หลี่เฟิ่งเซียนเดินออกไปจากห้องนานแล้ว แต่เขายังคงนั่งมองมือซ้ายของเขา เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่วันนั้นตัดสินใจหักมือข้างนั้น คิดอีกที หากเขาไม่ทำเช่นนั้นคงไม่สามารถรอดมามีความสุขเช่นนี้ได้ แต่ความสุขเช่นนี้ดีแน่แล้วหรือ เขาคิดกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นทั้งคืน บ่าวชายที่มาช่วยเขาเช็ดตัว เขาก็จำหน้าไม่ได้
หลังจากเรื่องวันนั้น หลี่เฟิ่งเซียนก็หลบหน้าเขา แต่มีหยวนหยวนส่งน้ำแกงปลาและน้ำแกงไก่มาให้เขาทุกเช้า เขาเองแม้จะเริ่มคิดถึงนางมากแต่ไม่กล้าไปหานางที่ห้อง เพราะความอับอายที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งต้องถูกจู่โจมอย่างสิ้นท่า ไร้การต่อต้าน
แม้นางจะพูดว่านางเป็นคนผิด แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่ หากวันนั้นเขาไม่ยินยอมจริงๆ นางตัวเล็กเพียงนั้นจะถึงขั้นขืนใจเขาได้หรือ เขาประเมินความต้องการของเขาผิดไป ไม่นึกว่าจะต้องการนางมากถึงขั้นขาดสติ ปล่อยให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้น
ต่อมาลู่มู่เฉินยังได้ยินพ่อบ้านพูดว่านายหญิงผู้เฒ่าร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะจู่ๆ หลี่เฟิ่งเซียนก็กลับไปเที่ยวหอเข่อซินอีกแล้ว ท่านพ่อบ้านขอให้เขาช่วยพูดกับคุณหนูใหญ่ว่าไม่ควรไปเที่ยวสถานที่เช่นนั้นอีกเพราะนางแต่งงานแล้ว
แต่เมื่อเขาเดินไปถึงหน้าเรือนของนาง กลับไม่กล้าเข้าไป ถึงแม้จะได้ยินเสียงนางเมาเอะอะโวยวายใส่หยวนหยวน พูดบ่นว่าคิดถึงเขาเพียงใด แต่นางกลับด่าตัวเองว่าเป็นคนชั่วไม่มีหน้ามาเจอเขาอีก ลู่มู่เฉินคิดทบทวนและเดินกลับห้องของตัวเอง เช่นนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ? ..
เวลาผ่านไปอีกหลายวันจนกระทั่งถึงกำหนดส่งตัวอาหงเข้าวัง คุณหนูใหญ่ในสภาพเมามายเดินออกไปรับราชโองการ หลังจากที่เหล่าขันทีกลับไปแล้ว หลี่เฟิ่งเซียนถูกท่านย่าสั่งโบยสิบที
โชคดีได้จ้าวเหลียงที่สภาพยังไม่หายดีมาช่วยรับการโบยไปทั้งหมด หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกซาบซึ้งที่เขามีน้ำใจต่อนาง เขายังคงทำตามคำสั่งของท่านพ่ออย่างเคร่งครัด แม้ว่าก่อนหน้านั้น นางจะซ้อมเขาปางตาย
เย็นนี้นางจึงตั้งใจจะนำยาไปให้จ้าวเหลียงสักหน่อย เป็นยาสมานแผลที่นางค้นเจอจากสัมภาระของลู่มู่เฉิน ตอนนางเดินเข้าไปในห้องของจ้าวเหลียง นางเห็นเขานั่งเหลาผงถ่านอยู่ พอนางเข้าไปใกล้ เขารู้สึกตัวก็รีบร้อนเก็บกระดาษที่วางไปทั่วบนโต๊ะ
“อารายยย มีอาไรต้องหลบข้า” นางยังคงเมาสุราไม่สร่าง
“เอามา!” นางสั่งเขา
สุดท้ายจ้าวเหลียงก็ต้องส่งกระดาษสองสามแผ่นนั้นให้นางดูอย่างไม่เต็มใจ ในกระดาษพวกนั้น เป็นรูปของอาหงที่ถูกวาดจากผงถ่านสีดำ บางท่วงท่านางยังใส่เสื้อผ้า บางท่วงท่านางเปลือยเปล่า แต่ทุกรูปล้วนงดงาม
หลี่เฟิ่งเซียนมองรูปพวกนั้นและหันไปมองจ้าวเหลียง เขาหลบตาไม่กล้ามองนาง เกรงว่านางจะด่าและทุบตีเขาอีก แต่นางกลับทำเพียงยื่นรูปพวกนั้นคืนให้เขา นั่งลงบนเก้าอี้ วางขวดยาสมานแผลลงบนโต๊ะ
“นี่เป็นยาของมู่เฉิน ถ้าใช้ไม่หมดก็เอาไปคืนเขา” นางบอกสั้นๆ
“เอ่อ ท่านเอามาให้ข้าหรือ..อ้อขอบคุณขอรับ” เขาไม่กล้าถามมากเพราะนางส่งสายตาอาฆาตมาเต็มที่
เขานึกว่าให้ยาเขาแล้วนางจะกลับ แต่คุณหนูใหญ่กลับยังนั่งอยู่ตรงนั้น จ้าวเหลียงไม่รู้จะทำอย่างไร จึงนั่งจ้องมองรูปที่ตัวเองวาด
“เหตุใดท่านถึงนำนางไปถวายเป็นเครื่องบรรณาการ” เขาถาม
“เพราะเป็นความต้องการของนาง” หลี่เฟิ่งเซียนตอบตามความจริง
“นางอาจไม่รอดที่นั่น นาง นางเป็นเพียง..”
“นางเป็นคนที่เข้มแข็ง และรักชีวิต นางจะหาทางเอาตัวรอดได้ แม้เจ้าหรือใครๆ อาจจะดูถูกวิธีการของนาง แต่นางจะรอดแน่ และข้า คุณหนูใหญ่จวนแม่ทัพหลี่ผู้นี้จะไม่ปล่อยให้นางตายหรอก” หลี่เฟิ่งเซียนตัดบท
“ข้า ข้า..ข้าเพียง”
“เจ้าชอบนางหรือ” หลี่เฟิ่งเซียนถาม
“ไม่ใช่เช่นนั้น ..” จ้าวเหลียงพูดไม่ออกว่าที่จริงแล้วอาหงเป็นผู้หญิงแบบที่เขาชอบ นางสวย หน้าอกใหญ่ มีตาเรียวยาว มองดูแล้วชวนยั่วยวน
“เจ้ารู้สึกอย่างไรกับนาง เพียงพูดออกมาตรงๆ ยากที่ใดกัน”
“ข้ารู้สึกว่าไม่มีทางแต่งกับสตรีที่เคยผ่านการทำงานเช่นนี้ แต่ข้ายอมรับว่าเทียบกับสตรีอื่นๆ อาหงงดงามกว่ามาก”
“เช่นนั้นก็เลิกสนใจนางเถิด ถึงเจ้าจะชอบนางจริง แต่เจ้าไม่มีวันรับนางเป็นภรรยา แม้แต่อนุเจ้าก็ไม่สามารถให้นางได้ นางแต่งกับฮ่องเต้ แม้อันตรายสารพัด ไม่มีวันได้รับความรักจากสามี
แต่ได้อิ่มท้อง ไม่ต้องร่อนเร่หลับนอนกับคนที่ข้างตรอกถนน สิ่งที่นางทำจะสร้างความเชื่อใหม่ให้ผู้คน หญิงสาวที่ต้องขายตัวทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจ จะไม่มีใครถูกคนสารเลวเช่นพวกเจ้าดูถูกอีก” หลี่เฟิ่งเซียนพูดเหตุผลทั้งหมดออกมา มันจริงแท้จนจ้าวเหลียงพูดไม่ออก
หลี่เฟิ่งเซียนเอง เมื่อมองดูจ้าวเหลียงแล้วคล้ายเข้าใจบางสิ่ง ลู่มู่เฉินไม่ยินยอมเป็นของนาง แม้ร่างกายของเขาจะตอบสนองต่อร่างกายของหญิงสาวทุกคน แต่เขาไม่เต็มใจร่วมหอกับนาง
นางจะไม่บังคับเขา นางไม่อยากกลายเป็นคนที่เขารังเกียจเช่นเดียวกับจ้าวเหลียงที่ถูกอาหงมองเมิน นางอยากให้เขารักนาง นางจะหาหนทางอื่นทำให้เขารักนางและยินยอมเป็นของนางด้วยความเต็มใจ เขาชมชอบหญิงแพศยานั่นแล้วอย่างไร เขาแต่งกับนางแล้ว อยู่ก็เป็นคนของนาง ตายก็ต้องเป็นของนาง
“เจ้าว่า หากต้องการทำให้คนผู้หนึ่งรักเราจากใจจริง ควรทำเช่นไร” หลี่เฟิ่งเซียนปรับทุกข์กับจ้าวเหลียง ผู้ที่ไม่รู้จักการถนอมคนคนที่ชอบจนสูญเสียนางไป
“ท่านถามข้า ข้าจะรู้เรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร แต่หากท่านหมายถึงท่านเขย เขารักท่านออกปานนั้น ยังต้องทำอันใดอีก” จ้าวเหลียงพูดตามที่เห็น
“เขา..เขาน่ะหรือรักข้า?!” นางตกใจรีบยืนขึ้น
“เจ้าพูดอะไร เหลวไหล” หลี่เฟิ่งเซียนต่อว่า หายเมาแทบจะในทันที
จ้าวเหลียงมองคุณหนูใหญ่ราวกับคนไม่เข้าใจสิ่งใดไปชั่วขณะ