“เฮ้ยน้องระวังตกท่อ!!!” ผู้ชายตะโกนเสียงดังห้ามใบตอง
“กรี๊ด!!!” แต่ไม่ทันแล้วเพราะขาข้างหนึ่งของใบตองได้ก้าวลงไปอยู่ในท่อระบาดน้ำหน้าตึกเรียนเรียบร้อย โคตรเจ็บได้แผลแถมเลือดออกแน่ๆ ไม่ต้องสงสัยเพราะมัวแต่ก้มหน้ามองสมุดจดคำศัพท์ที่เป็นการบ้านโดยไม่สนใจทางเดินข้างหน้า สุดท้ายเดินตกท่อจนได้จะโทษใครได้นอกจากความเซ่อของตัวเอง
“เฮ้อพี่ตะโกนบอกน้องแล้วนะ แต่เราอ่ะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดินเองว่ะ” เสียงผู้ชายคนเดิมเดินเข้ามาใกล้ใบตองพอได้ยินเสียงพี่ผู้ชายคนเดิม ใบตองก็จำต้องเงยหน้าที่มีน้ำตาไหลออกมาเพราะความเจ็บแผลขึ้นมองพี่เขา…
“น้องครับ! เฮ้ย!เราลุกไหวไหมหรือต้องให้พี่ช่วย” รุ่นพี่ผู้ชายในชุดม.ปลายยืนทำหน้ากลั้นขำมองมายังใบตอง แต่นอกจากเสียงที่ฟังดูอบอุ่นและหล่อมาก ใบหน้าหล่อๆ ของพี่เขาเหมือนพระเอกในซีรี่ย์ชื่อดังเลย คนอะไรหล่อมาก!น้องใจไม่ดีเลยเกิดมาสิบสี่ปีไม่เคยชอบผู้ชายสักครั้งในชีวิตแต่พอเห็นหน้าพี่เขาครั้งแรกมันรู้สึกใจเต้นแรงจนจะระเบิดออกมาแล้ว
“ชะช่วยดึงหนูขึ้นไปจากท่อหน่อย” แผลเผลอไม่รู้สึกเจ็บแล้ว ตอนนี้มีแต่ความตื่นเต้นและเขินอายพี่เขามากกว่า
“ได้ครับค่อยๆ ขยับนะ" พี่เขาช่วยดึงใบตองให้ออกจากท่อระบายน้ำอย่างระมัดระวังสีหน้าดูเกรงๆ
“โอ๊ยเจ็บ! ขะขาหนูมันขยับไม่ออกเลยฮึก!” เมื่อกี้เขินอายพี่หน้าหล่อที่กำลังช่วยใบตอง ตอนนี้ความเจ็บเริ่มกับมาเล่นงานเจ็บจนน้ำตาไหลอีกครั้ง ฮื่อฉันกำลังจะเรียนจบม.สองทำไมต้องมาตกท่อตายหน้าอาคารเรียนชั่งอนาถอย่างนี้ชีวิตวัยรุ่น!
“ขาน้องไม่น่าจะดึงออกมาได้ว่ะ” พี่หน้าหล่อพูดกับใบตองเสียงเครียด
“ฮื่ออออออ นะหนูจะตายเพราะตกท่อเหรอคะ” พอพี่เขาบอกว่าดึงขาใบตองออกมาจากท่อระบายน้ำไม่ได้ความกลัวพุ่งเข้ามาใส่ใจทันที นี้ใบตองจะตายแล้วเหรอแค่คิดก็กลัวแล้ว
“เฮ้ย!อย่าร้องไห้น้องไม่ต้องกลัวนะใจเย็นๆ เดี๋ยวพี่ไปเรียกลุงยามที่ป้อมหน้าประตูโรงเรียนมาช่วยไม่ต้องห่วงเดี๋ยวก็ออกมาได้ครับ” ใบตองที่สติแตกไปแล้วน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดแต่อยู่ๆ ก็รู้สึกถึงฝ่ามือหนักๆ ของพี่เขาวางแหมะลงบนหัวโยกเบาๆ เหมือนกำลังปลอบใจใบตอง หัวใจที่เต้นแรงขึ้นไปอีกทั้งกลัวทั้งเขินพี่เขา
“ฮึก!” พูดอะไรไม่ออกนอกจากสะอื้นแล้วมองตามร่างสูงในชุดมอปลายที่กำลังวิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ
บรรยากาศในโรงเรียนที่เงียบสงบเพราะว่าตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้วนักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านกันจะหมดโรงเรียนแล้ว แต่ฉันที่มัวแต่อ่านหนังสือในห้องสมุดจนบรรณารักษ์ไล่ออกมา บรรยากาศเงียบสงบวังเวงดูน่ากลัวพิกล ทั้งปวดแผลทั้งกลัวว่าพี่เขาจะไม่กลับมา…
“มาแล้วครับ โทษทีที่ทิ้งให้อยู่คนเดียวตั้งนาน พอดีลุงยามหาที่ตัดเหล็กให้อยู่ไม่ได้ใช้นานเลยลืมที่เก็บ” พี่หน้าหล่อวิ่งกลับมา ท่าจะเหนื่อยน่าดูจากเหงื่อที่ไหลออกมาเปียกเต็มเสื้อนักเรียนสีขาวของเขา ทีแรกนึกว่าจะโดนทิ้งเอาไว้คนเดียวแล้วแต่พี่เขาก็วิ่งกลับมาไม่ได้ทิ้งใบตองเอาไว้แล้วหนีกลับบ้าน
“เอาล่ะ เดี๋ยวลุงจะตัดเหล็กให้นะหนู” ลุงยามช่วยตัดเหล็กจากช่องท่อระบายน้ำให้ใบตองใช้เวลาเกือบสิบนาทีสุดท้ายก็สำเร็จ
“เฮ้อสำเร็จชักที ขอบคุณลุงยามมากนะครับ” พี่เขาถอดหายใจแล้วขอบคุณลุงยาม
“ไม่เป็นไรเด็กๆ เดี๋ยวลุงจะไปบอกอาจารย์ให้เบิกงบมาซ้อมแล้วกั้นท่อเอาไว้เผื่อมีเด็กมาเดินตกอีกแล้วจะอันตราย”
“ขอบคุณมากนะคะลุงยาม” ใบตองยกมือไหว้ขอบคุณลุงยาม
“เดินไหวไหมมาพี่ช่วย” พี่เขาเดินเข้ามาช่วยพยุงให้ฉันยืนสภาพคือก้าวขาออกเดินก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดก็จี๊ดขึ้นแล้ว แต่ก็ต้องเดินไปจนถึงหน้าโรงเรียนเพื่อเรียกวินมอเตอร์ไซค์ไปส่งบ้าน
“เอ่อ…ขอบคุณค่ะ” เกร็งจนพูดไม่ออกพี่ช่วยเอาหน้าหล่อๆ ออกไปไกลหนูได้ไหม หนูเขินจนจะเดินไม่ถูกทางแล้วเนี้ย
“แล้วเราจะกลับบ้านยังไง คนที่บ้านมารับเหรอ”
“ไม่ค่ะหนูว่าจะเรียกวินมอเตอร์ไซซ์ไปส่ง บ้านหนูอยู่ห่างจากโรงเรียนไปแค่สองซอย ปกติจะเดินกลับบ้านเองแต่วันนี้เจ็บแผลคงต้องจ้างพี่วินไปส่ง” ใบตองพยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น
“อืมครับ” จากนั้นเราสองคนก็ต่างเดินไปเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรกันต่ออีก จนเดินมาถึงป้อมยามหน้าโรงเรียนคงต้องแยกย้ายกันตรงนี้แล้ว
“เอ่อถ้าอย่างนั้น หนูขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ ขอบคุณที่พี่ช่วยหนูขึ้นมาจากท่อ…” ใบตองยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพี่เขาแล้วทำท่าจะผละออกจากแยกกลับบ้าน แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยแขนพาใบตองเดินไปข้างรั่วโรงเรียนที่มีรถบิ๊กไบค์จอดอยู่ มองไปรอบข้างไม่ได้มีแค่คันเดียวแต่มีรถบิ๊กไบค์อีกสามคันพร้อมรุ่นพี่ชุดม.ปลายอีกสามคนที่นั่งคล่อมรถคุยกันอยู่
“เชี้ยไอ้คราม มึงไปเก็บเด็กม.ต้นที่ไหนติดมือมาด้วยว่ะ ไหนมึงบอกพวกกูว่าเป็นลูกชายคนเดียวหรือป๊ามึงแอบไปมีเมียน้อยน้องสาวมึงเลยพึ่งโผล่มาด้วย” พี่ผู้ชายหน้าหล่อขาวทรงโอปป้าพูดกับพี่หน้าหล่อที่ช่วยใบตองเอาไว้ อืมเดินมาด้วยกันตั้งนานพึ่งจะรู้ว่าพี่เขาชื่อคราม
“เมียน้อยพ่องมึงสิไอ้ห่าบีม! เดี๋ยวกูถีบตกรถแม้งปากอัปมงคลป๊ากูรักกับแม่อยู่ดีๆ อย่ามาแช่งครอบครัวกู”
“ฮ่าๆ ผมแค่แซวเล่นเฉยๆ อย่าหัวร้อนสิครับเพื่อน” พี่บีมหัวเราะแล้วมองเลยมาที่ใบตองแล้วยิ้มให้
“แล้วตกลงน้องเขาเป็นใครถึงมากับมึงได้ไอ้คราม” พี่ผู้ชายอีกคนถามขึ้น พี่เขาเจาะหูเรียงมาสามรูด้วยทั้งที่ใส่ชุดม.ปลาย ของโรงเรียนเดียวกันกับใบตอง สายตาดุๆ มองมาที่ฉันจนต้องขยับถอยไปหลบด้านหลังพี่ครามด้วยความกลัวสายตาของพี่เขา
“กูก็ไม่รู้จักว่ะกร แต่เห็นน้องมันเกิดอุบัติเหตุหน้าตึก5 กูก็เลยช่วยน้องเอาไว้ แต่ขาเขาเป็นแผลมีเลือดออกด้วยน่าจะเดินกลับบ้านเองไม่ไหว กูเลยว่าจะพาน้องเขาไปส่งบ้าน บ้านอยู่ห่างจากโรงเรียนเราแค่สองซอยข้างหน้าเนี้ย” พอพี่ครามตอบเพื่อนเขาไปว่าไม่รู้จักและดูไม่คิดจะถามชื่ออะไรฉันทำเอาหน้าเหวอเลย
“เดี๋ยวนี้หัดมีน้ำใจกับเด็กแล้วเหรอวะไอ้สีคราม ปกติมึงไม่ใช่คนรักเด็กนี่หว่า” พี่ผู้ชายอีกคนที่มองมาที่ใบตองแล้วก็พูดขึ้น เขาไม่ได้ดูขี้เล่นพูดเก่งเหมือนพี่บีมแต่ก็ไม่ได้ดูดุเหมือนพี่กรแต่ก็ไม่ได้ดูเป็นมิตรเช่นกัน แต่ความหล่อก็ไม่แพ้กันทั้งกลุ่ม
“ไร้สาระว่ะไอ้ลี ว่าแต่ถามเหี้ยไรกันแต่ล่ะคำถามของพวกมึงนี่นะ น้องขึ้นรถเดี๋ยวพี่จะไปส่งที่บ้าน” พี่สีครามด่าเพื่อนของเขาแล้วก็หันมาบอกกับใบตอง
“เอ่อ…ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูไปเรียกวินที่ใต้สะพานลอยให้ไปส่งเองก็ได้ ไม่รบกวนพี่ดีกว่า” พอพูดจบใบหน้าที่เฉยชาของพี่สีครามขมวดคิ้วขึ้นทำไมต้องทำหน้าดุเหมือนพี่กรด้วยมันน่ากลัวขึ้นมาเลยนะ
“อย่าเรื่องมากขึ้นรถ ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวจะไปส่งไงว่ะ!” พอเขาขึ้นเสียงดังใส่ฉันก็ถึงกับสะดุ้ง เลยต้องพยายามก้าวขาสั้นๆ ของตัวเองขึ้นไปนั่งบนเบาะรถบิ๊กไบค์คันใหญ่สีดำที่น่าหวาดเสียวว่าจะตกจากรถเวลารถออกตัววิ่ง
">กดเข้าชั้นและกดหัวใจให้ไรท์กันด้วยนะ