แม่กด ‘เต่าตัวน้อย’ ลงไปที่ ‘แท่ง’ ของลุงชิดจนมิดไม่เห็นช่องว่าง จากนั้นแม่ก็เริ่มโยกขึ้นโยกลง ขยับซ้ายขยับขวา และมีบ้างที่แม่ทำเป็นจะถอนออกก่อนจะกดซ้ำๆ ลงไปอีก เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังผับๆ พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยทั้งของลุงชิดและของแม่ แต่คนทั้งคู่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
“โอย... พี่ชิดจ๋า... ฉันจะไม่ไหวแล้ว... ไม่ไหวแล้ว โอย... ฉันเสียว...”
“เร่งเลยจ้ะเมียจ๋า... เร่งเลย พี่ก็ไม่ไหวแล้ว เร่งเลย... โอว... เมียจ๋า...”
“พี่ชิด! โอว... โอว... กรี๊ดดดดด...”
“โอ้ว... อา... โอย...”
เสียงแม่กรีดร้องดังกว่าเคย และดูเหมือนว่าแม่จะลืมไปแล้วว่ามีหล่อนนอนอยู่อีกฟากของตัวบ้าน ส่วนลุงชิดนั้นไม่ต้องพูดถึง ร้องเสียงดังอย่างกับควายจะถูกเชือด ร่างของแม่เกร็งกระตุกเร็วๆ อยู่บนตัวของลุงชิด พร้อมร่างของลุงชิดที่ยกสะโพกบดเบียดแตงลูกเขื่องสวนเข้าแรงๆ ภาพที่เห็นทำให้หล่อนอดไม่ได้ที่จะเกร็งตามไปทั้งร่าง
จากนั้นแม่ก็ถลานอนซบลงไปบนอกของลุง แต่ก็ยังไม่วายจะบดเบียดบั้นท้ายอย่างช้าๆ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของแม่และลุงชิดที่ต่างสรรหาคำหยาบมาหยอกเอินกัน
คำที่แม่ห้ามหล่อนใช้เรียก ‘เต่าตัวน้อย’ และคำที่หล่อนรู้เองว่ามันหมายถึง ‘ไอ้ตัวเล็ก’ ของชัยนั่นเอง
หล่อนนอนนิ่งมองแม่และลุงชิด ที่ต่างพากันสวมใส่เสื้อผ้าและนอนกอดกกกันจนเสียงอีกฟากเงียบไป จึงกล้าขยับตัว แต่แล้วบางสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมก็ทำให้หล่อนต้องแตะสัมผัส
ที่ ‘เต่าตัวน้อย’ มีน้ำเหนียวๆ ไหลซึมออกมา มันไม่ใช่น้ำฉี่ เพราะหล่อนเลิกฉี่รดที่นอนก่อนจะมีประจำเดือนซะอีก น้ำอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าทุกครั้งที่ปลายนิ้วแตะสัมผัส เหมือนมีกระแสความร้อนบางอย่างพุ่งวาบจนต้องแตะซ้ำๆ ลงไป
ไม่เหมือนยามที่อาบน้ำทำความสะอาด และความร้อนวูบวาบก็ทำให้หล่อนอยากให้แตงกวาใบเขื่องของลุงชิดเข้ามาสอดแทรกดูบ้าง
หล่อนจะเจ็บอย่างที่แม่เป็นหรือเปล่า เจ็บแล้วทำไมแม่ถึงยิ้ม ทำไมแม่ถึงร้องครวญครางราวกับว่าทั้งเจ็บและ ‘เสียว’ หล่อนได้ยินแม่ร้องคำนั้นและหล่อนกำลังรู้สึก ‘เสียว’ ครั้งแรกในชีวิตใช่ไหม
.
.
จากวันนั้นหล่อนก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูแม่กับพ่อเลี้ยงทำกิจกรรมบางอย่างกันทุกค่ำคืน สิ่งที่เรียกว่า ‘ผัวเอาเมีย’ และทุกเช้าแม่จะตื่นขึ้นมาด้วยความแช่มชื่น อาหารการกินจะดีกว่าทุกมื้อ หล่อนจึงเข้าใจว่าสิ่งที่แม่เผชิญทุกค่ำคืนคงไม่ใช่ความทุกข์อย่างแน่นอน
จะเว้นก็เพียงวันที่ลุงชิดต้องไปฉายหนังเร่ตามหมู่บ้านอื่นเท่านั้น หล่อนจะไม่ได้ยินเสียงแห่งความทรมานของแม่ แต่จะกลายเป็นวันที่แม่หงุดหงิดเสียจนหล่อนเข้าหน้าไม่ติด
แต่ไม่ว่าแม่จะสดชื่นหรือหงุดหงิดก็ไม่สามารถสกัดกั้นจินตนาการของหล่อนได้ เมื่อทุกค่ำคืนที่แม่กรีดร้อง หล่อนก็อดไม่ได้ต้องลูบไล้เต่าน้อยของตัวเองไปด้วย และหล่อนก็ค้นพบว่า ต้นขาที่หนีบเข้าหากันแน่นนั้นให้ความรู้สึกระทึกไม่แพ้รสชาติจากการลูบไล้
“นี่รวย ปีนี้นังมืดมันก็จบ ม.6 แล้วนี่ จะให้มันเรียนต่อหรือเปล่าล่ะ พี่จะได้เตรียมเงินไว้ ถ้าขืนไม่เตรียม ถึงเวลามันไปเรียน จะยุ่งเอานะ” ลุงชิดถามขึ้นในวันหนึ่งขณะล้อมวงกินข้าวที่นอกชานบ้าน
“ว่าจะไม่ให้มันเรียนแล้วล่ะพี่ เรียนมากเดี๋ยวก็มีผัว จบตั้งมอหกก็พอจะหางานทำในตลาดได้แล้วล่ะ ไม่ต้องไปเรียนให้มากความ อีกปีสองปีมันคงไม่แคล้วจะเอาผัว เรียนไปก็เสียเงินเสียทองเปล่าๆ” แม่พูดกับลุงชิดโดยไม่มองหล่อนเลยสักนิด
“ได้ไงล่ะรวย เป็นเด็กผู้หญิงก็ต้องเรียนให้สูงๆ เข้าไว้ ผู้ชายมันจะได้ไม่เอาเปรียบ”
“ฉันไม่อยากรบกวนพี่ มันแพง ไหนจะค่ากินอยู่ ค่าหอ คงเอาการอยู่”
“ค่าเรียนมันจะสักเท่าไรกัน พี่ส่งได้ ไอ้ชัยพี่ยังส่งได้ ทำไมพี่จะส่งนังมืดมันอีกคนไม่ได้ล่ะ มันก็ลูกพี่เหมือนกัน เราล่ะมืดอยากเรียนหรือเปล่า”
แววตาปรานีของพ่อเลี้ยงกับน้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยถามมา ทำให้หล่อนยิ้มพร้อมพยักหน้ารับทั้งที่น้ำตายังคลอเบ้า ซึ่งเมื่อมองไปยังแม่ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน แม่ดูจะซาบซึ้งใจที่ลุงชิดเอ็นดูหล่อนไม่ต่างจากลูก
ณ เวลานั้นหล่อนรู้สึกรักลุงชิดมากกว่าพ่อที่ทิ้งไปตั้งแต่ 3 ขวบเสียอีก ทั้งรักและบูชาจนยอมทำทุกอย่างที่ลุงไหว้วาน
ถ้าลุงที่เอ็นดูหล่อนจะไม่สั่งให้หล่อน ‘ดูเอ็น’ ของลุงในเย็นวันหนึ่ง และนั่นคือจุดเปลี่ยนของชีวิตหล่อนตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ จากเด็กที่อยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติ กลับกลายเป็นเด็กที่หมกมุ่นคิดแต่อยากจะดูเอ็นของลุงทุกวี่ทุกวัน