บทที่ 10 กลอนเดิมที่ขยับไปนิดเดียวรุ่งเช้าในตำหนักใหญ่ แสงแดดอ่อนส่องผ่านม่านแพรบาง ลูบไล้ผิวพระพักตร์ที่ยังไม่ทรงลืมเนตรฮ่องเต้พลิกพระวรกายขึ้นอย่างเชื่องช้า ก่อนสายพระเนตรจะทอดลงยังข้างเตียงจุดเดิมที่ทรงวางกลอนนั้นไว้เมื่อคืนกระดาษแผ่นบางยังอยู่ไม่มีรอยขาด ไม่มีรอยเปื้อนแต่…มันขยับไปเล็กน้อยจากแนวตรงกลายเป็นเฉียงจากขอบโต๊ะเพียงสองนิ้วน้อยเสียจนคนธรรมดาย่อมไม่สังเกตแต่ไม่ใช่สำหรับผู้เคยเป็นองค์ชายผู้ระแวดระวังทุกฝีก้าวพระเนตรทอแววครุ่นคิดทันที“มีใครมา…เมื่อคืน”พระองค์ไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกแต่พระหัตถ์กลับยกขึ้นลูบปลายกระดาษเบา ๆราวกำลังพิจารณาว่าใคร ที่เข้าถึงตัวได้เงียบงันถึงเพียงนี้ และใคร…ที่เจ็บพอจะกล้าหยิบ แต่เจ็บกว่าจึงยังวางไว้ที่เดิมอีกฟากหนึ่ง…ในตำหนักไท่หวงไท่โฮว่“เสี่ยวหลิง”น้ำเสียงเรียกนั้นราบเรียบ เย็นเสียยิ่งกว่าน้ำค้างยามรุ่งสางนางกำนัลสาววัยสิบห้าเศษที่รับใช้ใกล้ชิดรีบก้าวเข้าไปคุกเข่า“เพคะไท่หวงไท่โฮว่”“กลอนบทนั้น…เจ้ายังจำคำได้อยู่หรือไม่”“หม่อมฉันจำได้ครบทุกวรรคทุกถ้อยเพคะ”“ดี” ไท่หวงไท่โฮว่พยักหน้าช้า ๆ พระหัตถ์ลูบขอบถ้วยชา ก่อนเอ่ยต่ออย่างเยือกเย
Terakhir Diperbarui : 2025-11-20 Baca selengkapnya