ตอนที่ 3 โกรธแค้น
“หนูต่าย หนูริสา พาผู้กองไปหาที่นั่งก่อนสิลูก แล้วค่อยไปจุดธูปให้แขกเหรื่อที่มาเคารพศพ” คุณหญิงมณีพูดขึ้น ก่อนกนกรดาจะพยักหน้าตอบรับเบา ๆ “ค่ะคุณแม่” ผู้กองปริญเข้าไปหาที่นั่งสมทบกับแขกเหรื่อ ที่เริ่มทยอยกันมาหนาตามากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่กนกรดาและริสาเข้าไปนั่งจุดธูปให้กับแขกเหรื่อที่เข้ามาเคารพศพของเพื่อนรัก ชั่วครู่อาชาไนยก็เข้ามานั่งพับเพียบอยู่หน้าพระสงฆ์สี่รูป ซึ่งกำลังนั่งเพื่อที่จะเริ่มทำพิธี เขาปรายสายตาคมกริบหันมามองกนกรดาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ก่อนเธอจะรีบหลบสายตาคมกริบคู่นั้นของเขาทันที เธอถึงกับร้อน ๆ หนาว ๆ ให้กับสายตาที่มีแต่ความขุ่นเคืองที่มองมาทางเธอ “ต่าย ทำไมพี่อาชาถึงได้มองต่ายด้วยสายตาแบบนี้นะ” ริสาเริ่มตั้งข้อสังเกต เพราะเธอหันไปเจอเข้ากับสายตาคู่นั้น ที่กำลังจ้องหน้ากระต่ายเพื่อนสาวของเธอ ด้วยสายตาเหมือนคนที่โกรธแค้นชิงชัง และกนกรดาเองก็เห็นด้วยกับข้อสังเกตของเพื่อนเช่นกัน “นั่นสิ แต่ก็ช่างเขาเถอะ ต่ายว่าเราลงไปนั่งที่เก้าอี้ข้างล่างกันไกล ๆ เขาดีกว่า” ริสาพยักหน้าตอบรับเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้น และก้าวตามเพื่อนสาวไป ในขณะที่เสียงพระสวดอภิธรรมซึ่งดูเหมือนว่าจะเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาอย่างว่างเปล่า กนกรดาปล่อยจิตใจล่องลอยไปถึงกันตาเพื่อนรัก และนึกไปถึงต่อศักดิ์ผู้เป็นพี่ชายที่หลบหนีไปโดยไร้การติดต่อ เธอเองไม่สามารถที่จะติดต่อพี่ชายของตัวเองได้เลย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง แม้กระทั่งแฟนสาวของพี่ชายซึ่งเป็นเพื่อนรักของเธอเสียชีวิต ไม่รู้ว่าพี่ชายของเธอจะทราบข่าวบ้างหรือไม่ เธอเองก็ได้แต่นึกละอายใจในตอนที่คุณหญิงมณีพูดถึง และถามเกี่ยวกับพี่ชายของเธอว่าหายไปไหน เพราะแม้แต่งานศพของแฟนสาวเขาก็ไม่มาให้เห็นหน้าเลย เธอละอายใจจนแทบไม่กล้าที่จะสู้หน้าคุณหญิงมณีและครอบครัวเลยด้วยซ้ำ คงไม่แปลกที่พี่ชายของกันตาอย่างคุณอาชาไนยจะมองเธอด้วยสายตาเหมือนโกรธเคือง และไม่เป็นมิตรแบบนั้น ก่อนจะใจลอยนึกไปถึงคำพูดของเพื่อนรัก ที่เมื่อก่อนเธอมักจะพูดถึงพี่ชายของเธอให้ฟังบ่อย ๆ (พี่ชายกวางทั้งหล่อทั้งเก่ง แถมยังใจดีอีกต่างหาก พี่อาชารักกวางมากเลยนะ ถึงแม้กวางกับพี่อาชาจะอายุห่างกันมากกว่า18ปี แต่กวางสามารถปรึกษาพี่อาชาได้แทบจะทุกเรื่องเลยล่ะ แต่เสียอย่างเดียว พี่อาชาไม่เคยคบผู้หญิงคนไหนจริงจังเลยสักคน จนคุณแม่กลัวว่าพี่อาชาจะขึ้นคาน เพราะมีแต่สาว ๆ ไม่ซ้ำหน้าที่พี่อาชาควงคู่ไปวัน ๆ แต่ไม่เห็นจะบอกว่ารักใครเลยสักที นี่แหละน๊าคนหล่อ อยู่ที่ไหนก็ย่อมที่จะเนื้อหอมเป็นธรรมดา สาวน้อยสาวใหญ่ถึงได้คอยวิ่งเข้าหาไม่ขาดสาย เลยทำให้พี่ชายของกวางไม่คบใครจริงจังสักที เฮ้อ! กวางถึงอยากให้พี่อาชากับต่ายรู้จักกันไว้ไง บางทีพี่อาชาอาจจะชอบต่ายก็ได้ เพราะต่ายเพื่อนของกวางสวยขนาดนี้) กนกรดาต่างตกอยู่ในห้วงคำนึงถึงความหลัง โดยมีริสาและผู้กองปริญพี่ชายของเพื่อนนั่งประกบทั้งซ้ายและขวา ก่อนเธอจะสะดุ้งโหยงสุดตัว เมื่อผู้กองหนุ่มสุดหล่อชวนเธอพูดคุย เมื่อเห็นว่าเธอกำลังนั่งเหม่อลอย เพียงแค่สายตาคมกริบที่เขาเหลือบไปเห็นท่าที และสายตาของผู้กองหนุ่มรูปหล่อ ที่มองกนกรดาด้วยสายตาที่ดูใส่ใจ และห่วงใยเธอเกินกว่าฐานะของคำว่าพี่ชายเพื่อน มันกลับทำให้อาชาไนยรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน “ท่าทางก็เหมือนจะเรียบร้อยดี แต่ลึก ๆ แล้วคงจะนิสัยไม่ต่างกันกับไอ้พี่ชายระยำชั่วช้าของเธอสินะ ผู้หญิงอะไรหน้าด้านหน้าทน ทำตีหน้าเศร้ากลบเกลื่อน คงจะนึกว่าใครเขาจะโง่ตามผู้หญิงอย่างเธอไม่ทันล่ะสิ เพื่อนตัวเองตายทั้งทีกลับพาผู้ชายมาพรอดรักกลางงานศพ ผู้หญิงอย่างเธอมันคงไม่รู้สึกเสียใจที่เพื่อนตายจริง ๆ หรอก เธอมันคงจะเข้าข้างพี่ชายชั่วของตัวเอง โดยไม่มีทางที่จะสำนึกได้ ว่าเพื่อนรักต้องมาตายเพราะพี่ชายตัวเองเป็นต้นเหตุ!” อาชาสบถในใจอย่างขุ่นเคือง เขาช่างเกลียดใบหน้าเศร้า ๆ ของเธอนัก ช่างตีหน้าเศร้าได้เก่งเสียจริง “เป็นอะไรของมึงวะไอ้ชา ทำไมมึงถึงได้มองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาแบบนี้วะ มีอะไรหรือเปล่า?” คีตภัทรถามขึ้น เมื่อสังเกตได้ว่าเพื่อนกำลังจ้องมองเด็กผู้หญิงสาวสวยหน้าตาดีคนหนึ่ง ราวกับว่าโกรธแค้นชิงชังกันมานาน “นั่นสิวะ กูก็เห็นมึงมองเด็กนั่นอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อซะอย่างงั้น” คราวนี้เจไดเพื่อนอีกคนของอาชาได้พูดขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นพ้องต้องกันกับคีตภัทร “หึ ถ้ากูกินเลือดกินเนื้อยัยเด็กนั่นได้ กูก็จะกินไม่ให้เหลือแม้แต่โครงกระดูกเลย” อาชาสบถออกมาเบา ๆ และจ้องมองกนกรดาอย่างกับคนที่เคียดแค้นชิงชังกันมาเป็นสิบชาติ “อะไรของมึงวะ” เจได และคีตภัทรเพื่อนสนิทของอาชาได้แต่มองหน้ากันด้วยความงุนงง ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิท เพื่อนของพวกเขาถึงได้มีท่าทีแปลก ๆ แบบนี้ เมื่อแขกเหรื่อเริ่มทยอยมาร่ำลาทางเจ้าภาพ เขาเห็นว่าเด็กคนนั้นกับริสา รวมทั้งพี่ชายของริสาอย่างผู้กองปริญลุกขึ้นเดินตรงไปหาคุณหญิงมณีแม่ของเขา อาชาจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสาวเท้ายาว ๆ เข้าไปใกล้ ๆ “ช่วงนี้คงจะเหนื่อยหน่อยนะคะคุณแม่… คุณแม่เองก็อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ งานยังอยู่อีกหลายวัน เกิดทรุดลงไปอีกคนจะแย่เอา” กนกรดาพูดขึ้นด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นคุณหญิงมณีมีท่าทีที่ดูเหนื่อยล้า จนเธอเองรู้สึกเป็นห่วง “จ้ะลูก ขอบใจมากนะที่เป็นห่วงแม่ และยังมาช่วยเป็นธุระให้ตั้งหลายอย่าง ถ้าไม่มีหนูต่ายกับหนูริสามาช่วยอีกแรง แม่คงเหนื่อยมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว” “ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ พวกเราเต็มใจ อย่างน้อยก็คงจะเป็นสิ่งเดียวที่เพื่อนอย่างพวกหนูจะทำเพื่อกวางได้” “ขอบใจมากลูก แม่ขอบใจริสา และขอบใจผู้กองด้วยนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะ สากับพี่ปริญยินดีจะมาฟังพระสวดทุกคืนค่ะ” ริสาพูดขึ้นด้วยความจริงใจ ก่อนคุณหญิงมณีจะพยักหน้าเบา ๆ “งั้นพวกเราลาเลยนะครับคุณหญิง” ผู้กองปริญพูดขึ้นเพื่อกล่าวลาคุณหญิงมณี พลางยกมือขึ้นทำความเคารพอย่างสุภาพ “สวัสดีค่ะคุณแม่ ..คุณอาชา” กนกรดาพูดขึ้นด้วยความสุภาพและนอบน้อม ก่อนสายตาคมกริบของเขาจะจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและเย็นชา โดยที่ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักประโยคเช่นเดิม กนกรดารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกพี่ชายของเพื่อนสนิทกำลังเพ่งพิศ และโกรธเคืองอะไรบางอย่าง อีกทั้งยังดูเหมือนกับว่าเขาจะไม่ชอบหน้าเธอซะอย่างนั้น กนกรดาได้แต่เดินครุ่นคิดอย่างขัดข้องใจ จนกระทั่งมาถึงรถของผู้กองปริญที่จอดอยู่ ก่อนทั้งหมดจะเดินทางกลับบ้านไปพักผ่อน โดยที่ผู้กองหนุ่มกับน้องสาวขับรถมาส่งกนกรดาถึงหน้าบ้าน “ต่าย เดี๋ยวพรุ่งนี้สามารับต่ายที่บ้านเหมือนเดิมนะ จะได้มาฟังพระสวดพร้อมกัน” กระต่ายพยักหน้าตอบรับเบา ๆ ก่อนผู้กองปริญจะเอ่ยขึ้นเพื่อบอกลาเธออีกครั้ง “พี่กลับก่อนนะครับกระต่าย” “ค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะพี่ปริญ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” กนกรดากล่าวตอบพลางก้าวขาก้าวเข้าไปในบ้าน ก่อนรถยนต์คันหรูของผู้กองหนุ่มรูปหล่อจะขับเคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ “ยัยสา แกคิดยังไงกับคุณอาชาไนย” ปริญหันไปถามน้องสาวที่นั่งเบาะข้าง เมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวออกมาได้สักระยะแล้ว “อืม..สาว่าหล่อมากเลยค่ะ หล่ออย่างกับเทพบุตรจุติลงมาเกิด นี่ริสาเพิ่งได้เห็นตัวจริงชัด ๆ ก็วันนี้แหละค่ะ ปกติเห็นผ่าน ๆ ในโทรศัพท์ที่ยัยกวางเคยถ่ายไว้แล้วเอามาให้ดู ไม่คิดว่าตัวจริงพี่อาชาจะหล่อมากถึงขนาดนี้” ริสาพูดขึ้นประกอบกับใบหน้าชวนหลงใหลได้ปลื้ม ในความหล่อของพี่ชายเพื่อนสนิทอย่างสุดฤทธิ์ “เออ เวรกรรม คิดได้แค่เนี่ยะ! เรื่องอื่น ๆ มุมอื่น ๆ น่ะแกคิดเป็นกับเขาบ้างไหม” ชายหนุ่มสบถออกมาเบา ๆ พร้อมกับส่ายหัวให้กับความคิดของผู้เป็นน้องสาว “แหม..พี่ปริญก็ แก่แล้วนะคะทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ พูดราวกับว่าน้องสาวแสนสวยของตัวเองจะเป็นเหมือนท่อนไม้ผุ ๆ ไร้ความความรู้สึกนึกคิดซะได้” “ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ก็เห็นแต่มัวหลงใหลได้ปลื้มกับความหล่ออยู่นั่นแหละ” “อืม ริสาว่าพี่อาชาเขาออกจะแข็ง ๆ เข้าขั้นเย็นชาน่ะ ที่สำคัญนะพี่อาชาก็ยังมองพวกเราแปลก ๆ ยังไงชอบกล โดยเฉพาะเวลาที่มองยัยต่าย สายตาพี่อาชาดูไม่เป็นมิตรเลย ไม่รู้ว่าริสาคิดมากไปเองหรือเปล่า” “อืม พี่เองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็แปลกนะที่คนเราจะเพิ่งรู้จักกันแท้ ๆ ทำไมถึงมองกันด้วยสายตาแบบนั้นก็ไม่รู้ ว่าไหม..” “นั่นสิคะ เห็นทีแบบนี้ริสาคงจะต้องปรึกษากับยัยต่ายซะหน่อยแล้ว” ริสาเอ่ยขึ้นมาด้วยความเป็นกังวล และนึกเป็นห่วงเพื่อนสาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเธออย่างบอกไม่ถูก เมื่อกลับมาถึงเพ้นท์เฮ้าส์สุดหรู อาชาไนยพยายามที่จะสลัดความคิดที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ความขุ่นเคืองที่เขามีต่อไอ้ผู้ชายสารเลวที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวเพียงคนเดียวของเขาต้องมาเสียชีวิต มันยากเกินที่เขาจะสลัดความคิดนี้ทิ้งไปได้ มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือของกันตาขึ้นมา ก่อนจะเปิดข้อความในแอพพลิเคชันไลน์ของน้องสาวขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แชทที่เธอสนทนากันกับต่อศักดิ์แฟนหนุ่ม อาชาไนยอ่านมันซ้ำ ๆ อยู่หลายรอบจนจำได้ขึ้นใจ ~Line~ Tor : เราเลิกกันเถอะ Kanta : ทำไมคะพี่ต่อ กวางทำอะไรผิดคะ แล้วกวางกับลูกจะอยู่ยังไงคะ ถ้าไม่มีพี่ต่อ Tor : ครอบครัวกวางรวยขนาดนั้นคงไม่ปล่อยให้กวางลำบากหรอก Kanta : 15ล้านบาทมันไม่พอใช่ไหมคะ พี่ต่อต้องการอีกเท่าไหร่คะ กวางจะขอยืมพี่อาชามาให้ แค่พี่ต่อบอกมา Tor : อีก35ล้านบาท กวางหามาให้พี่ได้ไหมล่ะ ถ้าหามาให้พี่ไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่พี่จะอยู่รอให้พวกมันมาฆ่าพี่ ตอนนี้กวางก็เลี้ยงลูกไปคนเดียวก่อนแล้วกัน เขานั่งอ่านข้อความที่น้องสาวสนทนากับคนรักซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้นหลายรอบ รวมทั้งสลิปการโอนเงินมากมายหลายสิบล้านให้กับไอ้ผู้ชายระยำนั่นอีก หลอกน้องสาวเขาให้โอนเงินให้ยังไม่พอ มันยังใจดำทิ้งน้องสาวของเขาที่กำลังตั้งท้องลูกของมันอีก คนเห็นแก่ตัวอย่างมันสมควรที่จะตายแทนน้องสาวของเขาเสียด้วยซ้ำ เรื่องนี้เขาเองยังไม่กล้าที่จะพูดให้คนเป็นแม่อย่างคุณหญิงมณีได้ฟัง เพราะถ้าแม่ของเขารู้เข้าท่านคงจะรับเรื่องแบบนี้ไม่ไหวแน่นอน อาชาไนยคิดเรื่องนี้ซ้ำไปวนมาอยู่ในหัว จนกระทั่งอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ ร่างหนาล้มตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มขนาดคิงไซส์ แต่ทว่าก็ยังไม่อาจทำใจให้ละทิ้งความคิดลงได้ “ในเมื่อพี่ชายของเธอมันไม่สำนึก แม้แต่งานศพยัยกวางยังไม่เห็นแม้แต่เงาของมันมาร่วมงาน เพราะฉะนั้น..คนที่จะต้องรับผิดชอบแทนไอ้ผู้ชายระยำนั่น ก็คือเธอ กนกรดา!!”