วแต่มันไม่หลุด แถมตอนนี้ก็โดนเขากอดรัดจนขยับไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ
"ว่าไงข้าวแกง ถ้าฉันไม่ออมแรงเหมือนกันบ้างล่ะ" เสียงกระซิบข้างใบหูกับลมหายใจอุ่น ๆ ที่กำลังรดต้นคอทำให้ฉันต้องย่นคอหนี พี่รดาไปไหนทำไมไม่เข้ามาบ้างนะ
"ปล่อยค่ะ" ฉันพยายามดันอกเขาแต่มันก็ดันออกไม่ได้เพราะเขาแข็งแรงกว่า ยิ่งดันเขาก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นจนมันแนบแน่นกันทุกส่วน
"สามีกอดภรรยาไม่ได้เหรอข้าวแกง" เสียงแหบพร่าที่พร้อมจะมีอารมณ์ทุกเมื่อของเขาทำให้ฉันกลัวมากขึ้น นี่ห้องประธานบริษัท และเขาเองก็ใหญ่ที่สุดในนี้ ลองทำอะไรฉันขึ้นมาต่อให้กรี๊ดให้ตายก็คงไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย ยิ่งถ้าทุกคนคิดว่ามันเป็นเรื่องของสามีภรรยาฉันก็ยิ่งตายเหมือนลูกไก่ในกำมือนั่นแหละ
"อย่ามาเรียกแบบนี้เพราะคุณก็รู้ดีว่าเราสองคนอยากหย่ากันใจแทบขาด!"
"ก็ตอนนี้มันยังหย่าไม่ได้แล้วทำไมเราไม่กระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นล่ะ ห้าปีเลยนะเสียเวลานอนเปลี่ยวทำไม"
"คุณก็ไปหาผู้หญิงมานอนด้วยสิคะ อย่ามายุ่งกับฉัน ปล่อย!"
"จะหาทำไมในเมื่อเมียอยู่ตรงหน้ากลับมายังไม่ได้เอาเลย ขอกินในบ้านให้เบื่อก่อนแล้วเดี๋ยวฉันไปหากินข้างนอกเองไม่ต้องห่วงหรอกที่รัก" สกปรก!
"จะอ้วก!"
"อย่าหยาบคายให้มากนักข้าวแกง เธอก็รู้ว่ามันจะยั่วอารมณ์ดิบฉัน หรือว่าห่างอกผัวนานเกินไปก็เลยจำไม่ได้แล้วว่าผัวตัวเองเป็นยังไง" ยิ่งพูดก็ยิ่งขยับปากจากใบหูมาที่แก้มแล้วก็ใกล้ปากฉันเข้าไปทุกที
"ปล่อยฉันนะคะ ขอร้องค่ะคุณแม็ค"
"กลัวเหรอ~" ตอนนี้ปากเขาหยุดที่มุมปากฉันแล้ว และตัวฉันเองก็กำลังสั่นเพราะอะไรบางอย่างที่ดันหน้าท้องฉันอยู่
"อย่าทำกับฉันแบบนี้เลยนะคะฉันขอร้อง"
จุ๊บ~
เขาจูบลงที่มุมปากแล้วก็เอาลิ้นมาเลียริมฝีปากฉันช้า ๆ ถึงจะเม้มปากไว้แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ เขายังทำต่ออยู่ดี
"สะใจไหมคะที่ทำแบบนี้กับฉัน อยากทำอะไรน่าเกลียดแบบนี้ตอนไหนเมื่อไหร่ก็ทำตามอำเภอใจ" พอเขาผละออกฉันก็รีบถามคำถามที่มันอึดอัดอยู่ในใจ
"น่าเกลียด? หึ ๆๆ เราเป็นอะไรกันลืมไปแล้วเหรอข้าวแกง ฉันทำแค่ตอนที่เราอยู่กันสองต่อสองไม่ได้ทำตอนมีคนอื่นอยู่ด้วยสักหน่อย แล้วผัวเมียจะเอากันมันน่าเกลียดตรงไหน หรือใครเกิดมาแล้วมันไม่มีอะไรกับผัวเมียของตัวเอง" นี่เขาไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร
"ถ้างั้นก็เอาเลยค่ะ อยากสมสู่ไม่เลือกที่ตรงไหนก็ทำ"
"หึ ๆๆ อนุญาตเองนะครับคุณภรรยา" ฉันไม่น่าลืมเลยว่าคนอย่างเขาประชดให้ตายก็ไม่สะเทือน เพราะทันทีที่เขาหัวเราะพอใจออกมาเขาก็จูบปิดปากฉันทันที
"อืม~" เขาสอดลิ้นเข้ามาในปากฉัน เขาไม่ได้มีอะไรน่าขยะแขยงเลยสักนิด หล่อ ดูดีไปหมดทุกส่วน แต่สำหรับคนที่มีความรู้สึกอะไรบางอย่างต่อกันมาหลายปีการทำแบบนี้มันน่าขยะแขยงสิ้นดี
เขาจูบฉันไม่หยุดมันรุนเเรงแล้วก็เต็มไปด้วยความเร่าร้อน แต่มันไม่ได้ทำให้มีอารมณ์เพราะเมื่อก่อนฉันก็โดนแบบนี้ สัมผัสแบบนี้ไม่ต่างกันจากเมื่อก่อนหรอกเขาเก่งปลุกเร้าอารมณ์ ทำอีกคนจะตายเพราะการเล้าโลมของเขาได้แต่สุดท้ายมันจะเจ็บปวดทรมานเพราะมันไม่มีความอ่อนโยน
จากจูบเขาก็เริ่มทำอะไรที่มันมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการสอดมือเข้ามาในเสื้อของฉัน เขาลูบเอวช้า ๆ จนมาถึงขอบเสื้อชั้นในก็เอามือดันมันไปกองด้านบนแล้วจับหน้าอกฉันบีบขย้ำแบบหนักหน่วง
เขาทำรุนแรงมาก ยิ่งได้บีบหน้าอกฉันเขาก็ยิ่งจูบรุนแรงจาบจ้วงมากขึ้น มันทำให้ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองจนสุดท้ายน้ำตาที่ไม่เคยอยากให้เขาเห็นมันก็ไหลออกมาช้า ๆ
จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ!
"อืม~" เสียงเขาครางในลำคอยังดังออกมาเป็นระยะ ฉันเจ็บปากเจ็บหน้าอกไปหมดแล้ว แต่มันก็ไม่พอกับความต้องการของเขา มันคงยังสะใจไม่พอ
"อืม~ หวาน~" เขาผละปากออกแต่ฉันรู้สึกว่าปากฉันมันบวมแล้วล่ะ จากนั้นเขาก็เบียดตัวตนของเขาเข้ามาจนดันฉันให้ติดผนังห้องแล้วก็เริ่มไล้ปากกับจมูกตามแก้มของฉัน
"อืม~ ร้องไห้?" เขาหยุดชะงักแล้วก็ถามฉันเบา ๆ โดนทำแบบนี้ให้ยืนยิ้มเหรอคะ
"...ข้าวแกง" พอเขาผละหน้าออกไปให้ห่างกันนิดหน่อยฉันเลยรีบก้มหน้า ฉันไม่อยากให้คนที่เกลียดกันเข้าไส้มาเห็นน้ำตาของฉันแล้วสมเพชหรอกนะ
"เรียกได้ยินไหม" ฉันยังก้มหน้าอยู่เหมือนเดิม จนสุดท้ายเขาก็ปล่อยมือจากหน้าอกแล้วจับที่เอวฉันไว้แทน จากนั้นเขาก็โน้มหน้าลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้ฉันเลยหลับตาเม้มปากไปพร้อมกัน แต่ฉันกลับสัมผัสได้แค่ว่าเขาเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากฉันเท่านั้น
"ข้าวแกง"
"..."
“ร้องไห้ทำไม”
“...”
"รังเกียจกันมากเหรอ...ที่พี่บ้าแบบนี้ก็เพราะพี่รักข้าวมากไม่ใช่รึไง"