ปากของหล่อนเสียอีกแล้ว มินตาพอจะรู้ตัวอยู่เหมือนกันแต่ทำอย่างไรได้พูดไปแล้วนี่ คำพูดไม่ใช่สิ่งของที่จับต้องได้พอตกจากปากจะได้เที่ยวลนลานมาเก็บใส่ปากดังเดิม
เห็นแววตาลุกวาบของเขาก็รู้ว่านี่คือจุดอ่อนที่เขาเปราะบางอยู่
หล่อนนั่งลงสุดปลายข้างหนึ่งของโซฟา พูดกับเขาอย่างเป็นการงาน
“ฉันคิดว่าฉันไม่ได้ผิด ไม่จำเป็นต้องมาตามเรื่องกับฉัน มีเวลาว่างมากนักหรือ
“ก็ว่าง...” เขาตอบเนิบๆ น้ำเสียงไม่ดังมากนักแต่ได้ยินกันชัดเจน สีหน้าของเขาก็ยังดูเป็นปกติ “มากพอจะมาดูว่าคุณทำอะไรที่ไหน...ไม่เลวเหมือนกันนะสำหรับบริษัทเล็กๆ”
เขากวาดตามองไปรอบๆ ดูการตกแต่งภายในสวยงาม...ด้วยสายตาเก็บรับความสวยงามของศิลปะใส่ตัวได้แบบซึมซับหมดจด
“ผมจะมาดูด้วยว่าจะมีลู่ทางดึงคุณไปทำงานกับผมบ้างไหม”
เขาพูดต่อในสีหน้าเป็นปกตินั่นแหละแต่คนฟังรู้สึกเลือดฉีดแรงไปทั้งตัว แล้วโทสะก็กรุ่นฮือกันขึ้นมาเมื่อรู้เป็นอย่างอื่น ไปไม่ได้ นอกเสียจากว่าหล่อนกำลังถูกดูหมิ่นอย่างร้ายกาจที่สุด
“เป็นงานจ๊อบพิเศษ เงินดีนะ...ถึงคุณจะดูมอมแมมไปสักนิด ไม่เป็นผู้หญิงสวยสดใส แต่ผมมักจะมีสายตาพิเศษเสมอ”
เขาหันกลับมามองหล่อนตรงๆ แววตาของเขาทำให้มินตาร้อ