** เรื่องนี้ไม่มีการร่วมประเวณีระหว่างสายเลือดเดียวกัน ผู้ชายคู่รักทุกคนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับนางเอก**
“อ๊า! ... เอ็ดเวิร์ด อย่าค่ะ หยุด… เรา… อา… ทำอย่างนี้ไม่ได้… อืมมมม” ฉันหอบหายใจเมื่อลิ้นของคุณอาเลี้ยงทะลวงผ่านเข้ามาในช่องปาก หมุนวนกับลิ้นของฉันพลางดูดเบา ๆ ด้วยความหลงใหล
“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเวลาอยู่ที่ทำงานให้เรียกอาว่า ‘ศาสตราจารย์’ ” เขาตอบอย่างเยาะเย้ยก่อนจะรุกเร้าริมฝีปากของฉันต่อไม่ยอมหยุด
ร่างของฉันกระตุกเกร็งด้วยความตกใจมือกำเสื้อกาวน์แล็บสีขาวของเขาไว้แน่น พยายามผละริมฝีปากออกแต่มืออันอบอุ่นและใหญ่โตของเขาดันต้นคอฉันไว้แน่น ไม่ยอมให้ฉันผินหน้าออกจากริมฝีปากที่หิวกระหาย ลิ้นหยาบตวัดไม่ยอมหยุด
“อาจะทำให้เธอมีความสุขจนลืมรสสัมผัสของลูเซียนไปเลย…” น้ำเสียงทุ้มต่ำกลั้วเสียงหัวเราะกระซิบข้างหู
“คุณอา… อย่าค่ะ” ฉันครางออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
รู้สึกว่าทั้งจิตใจและร่างกายเริ่มสูญเสียการควบคุมในขณะที่มือใหญ่ค่อยๆ สอดเข้าไปใต้เสื้อกาวน์ นวดคลึงทรวงอกนุ่ม
ความเสียวซ่านพลุ่งพล่านภายในเรือนร่างเล็กจนกลายเป็นความอบอุ่น กลีบดอกไม้ชุ่มแฉะตอบสนองรสสัมผัสของเขาจนฉันเองยังประหลาดใจ
เป็นไปได้อย่างไร…
ร่างของฉันตอบสนองเขาอย่างรวดเร็วและร้อนแรง และดูเหมือนเขาจะสัมผัสได้ เพราะเขาดันร่างของฉันไปชนกับโต๊ะทำงาน แล้วแทรกต้นขาซ้ายเข้าทาบหว่างขาของฉัน
ฉันพยายามอ้อนวอนให้เขาหยุดแต่เสียงเดียวที่ฉันเปล่งออกมาคือเสียงครวญครางที่เย้ายวนผสมกับลมหายใจสั่นกระเส่าแสดงออกถึงความสุขสม
คุณอากอบกุมอกอวบทั้งสองข้างบดขยี้ผ่านเสื้อบางอย่างหย่ามใจ
“ไม่…หยุดเถอะค่ะ…หนูไม่ไหวแล้ว…” ฉันครางกระสันเมื่อลิ้นของเขาเลียติ่งหูของฉันอย่างช้า ๆ พลางดูดเล่นจนเปียกชื้นไปทั่ว
ความรู้สึกรุนแรงมากจนฉันเบิกตากว้าง ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาที่ลุกเป็นไฟด้วยความอยากจ้องกลับมาที่ฉัน
เหมือนกันมาก…ฉันคิดในใจ ดวงตาสีเขียว ผมสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งสวย ริมฝีปากขี้เล่น ร่างกายที่ซูบผอมปะปนกับกล้ามเนื้อเล็กน้อยของเขาช่างคล้ายกับผู้ชายที่ฉันรักและแอบโหยหา …พ่อเลี้ยงของฉัน
เขาพรหมจูบฉันอีกครั้ง สอดลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปาก น้ำลายของพวกเราชื้นแฉะจนไหลออกมานอกปากทุกครั้งที่เขาเปลี่ยนมุมจูบ
สองเสียงร้องครวญครางไปพร้อม ๆ กัน ต้นขาของเขาเสียดสีเข้ากับช่องรักที่เต้นระริก
“สะโพกของคุณกำลังจะกลืนกินผมแล้ว” เอ็ดเวิร์ดแหย่
ว๊าย…ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย…ใบหน้าของฉันแดงก่ำ อายตัวเองที่เผลอไผลมีอารมณ์ร่วมไปกับนิ้วมือของเขา
ทว่าหลังจากนั้นเขาก็กระชากเปิดสาบเสื้อด้านหน้า พร้อมกับดึงเสื้อชั้นในตัวจิ๋วออกไปจนเผยให้เห็นหน้าอกที่เปลือยเปล่า
ลมเย็นจากแอร์ของห้องปฏิบัติการกระทบลงบนผิวที่เปลือยเปล่า หัวนมแข็งเป็นไตสู้ฝ่ามืออันอบอุ่นที่ลงมากอบกุมหน้าอกข้างซ้าย ในขณะที่หัวนมข้างขวาถูกปากร้อนกระตุ้นไปพร้อม ๆ กัน
“คุณอาคะ อย่าค่ะ!” น้ำเสียงครางกระเส่าจนฉันเองยังไม่คิดว่าเป็นเสียงของตัวเอง
ลิ้นร้อนของเขาไม่ยอมฟังเสียงห้ามแต่หมุนเลียหัวนมที่ตั้งชูชันอย่างรวดเร็ว เขาบีบเคล้นทรวงอกอีกข้างต่อไป ยิ่งเขาดูดหนักขึ้น ฉันยิ่งครางดังขึ้น
สะโพกของฉันพลิ้วไหวเต้นเป็นจังหวะอีกทั้งยังตอดแน่นจนฉันเจ็บหน้าท้อง เขาขยับต้นขาเสียดสีให้ฉันบรรเทาความทรมานชั่วคราว
“น้ำหวานของเธอเปียกขาอาหมดแล้ว เห็นทีคุณอาสกปรกของเธอคงทำให้เธอตื่นเต้นมากใช่ไหม” เขากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ แล้วดันนิ้วถูไถผ่านเป้าชั้นในลูกไม้ของฉัน
“แค่ดูดหน้าอก อาก็ทำเธอเสร็จแล้วเหรอ ชั้นในของเธอแฉะไปหมดแล้ว” เอ็ดเวิร์ดถามก่อนจะหัวเราะเบาๆ
ทันใดนั้นเขาก็ถกกระโปรงของฉันขึ้นมาห้อยรอบเอว พร้อมกับดึงกางเกงตัวจิ๋วลงจนสุดขา
แอร์เย็นปะทะกับโพรงดอกไม้ที่เปียกชื้นบริเวณต้นขา ทำให้ฉันรู้ว่าฉันปลดปล่อยอารมณ์ร้อนเร่าออกมามากแค่ไหน
“อย่าทำอีกเลยนะคะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า” ฉันกระซิบพร้อมกับสรรหาเหตุผลเพื่อให้เขาหยุด
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าครางเสียงดังนักสิ” ไม่พูดเปล่า เขายังคงสอดนิ้วกลางเข้าไปในร่องรักของฉันลึกและเร็วขึ้นจนฉันส่งเสียงร้องด้วยความสุขสมขึ้นมาอีกครั้ง
แขนทั้งสองข้างสั่นระริกจนแทบทรงตัวไม่อยู่ต้องเอนหลังพิงโต๊ะเพื่อพยุงตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม
เสียงเฉอะแฉะดังไปทั่วห้องทำงานของคุณอาตอนเขาขยับนิ้วเข้าออกผ่านสะโพกฉันก่อนจะหยุดนิ่งและควานสำรวจผนังด้านบนของถ้ำค้นหาจุดที่จะทำให้ฉันครางเสียงได้อย่างพึงพอใจอีกครั้ง
“ชอบให้ฉันจับตรงนี้หรือเปล่า” น้ำเสียงแหบเสน่ห์เอ่ยในขณะที่นิ้วของเขากดอยู่ที่จุดจีสปอต
ฉันรู้สึกว่าตัวเองเปียกชื้นขึ้นเรื่อย ๆ ทรมานจนฉันต้องเป็นฝ่ายส่ายสะโพกบดขยี้และตอดรัดมือของเขาอย่างหนักแน่นไปพร้อม ๆ กับเสียงครางดังลั่น
เมื่อรู้สึกว่าฉันต้องการมากกว่านี้ เขาก็ดันนิ้วอีกนิ้วเข้ามาข้างในร่างบางแล้วเริ่มกระทุ้งหนักขึ้นและเร็วขึ้นจากมุมต่างๆ
“เธอตอดนิ้วอา... อยากได้อาจนตัวสั่นแล้วเนี่ย รู้ตัวหรือเปล่า เดี๋ยวอาจะกินเธอห้หนำใจเลย” เขาครางใส่หูฉันขณะที่ใช้นิ้วหมุนวนแรงขึ้น เขาดูดหัวนมที่ตั้งชันของฉันต่อไปพลางบีบปุ่มกระสันที่บวมแข็งของฉัน ทำฉันปวดหนึบจนหยุดครางเสียงไม่ได้ นัยน์ตาพร่ามัวคล้ายกับกำลังขึ้นสวรรค์
“ตัวหนูสั่นมากรู้ไหม จะเสร็จแล้วเหรอ” เขาล้อพลางดูดดื่มหัวนมที่แข็งเป็นไตอย่างดุดัน
ฉันไม่ตอบ ในหัวสมองมัวเมาอยู่แต่กับรสสัมผัสอันเร่าร้อนที่เขามอบให้ ร่างเล็กส่ายกระเส่าไปตามสัญชาตญาณ เร่าร้อน ทรมาน
ฉันตวัดขารัดสะโพกของเขาไว้แน่นและส่ายรัวให้เข้ากับจังหวะนิ้วมือของเขา
ฉันกอดรัดรอบคอของเขาและแทรกลิ้นร้อนเข้าโพรงปากก่อนจะครางเสียงดังออกมาเมื่อถึงจุดไคลแม็กซ์
สะโพกส่ายร่อนกระแทกนิ้วมือหนา รัดต้นขาเข้ากับเอวแกร่งทำให้ร่างของเราสองคนแนบชิดจนเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน
สิ่งที่ฉันจำได้เป็นครั้งสุดท้ายคือภาพสีขาวที่ฉายวาบขึ้นมาในสมองก่อนที่น้ำหล่อเลี้ยงจะไหลทะลักออกมาเปียกชื้นไปทั่วต้นขา
“อย่าเพิ่งหลับนาตาลี…ยังไม่จบแค่นี้” เอ็ดเวิร์ดกระซิบ
ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของเขาที่ปลุกฉันจากภวังค์หรือรสสัมผัสที่ท้องน้อยของฉันตอนที่เขาจับตัวฉันขึ้นไปนั่งอยู่บนตักและสวนสะโพกด้วยแท่งร้อนที่แข็งตัวหนา
เอ็นเนื้อขนาดมหึมากระแทกเข้าภายในกลีบดอกไม้ในขณะที่เขากางขาฉันกว้างขึ้นเพื่อให้เขาแทรกตัวได้ลึกขึ้น
“เธอยังกระสันอยู่เลย ขนาดว่าขึ้นสวรรค์ไปแล้วนะ สงสัยว่านิ้วของฉันคงทำให้เธอยังไม่จุใจ” เขาครางเสียงต่ำอย่างหิวกระหาย
หลังจากนั้นเขาก็ดึงแท่งรักออกก่อนจะกระแทกเข้าอีกครั้งจนสุดก้าน
“อ้า…” ฉันร้องด้วยความทรมานแต่กลับสุขสมในเวลาเดียวกันเพราะโพรงร้อนเริ่มเกาะเกี่ยวกับเนื้อเอ็นจนกลายเป็นส่วนเติมเต็มของกันและกัน
“อย่าเกร็ง ฉันจะเริ่มขยับแล้ว อ้าขากว้าง ๆ” เอ็ดเวิร์ดออกคำสั่ง
ฉันทำตามอย่างว่าง่ายราวกับต้องมนต์สะกด ในขณะที่เขากระแทกกระทั้นสอดใส่สะโพกหนาเข้าออกอย่างรวดเร็วจนช่องรักเปียกชุ่ม
ตับ…ตับ…ตับ…
เขาขยับสะโพกเร็วขึ้น หนักขึ้น จนท่อนแกร็งเสียดสีกับช่องน้อยอันเร่าร้อน ในขณะที่ลิ้นของเขาก็ตวัดเกี่ยวอยู่ในโพรงปากจนฉันกลั้นเสียงครางอย่างสุขสม
พ่อเลี้ยง ขอโทษด้วยค่ะ แต่ทั้งหน้าและรูปร่างของเขาช่างเหมือนพ่อเลี้ยงเหลือเกิน ฉันอดไม่ได้จริง ๆ
เอ็ดเวิร์ดขยับสะโพกให้ฉันนั่งได้ถนัดขึ้น เพื่อเขาจะได้กดสะโพกของฉันได้ลึกขึ้น
เขาร่อนสะโพกเข้าออกไม่ยอมหยุด ทั้งหนักหน่วง ทั้งบ้าคลั่ง ไม่ยอมเหน็ด ยอมเหนื่อย
ฉันรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างหลอมละลายอยู่ในอ้อมกอดของเขา ยิ่งเขากระแทกแรงขึ้น ฉันก็ยิ่งใกล้สรวงสวรรค์มากขึ้น
“ฉันจะ…จะ…” ฉันจุกจนพูดไม่ออก ดันตัวเข้าใกล้สะโพกเขามากขึ้น
“ปล่อยออกมาเลย เสร็จพร้อมกัน นาตาลี อาก็จะเสร็จแล้ว” เขากระเส่าร้อง กระทุ้งท่อนแกร็งสอดใส่เข้าออกไม่ยอมหยุด
ฉันเองก็ส่ายร่อนจนเนินเนื้อเสียดสี ตอดรัดท่อนหนาจนเขาร้องออกมาก่อนเขาจะพ่นน้ำเหนียวเข้าในช่องคลอด ฉันตะโกนร้องตะกายขึ้นสวรรค์ ขานเสียงครางออกมาอย่างไม่อาย
กริ๊ง…กริ๊ง…กริ๊ง…
“เฮ้ ลูเซียน… ได้… ใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งลูกสาวนายเอง อีกไม่กี่นาที… ไม่ล่ะ ฉันคงอยู่กินข้าวกับนายไม่ได้ โอเค เจอกัน” เขาวางโทรศัพท์ลง
“ได้ยินแล้วใช่ไหม พ่อเธออยากให้เธอกลับบ้านเดี๋ยวนี้ แต่งตัวเร็วเข้า เดี๋ยวฉันไปส่งเอง ฉันไม่อยากปล่อยให้พ่อลูกที่รักกันปานจะกลืนกินต้องแยกจากกันนานเกินไป แต่งตัวเสร็จแล้วก็ลงมาที่รถนะ” เอ็ดเวิร์ดเอ่ยออกมาอย่างกวน ๆ
ฉันยังล้าจากรสรักของพวกเราอยู่เลย เขาดึงเอาดุ้นเนื้อออกจากสะโพกของฉันอย่างช้า ๆ น้ำเฉอะแฉะไหลเยิ้มตามออกมาด้วย
กลิ่นคาวจากบทรักของพวกเราฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันร่วมรักโดยไม่ใส่ถุงยาง ฉันยอมให้เขาพ่นน้ำเชื้อในตัวฉันโดยไม่ทักท้วง เขาจัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรเลย
ฉันเองก็รีบแต่งตัวอย่างร้อนรน พร้อมกับหยิบกระเป๋าถือแล้ววิ่งตามเขาออกไป
นี่ฉันทำอะไรไปเนี่ย? ทำไมฉันถึงควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันยอมสมสู่กับอาของตัวเอง ช่างน่าอาย น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง ฉันปล่อยให้อาตัวเองปล้ำฉันในห้องทำงานโดยไม่ขัดขืนเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่เดี๋ยวก่อน เขารู้ได้อย่างไร
ใจของฉันสั่นเทา ฝ่ามือเปียกชื้นขึ้นทันทีเมื่อฉันถามตัวเองว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าฉันหลงรักพ่อบุญธรรมของตัวเอง มันเป็นความลับที่ฉันไม่เคยเปิดอายเพราะมันน่าอายเกินไป เขารู้ว่าฉันหลงรักพี่ชายของเขามานาน รักต้องห้ามที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ฉันหยิบโทรศัพท์มือถือแล้วจึงเห็นข้อความของแซค ญาติผู้พี่ของฉัน
‘เป็นไงบ้าง ฝึกงานอาทิตย์แรกกับอาเอ็ดเวิร์ด คิดถึง อยากกอดเธอมากเลย คืนนี้ว่างไหม ตอบด้วยนะ…รักเธอเสมอ’
การทักท้วงจบลงทันทีเมื่อแซคจูบฉันต่อหน้าไรเนอร์ ฉันไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ การใช้เวลาร่วมกันมาหลายปีทำให้ร่างกายและจิตใจฉันไม่สามารถต้านทานแซคได้ ฉันละลายในอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขา ริมฝีปากและลิ้นร้อนๆ ยังคงหยอกเย้าในปาก ฉันเริ่มครางด้วยความพอใจเมื่อมือเขาลูบไล้สะโพกแซคปล่อยฉันในที่สุด ฉันหายใจไม่ออก รู้สึกอายในความอ่อนแอของตัวเองจนไม่กล้าสบตาไรเนอร์ ความผูกพันที่ฉันมีต่อแซคลึกซึ้งเกินกว่าใครจะเข้าใจ ฉันไม่แปลกใจเลยถ้าเรื่องระหว่างเรายังคงเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต แซคเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของฉัน“ฉันคิดถึงเธอมากเลยรู้มั้ย” แซคพูด เขากอดเอวฉันจากด้านหลังด้วยความรัก ชั่วขณะนึงฉันลืมไปว่าไรเนอร์ยังคงยืนดูพวกเราอยู่“ไรเนอร์ ฉัน…” ฉันอยากอธิบาย แม้ว่ายังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี“เสียใจด้วยนะไรเนอร์ ไม่มีใครดีพอจะมาแทนที่ผมได้ แม้แต่คุณ” แซคพูด ก่อนถอนหายใจเสียงดังใส่ไรเนอร์“คุณแซค…คุณนาตาลีไม่ใช่ของเล่นของคุณ ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้…” ไรเนอร์พูดเสียงเข้ม“นาตาลี ไม่ใช่ของเล่น ผมเคยบอกคุณไปแล้วว่านาตาลีคือรักแท้ของผม คุณบอกให้ผมปล่อยเธอ…เรื่องนั้นผมเข้าใจ แต่ถามนาตาลีก่อนว่าเธอเต็มใจปล่อยผมไปมั้ย” แซคพูดอ
ไรเนอร์กับฉันเดินออกจากห้องทันเวลาเพื่อดูการเผชิญหน้าระหว่างพี่น้อง ได้แต่คิดว่านี่เป็นจังหวะเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา ฉันยืนนิ่งโดยมีไรเนอร์ยืนอยู่ข้างๆ ระหว่างรอให้คำทักทายสั้นๆ นี้จบลง“นาตาลี!” เสียงของแซคเรียกชื่อฉันอย่างร่าเริงขัดจังหวะบรรยากาศตึงเครียด ถ้ามีผู้ชายที่ไม่เคยสนใจสถานการณ์รอบด้าน มักจะเป็นเจ้าชายแซคเสมอ“แซค” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงดีใจพร้อมโบกมือให้เขาแซคแต่งตัวราวกับเจ้าชายในชุดเป็นทางการ ส่วนมาดามฟรานเชสก้าเหมือนราชินีแก่ผู้ชั่วร้ายยืนอยู่ข้างๆ ฉันกลืนน้ำลายพลางหลบสายตา ต่างจากแซคที่ไม่เคยกลัวแม่ของตัวเองและรู้วิธีรับมือกับเธอ ฉันรู้สึกตัวเล็กและไร้ค่าเหมือนเม็ดทรายเวลาอยู่ต่อหน้าเธอ“ลูเชียน…เอ็ดเวิร์ด” มาดามฟรานเชสก้าพูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม ระหว่างทักทายน้องชาย“มาดามฟรานเชสก้า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณมาร่วมงานแต่งของผม” ลูเซียนตอบอย่างเป็นทางการ ก่อนจะโค้งคำนับเล็กน้อย เนื่องจากมาดามฟรานเชสก้ามีศักดิ์เป็นพี่คนโต ปฏิกิริยาของลูเซียนดูสมเหตุสมผลมาก ฉันรีบโค้งคำนับตามลูเซียน ขณะที่ไรเนอร์โค้งตาม“แฟรงกี้ แฟรงเกนสไตน์! พี่เป็นยังไงบ้าง” เอ็ดเวิร์ดทักทา
“ฉันทำตามที่ครอบครัวและผู้อาวุโสต้องการมาโดยตลอด แลกเปลี่ยนกับการที่พวกเขาจะดูแลให้เธอปลอดภัย วันหนึ่งฉันจะกลายเป็นผู้อาวุโสและฉันจะปกป้องเธอเอง ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไง ความปลอดภัยของเธอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ฉันรักเธอ… และจะไม่ยอมสูญเสียเธอไปเหมือนที่ฉันสูญเสียแม่ของเธอ” ลูเซียนพูดอย่างจริงจัง ฉันไม่เคยเห็นลูเซียนเป็นแบบนี้มาก่อนฉันไม่รู้จะตอบยังไง เหตุผลที่ลูเซียนแสดงท่าทีปกป้องและหวงแหนฉันมากเกินไปเป็นเพราะกลัวที่จะสูญเสียฉันไป เขาเชื่อว่าฉันอาจได้รับบาดเจ็บ…หรือแย่กว่านั้น เขาเสียสละมากมายเพื่อแม่และฉัน ทำไม…'ฉันไม่เสียใจเลย ฉันมีสิ่งคุ้มค่าแก่การปกป้อง เธอเห็นมั้ย...เราทั้งคู่มีสิ่งที่อยากจะปกป้องและเป็นคำสัญญาที่เราต้องรักษา’ คำพูดของลูเซียนย้อนกลับมาหาฉันเขาสัญญาอะไรและกับใคร?“ลูเซียน…ฉัน…” ฉันเริ่มพูด; แต่ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรกับเขาในสถานการณ์นี้“เธอต้องอยู่กับฉันต่อไป ตราบใดที่ฉันยังไม่แน่ใจว่าเธอมีความสุขและปลอดภัย ฉันจะไม่ปล่อยเธอไป” ลูเซียนพูดเสียงแข็งจนรับรู้ได้ว่าไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับการต่อรองหรือเจรจา“เธอดูสวยมาก…” ลูเซียนพูด ก่อนจูบปอยผมฉันในที่สุดวันแต่งงานก็มา
“มันไม่สำคัญหรอก …ยังไงเธอไม่กลับมาอีกแล้ว” ฉันตอบพร้อมกัดฟันแน่น“ฉันมีเรื่องอยากจะบอกเยอะมากนาตาลี เยอะจนไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนหรือจะบอกอะไรกับเธอก่อนดี เพราะเธอเจ็บปวดมามากพอแล้ว…” ลูเซียนสารภาพตามจริง ขณะมองไปทางทะเลอันมืดมิด"คุณหมายความว่ายังไง…?" ฉันถาม.ลูเซียนนั่งนิ่งคิดว่าจะเล่าให้ฉันฟังอย่างไรดี ในขณะที่ฉันแทบบ้าตาย“ลูเซียน…ได้โปรด…” ฉันอ้อนวอน พร้อมกับจับมือเขามาบีบ“มันจะทำร้ายเธอ…มากกว่าที่ทำร้ายฉันตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา” ลูเซียนพูด เขามองกลับมาที่ฉัน“ฉันพร้อมแล้ว…ช่วยบอกฉันที” ฉันพูดอย่างหนักแน่น"บางทีเธออาจจะเข้มแข็งพอแล้ว นาตาลี แม่ของเธอ…ถูกฆ่าตาย” ลูเซียนพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดแม่ของฉัน…ถูกฆ่าตาย?!เป็นไปไม่ได้ ฉันคิดระหว่างที่น้ำตาไหลอาบหน้า...“เป็นไปไม่ได้!” ฉันกรีดร้องพร้อมลุกขึ้นจากที่นั่ง“เสียใจด้วยที่ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง… ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกับเธอตอนรู้เรื่องนี้” ลูเซียนตอบเบาๆ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่“ฉันอ่านข่าวการเสียชีวิตของแม่ฉันตั้งเยอะ มันเป็นข่าวใหญ่มากในตอนนั้น...แต่ไม่มีการพูดถึงการฆาตกรรมเลย ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ” ฉันพูดจำได้ว่าฉันตั
อาหารค่ำถูกเสิร์ฟตรงระเบียงกลางแจ้ง ดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมทะเลที่มีลมพัดปะทะใบหน้าและเส้นผม บรรยากาศโรแมนติกไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ฉันนึกถึงคืนบนหอดูดาวที่เอ็ดเวิร์ดบอกความจริงเรื่องที่เขาเป็นคนช่วยฉันในป่าเมื่อหลายปีก่อน ฉันรู้สึกว่าคืนนี้ฉันอาจจะได้รู้ความจริงที่ซ่อนอยู่ซึ่งจะเปลี่ยนชีวิตฉันอีกครั้งบรรยากาศคล้ายกับมื้อค่ำที่ฉันทานกับเอ็ดเวิร์ดในครั้งนั้น รสชาติอาหารเหมือนทรายแห้งๆ บนลิ้น โชคดีที่ลูเซียนไม่อ้อมค้อม หลังจากที่สาวใช้ปล่อยให้เราอยู่ตามลำพัง ลูเซียนก็เริ่มพูดทันที“เล่าให้ฉันฟังหน่อยว่าก่อนที่ฉันจะเจอเธอกับแม่ ชีวิตเธอเป็นยังไงบ้าง…” ลูเซียนถามอย่างลังเล“ทำไมคุณถึงถามเรื่องนี้ล่ะ?ฉันคิดว่าแม่น่าจะเล่าให้คุณฟังหมดแล้ว” ฉันตอบ มันไม่ปกติที่เขาจะพูดเรื่องนี้ ถามเกี่ยวกับวัยเด็กของฉันให้ได้อะไร?“ใช่ แม่เธอเล่าแล้ว แต่ฉันอยากฟังจากปากเธอมากกว่า” ลูเซียนตอบหนักแน่น“คุณต้องการรู้อะไร…เป็นพิเศษ?” ฉันถามเขากลับ“สภาพความเป็นอยู่ของเธอสองคนเป็นยังไง?แม่ของเธอทำงานรึเปล่า เธอไปโรงเรียนแบบไหน เรื่องทั่วๆ ไป อะไรก็ได้ที่เธอนึกออก” ลูเซียนตอบ“ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงถามฉันเรื่องน
เรามาถึงบ้านพักริมทะเลซึ่งตั้งอยู่บนชายหาดส่วนตัวที่ลูเซียนเป็นเจ้าของ เราเรียกมันว่าบ้านพักแต่สุดท้ายแล้วมันก็คือคฤหาสน์ขนาดใหญ่อีกหลังหนึ่ง ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ถ้าลูเซียนไม่มีทายาท ฉันคงได้รับมรดกทั้งหมดของเขารวมถึงชายหาดส่วนตัวนี้ด้วยฉันนั่งอยู่บนผืนทรายในชุดบิกินี่สีแดง แหงนหน้ามองท้องฟ้าสีฟ้าสดใสพร้อมหรี่ตาลง ฉันควรจะสนุกกับการเดินทางครั้งนี้ แต่สิ่งเดียวที่คิดคือจะเริ่มคุยกับลูเชียนยังไงดี ทันใดนั้นทรายใต้ตัวฉันขยับระหว่างที่ลูเซียนนั่งลงข้างๆ ฉัน เรานั่งข้างกันโดยไม่พูดอะไร ยังคงมองออกไปยังทะเลด้านหน้า“ตื่นเต้นกับงานแต่งงานมั้ยคะ” ฉันล้อเล่น นึกไม่ออกว่าจะชวนคุยเรื่องอะไรดี“ใช่…แต่ด้วยเหตุผลอื่นที่เธอเดาไม่ถูก” ลูเซียนตอบพร้อมกับโอบหลังฉันและขยิบตาให้ ฉันหัวเราะเล็กน้อยเป็นคำตอบขณะเอนศีรษะซบไหล่เขา“ฉันไม่เดาดีกว่า…” ฉันตอบ ระหว่างถอนหายใจออกมาเรากลับไปมองดูทิวทัศน์รอบตัวอย่างเงียบๆ หวังว่าจะไม่ถูกแดดเผา มันคงเป็นเรื่องตลกถ้าเจ้าบ่าวผิวลอกในงานแต่งงาน“เธอคิดถึงอนาคตของเธอบ้างหรือยัง” ลูเซียนถาม สายตาเขายังคงจับจ้องที่ขอบฟ้าไกลทำไมเขาถึงถามเรื่องนี้?ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้