เฉิงหว่านซินส่งมาหาเธอครั้งก่อนหลังเฉิงหว่านซินไปสั่งสอนป๋ายอีอีถึงบ้าน เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่ได้ติดต่อกับเธออีกเลยในไลน์ก็ปฏิเสธข้อความของเธอเช่นกันเวลานี้เฉิงหว่านซินส่งรูปภาพมาคาดว่าก็คงไม่ใช่เรื่องดีอะไร เฉียวสือเนี่ยนกดลบออก และใส่หมายเลขของเธอลงในบัญชีดำ[พี่สาว ขอร้องล่ะ พี่กดรับหน่อยนะ] โจวหยางอิงส่งข้อความมาอีกครั้งต้องรักษาศักดิ์ศรีของเด็กหนุ่ม เฉียวสือเนี่ยนจึงไม่ยืนกรานอีก และกดรับการโอน[พี่สาว พี่ยุ่งมากเลยเหรอ ทำไมไม่เห็นมาฝึกที่โรงยิมเลยล่ะ?] โจวหยางอิงถามหลายวันมานี้เฉียวสือเนี่ยนเอาแต่ยุ่งอยู่กับแผนธุรกิจการฝึกที่นัดไว้ล่วงหน้าก็ไม่มีเวลาจะไปเฉียวสือเนี่ยนตอบกลับ [ยุ่งอยู่กับที่ทำงานนิดหน่อยน่ะ]โจวหยางอิงก็ส่งสติ๊กเกอร์ ‘ลำบากแล้ว’ มาเป็นชุด เฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าน่าสนใจดี จึงบันทึกไว้หลายอันจากนั้นเธอก็เลื่อนดูอินสตาแกรมของโจวหยางอิงนิดหน่อยพบว่าชีวิตของเขามีความหลากหลายมาก นอกจากจะแบ่งปันการทำงานแล้ว ยิ่งมากไปกว่านั้นก็คือวงดนตรีและอีกมากมาย ดูเป็นเด็กผู้ชายที่สดใสและมองโลกในแง่ดีเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ดูเหมือนนานแล้วที่เธอไม่ได้สัมผ
โม่ซิวหย่วนยิ้มอย่างเย็นชาและชั่วร้าย “กล้าเล่นงานฉัน แม้ผิดกฎหมาย ฉันก็จะสั่งสอนให้กับพวกเธอ!”เมื่อเห็นท่าทีที่ไม่เกรงกลัวของโม่ซิวหย่วน รวมทั้งบอดี้การ์ดที่เข้ามาหาเธอ เฉียวสือเนี่ยนก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยเธอมั่นใจเกินไปหน่อย คิดว่าอาศัยการรู้ล่วงหน้าจากชาติที่แล้ว ก็จะคุยเรื่องการร่วมงานกับโม่ซิวหย่วนได้ กลับไม่เคยคิดจะตรวจสอบให้ดีว่าตัวเขาเองเป็นคนอย่างไร!ตอนนี้เขาออกอาการโมโหไม่เลือกหน้า ต้องการจะมัดเธอไว้จริง ๆ แล้วเธอยังจะหนีได้อย่างไร?ในระดับความเกลียดชังที่ฮั่วเยี่ยนฉือมีต่อเธอ อย่าว่าแต่เขาจะสนใจเธอไหม แม้เขาจะสนใจ แต่เธอก็ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณเขา!“ซ่อนเลย ดูสิว่าเธอจะไปซ่อนตัวที่ไหน!” โม่ซิวหย่วนลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาเธอชั้นสองน่าจะถูกโม่ซิวหย่วนกวาดล้างไว้หมดแล้ว ไม่มีคนเลย เธอจะตะโกนขอความช่วยเหลือก็ไร้ประโยชน์“ใครกล้าแตะต้องเธอ!”ตอนที่เฉียวสือเนี่ยนกำลังคิดว่าจะทุบขวดไวน์แล้วจ่อไปที่คอของตัวเองได้ผล หรือไม่ก็จ่อไปที่คอของโม่ซิวหย่วนจะได้ผลมากกว่ากัน ทันใดนั้นก็มีเสียงที่เย็นชาดังมาจากด้านหลังฮั่วเยี่ยนฉือ!บางทีน่าจะเป็นความเข้าใจผิดของเฉียวสือเนี่
ในดวงตาของฮั่วเยี่ยนฉือแฝงไปด้วยความห่างเหินเล็กน้อยแม้กระทั่งเขาจะยังขมวดคิ้วอีกด้วยการตอบสนองเช่นนี้ทำให้ป๋ายอีอีตกตะลึงความรู้สึกอับอายผุดขึ้นในหัวใจแต่ใบหน้าของป๋ายอีอีกลับไม่ปรากฏอะไรออกมาเลย เธอยืนตัวตรงอีกครั้ง และขอโทษอย่างอ่อนโยน“เยี่ยนฉือ ถึงอย่างไร เรื่องของวันนี้ก็เป็นความผิดของฉันเอง ไม่ว่าจะลงโทษหรือจะด่า ฉันยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง”เรื่องราวอธิบายมาถึงส่วนนี้แล้ว ป๋ายอีอีก็ถือว่ายังพอให้อภัยได้ฮั่วเยี่ยนฉือไม่ตามเอาเรื่องอีก พลางเอ่ยอย่างจริงจังและเย็นชา “เรื่องนี้จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด ให้คนไปตรวจสอบเซี่ยลี่สยงอย่างละเอียด ถ้าไม่ใช่การใส่ร้าย ก็ถอนแผนการลงทุนซะ”ป๋ายอีอีรีบเอ่ย “วางใจเถอะ ฉันส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ถ้าเขามีปัญหาจริง ๆ ไม่ต้องให้คุณบอกฉันก็ไม่กล้าร่วมงานกับเขาหรอก”สีหน้าของฮั่วเยี่ยนฉืออ่อนลงบ้างเล็กน้อย เขาคลึงระหว่างคิ้ว “ไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็ออกไปเถอะ”ป๋ายอีอีเห็นถึงความไม่สบายใจของฮั่วเยี่ยนฉือ เธอจึงเอ่ยหยั่งเชิง “เยี่ยนฉือ เห็นคุณทุกข์ใจขนาดนี้ ฉันนวดศีรษะให้คุณเสียหน่อยดีไหม?“ทุกครั้งที่พ่อฉันปวดหัวฉันก็จะช่วยนวดให้เขา และเขาก็ชมว่าฝ
“แม้ความจริงแล้วเฉียวสือเนี่ยนจะน่ารำคาญ แต่ถึงยังไงพี่ก็ยังไม่ได้หย่าเลย จะไม่ค่อยดีหรือเปล่า?“ ลู่เฉิงหนานถามฮั่วเยี่ยนฉืออารมณ์ไม่ดี ”นายมีธุระอะไรก็ว่ามา ถ้าไม่มีก็ไสหัวไป“ เลขาเอาน้ำชามาส่งพอดี ลู่เฉิงหนานจึบส่งให้เขาอย่างเอาใจ ”พี่ฮั่ว ดื่มชาให้ชุ่มคอหน่อย”ความจริงแล้วฮั่วเยี่ยนสือรู้สึกไม่ค่อยสบายที่คอ เขาจึงรับน้ำชามา “แหะแหะ พี่ฮั่ว พี่คงรู้ว่าทำไมผมถึงมาใช่ไหมล่ะ!”รอให้เลขาออกไป ลู่เฉิงหนานก็ขายความน่าสงสารขึ้นมา “ตาแก่ที่บ้านผมให้ความสำคัญกับโครงการอ่าวมาก ถ้าพี่ปฏิเสธผม หลายเดือนนี้ ไม่สิ ปีนี้ทั้งปีก็จะไม่ได้รับอิสระแล้ว จะต้องโดนเขาจับไปที่บริษัทและบังคับให้ผมเรียนรู้งานแน่เลย!“ฮั่วเยี่ยนฉือเอ่ย ”พอดีเลยหูของฉันจะได้สงบลงแล้ว““พี่ฮั่ว พี่จะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ” ลู่เฉิงหนานร้องไห้กระซิก ๆ “พี่ลืมไปแล้วเหรอตอนนั้นที่โรงเรียน พี่กับโม่ซิวหย่วนทะเลาะกัน ใครที่พุ่งเข้าไปช่วยพี่อย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น?““ถูกคนกระทืบล้มจนผิวถลอกเลือดไหล และตกใจเป็นลมไป เพราะผมเอาแต่สนใจพี่จนเกือบต่อสู้แพ้ในครั้งนั้นไง?”“…” ลู่เฉิงหนาน “แต่ความซื่อสัตย์ของผมที่มีต่อพี่น้องอันนี้พี
เมื่อได้ยินที่เขาเอ่ย เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่ได้อับอายจนกลายเป็นโทสะเหมือนแต่ก่อนแล้วแถมยังถามเขาอย่างจริงจังมาก “นายกับฮั่วเยี่ยนฉือมีความสัมพันธ์ที่สนิทกันใช่ไหม งั้นนายโน้มน้าวเขาได้ไหม?“ลู่เฉิงหนานเอ่ยอย่างเย็นชา “ฉันกับพี่ฮั่วสนิทกันอยู่แล้ว แต่ฉันจะไม่โน้มน้าวให้พี่มาชอบเธอหรอกนะ!”“ฉันจะบอกว่า โน้มน้าวให้เขาเซ็นหนังสือสัญญาหย่า”“ฉันไม่มีทาง…หา?”เดิมลู่เฉิงหนานนึกว่าเฉียวสือเนี่ยนจะขอร้องเขาต่อเสียอีก แต่สุดท้ายเธอพูดว่าอะไรนะ?“หนังสือสัญญาหย่า เธอจะบอกว่า พี่ฮั่วต้องการจะหย่ากับเธอเหรอ?”“ฉันต้องการจะหย่ากับเขา” เฉียวสือเนี่ยนแก้ไขให้ถูกต้องไปด้วย ยัดกระติกเก็บความร้อนใส่มือของลู่เฉิงหนานไปด้วยและหยิบหนังสือสัญญาหย่าออกมาจากในกระเป๋า เธอเอ่ย “ไม่ว่านายจะใช้วิธีไหน ขอแค่ทำให้เขายอมเซ็น ฉันจะรู้สึกขอบคุณนายมาก”“เธอ ฉัน...” ลู่เฉิงหนานแสดงให้เห็นว่าตัวเองตกใจจนสมองกู่ไม่กลับแล้วใครบอกเขาได้บ้างว่า นี่มันเรื่องอะไรกัน?ทำไมคนที่ต้องการจะหย่าถึงเปลี่ยนเป็นเฉียวสือเนี่ยน?แล้วทำไมเธอถึงพกหนังสือสัญญาหย่าติดตัวตลอดเวลา!เวลานี้เอง ทันใดนั้นลู่เฉิงหนานก็ได้กลิ่นหอมอันค
เฉียวสือเนี่ยนหัวเราะพลางเอ่ย “หลายปีมานี้บริษัทต่างก็ติดขัด หากไม่ได้เพราะยืมชื่อเสียงของตระกูลฮั่ว ตอนนี้สถานการณ์คาดว่าคงจะน่าอึดอัดยิ่งกว่านี้”หลังจากคุณลุงรับช่วงต่อบริษัท ก็มักใหญ่ใฝ่สูง ทั้งเอาผู้นำคนเก่าบางส่วนของเมื่อก่อนเปลี่ยนเป็นคนสนิทของตัวเอง ส่งผลให้การพัฒนาของ M•Q ไม่ดีเท่ากับปีที่ผ่าน ๆ มาโชคดีที่คุณตายังมีอำนาจอยู่บ้าง และคนจำนวนไม่น้อยก็ซื้อบัญชีของเขาหลายเปอร์เซ็นต์ จึงไม่ทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทตกต่ำอย่างรุนแรงเพียงแต่คุณตาสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง กำลังวังชาก็ตามไม่ทัน แม้จะเทศนาคุณลุงแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับได้น้อยมาก ๆ จนกระทั่งเธอกับฮั่วเยี่ยนฉือแต่งงานกันเมื่อปีก่อน คุณลุงที่อยู่ในนามดองญาติของตระกูลฮั่ว จึงเซ็นความร่วมมือบางอย่าง ธุรกิจถึงจะฝืนแต่ก็มีสภาพที่ดีขึ้น“พวกเราจะเอาแต่พึ่งตระกูลฮั่วไปตลอดไม่ได้นะคะ แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน”เฉียวสือเนี่ยนเอ่ย “ทีมผู้บริหารแม้จะใช้จ่ายเยอะ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นมืออาชีพ และสามารถหาเงินกลับมาให้พวกเราได้มากมาย แถมคุณตากับคุณลุงยิ่งหมดห่วงด้วย ไม่ดีเหรอคะ?”เฉียวตงไห่ได้ฟังถึงกับรู้สึกเกินความคาดหมายเล็กน้
ต่อมาร่างของเฉียวสือเนี่ยนก็โผเข้าสู่อ้อมแขนของฮั่วเยี่ยนฉือกลิ่นต้นสนซีดาร์อ่อน ๆ มาพร้อมกับกลิ่นกายของผู้ชายทะลุเข้าไปในจมูก มันทำให้เฉียวสือเนี่ยนสั่นสะท้านเล็กน้อย แม้ช่วงนี้เธอกับฮั่วเยี่ยนฉือจะเคยเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาแล้วหลายครั้ง และส่งผลให้เกิดการสัมผัสร่างกายอยู่บ้างแต่ถูกเขากอดอย่างเต็มวงแขนแบบนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกหน้าอกของเขาแข็งแกร่งและร้อนแผดเผา ความอบอุ่นของผิวหนังได้ส่งผ่านจากเสื้อผ้าบาง ๆ ของทั้งสองร่างกายของพวกเขาแนบชิดติดกัน แม้กระทั่งว่าเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของฮั่วเยี่ยนฉือการกอดแบบเต็มวงแขนที่ชาติก่อนโหยหา และจินตนาการไว้นับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดชาตินี้เธอก็ได้มันมาแล้วฮั่วเยี่ยนฉือก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมและการแสดงออกถึงความอ่อนแอของเฉียวสือเนี่ยนที่อยู่ในอ้อมแขนเขาได้อย่างชัดเจนเช่นกันน่าจะเป็นเพราะพิษไข้ไปขยายประสาทสัมผัสของเขา เขารู้สึกว่าเฉียวสือเนี่ยนเหมือนน้ำที่ละลายอยู่บนร่างกายของเขา การหายใจของเขาก็เปลี่ยนเป็นหนักและหอบเหนื่อยเมื่อจินตนาการถึงความอ่อนนุ่มชุ่มชื้นของเฉียวสือเนี่ยน สมองของฮั่วเยี่ยนฉือก็ร้อนขึ้น และพลิ
ป๋ายอีอีวิเคราะห์ได้อย่างถูกต้องจริง ๆไม่ว่าคนที่จับจุดอ่อนของเซี่ยลี่สยงไว้เล่น หรือว่าคนที่คิดจะใช้ประโยชน์ในครั้งนี้ ต่างก็คงไม่เอาเรื่องนี้ไปเปิดเผยให้กับคุณผู้หญิงเซี่ยหรอกถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ส่งผลดีต่อใครทั้งนั้นแต่ตอนนี้ คุณผู้หญิงเซี่ยไม่เพียงแต่รู้ข้อมูลนี้ แถมยังหาหลักฐานของเซี่ยลี่สยงได้อย่างรวดเร็วที่สุด และทำการเคลื่อนไหวที่ทำลายอย่างไม่เลือกหน้าออกมาอีกด้วยทำให้เซี่ยลี่สยงกลายเป็นตัวตลกในชั่วข้ามคืน หมิงเหมาก็เพราะเรื่องอื้อฉาวถึงได้สูญเสียโอกาสของการออกสู่ตลาดแหล่งเงินทุนไปที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ป๋อโจวก็เพราะช่วยเซี่ยลี่สยงถึงโดนคนที่รู้ความจริงกล่าวว่า“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ส่งผลดีต่อใครทั้งหมด” ฮั่วเยี่ยนฉือน้ำเสียงดูไม่แยแส “ถ้ามีคนรู้ว่าตัวเองแย่งโครงการมาไม่ได้ งั้นที่เขาจะทำได้นั่นก็คือการทำให้น้ำขุ่น”ไม่นานป๋ายอีอีก็ตอบสนองขึ้นมา “ธนาคารเพื่อการลงทุนหย่วนเจิงงั้นเหรอ?”ฮั่วเยี่ยนฉือเม้มริมฝีปากบาง และไม่ได้พูดอะไรอีกใบหน้าของป๋ายยอีอีก็ปรากฏความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย “ดูท่าเขาจะยังคงเป็นเหมือนแต่ก่อน ในเมื่อตัวเองไม่ได้ ก็จะไม่ยอมให้พวกเราสมหวัง”“เยี่ย