หลังจากที่ เซิน โมเฟย พูดจบเขาก็รู้สึกอยากร้องไห้ทันที"โอเค อย่าลืมรายงานฉัน หลังจากที่นายกลับมา"เขายังต้องเขียนรายงานอีกเหรอ? ตอนนี้เขาถึงอยากตายและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน ทำไมพี่เขาถึงกดขี่ใช้งานเขาขนาดนี้นะ? ทำไม? พี่ชายคนดูแลน้องชายให้ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?เซิน โมเฟย กำลังคร่ำครวญกับตัวเองปลายสายก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันจะดูแลปู่ให้เอง”“เอาล่ะ งั้นก็ได้” เซิน โมเฟย ถอนหายใจ ปู่ของเขาฟังแค่ลูกพี่ลูกน้องคนนี้เท่านั้น เขาสามารถไว้วางใจให้เขาจัดการทุกอย่างให้เขาได้นี่เป็นสาเหตุที่เขาชื่นชมและเคารพลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้มาโดยตลอดเมื่อ ลู ชินจิน รู้ว่า ทัง โรลชูว บาดเจ็บเขาก็ทิ้งงานทั้งหมดและรีบกลับบ้านทันทีเขาผลักเปิดประตูห้องนอนและเห็นเธอนอนอยู่บนเตียงเขาเดินไปที่ด้านหนึ่งของเตียงก้มหัวลง และมองที่ใบหน้าที่สงบของเธอ แสงจาง ๆ สะท้อนในดวงตาสีเข้มของเขาเขามองต่ำลงมาเล็กน้อย คอเสื้อชุดนอนของเธออยู่ต่ำไปหน่อย เขาเลยเห็นรอยแดงบนหน้าอกของเธอหัวใจของเขาเต้นระรัวอย่างรุนแรง และคิ้วที่คมของเขาขมวดแน่น ดวงตาของเขามีแต่ความสงสาร เขายื่นมือออกไปอยากสัมผัสเธอ แต่เมื่อเขากำลังจะส
การที่จะรู้ว่าผู้ชายรักคุณจริงไหมดูจากที่เขาทำอาหารให้คุณสิ ทัง โรลชูว ยืนอยู่ในครัวอย่างเงียบ ๆ เธอมองร่างที่สูงใหญ่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหาร เธอส่งสายตาที่อ่อนโยนให้กับเขา เธอมองดูเขาตอนที่เขากำลังใช้ทัพพีคนน้ำซุป จากนั้นก็โยนผักที่สับเสร็จแล้วลงไปในหม้ออย่างรวดเร็ว เขาดูคล่องแคล่วมาก การเคลื่อนไหวธรรมดาเช่นนี้ ทำให้เขามีเสน่ห์มากในสายตาของเธอ เธอไม่สามารถละสายตาจากเขาไปได้เธอมองจนเขารู้ตัว เธอถูกจับได้แล้วเธอไม่สามารถสร้างความรู้สึกที่มีกับเขาได้ทั้งคู่จ้องตากันเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และมองเธอกลับไปด้วยความอ่อนโยน “มีนมอยู่ในตู้เย็น ถ้าคุณหิวมาก คุณก็ดื่มนมก่อนได้เลย”"ค่ะ" ทัง โรลชูว พยักหน้าเหมือนแมวน้อย เธอคว้าขวดนมจากตู้เย็นออกมาดื่ม แล้วนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เธอจ้องมองหลังของเขาขณะที่เธอดื่มนมในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของโจ๊ก กลิ่นน่าทานมาก ทัง โรลชูว เริ่มทนกับความหิวไม่ไหว เธอวางนมลงบนโต๊ะ และลุกเดินเข้าไปในครัว เมื่อ ลู ชินจิน ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขาก็หันหน้าไปถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "คุณหิวมากเหรอ?"ทัง โรลชูว พยักหน้า "ใช่ค่
ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังชมเขาอยู่ เธอเลยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “โจ๊กของคุณอร่อยจริง ๆ”"ผมรู้อยู่แล้ว" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆทัง โรลชูว ถึงกับพูดไม่ออกเขาไม่เคยถ่อมตัวเลยจริง ๆ"เอ่อ ชินจินคะ” ทัง โรลชูว กินโจ๊กเต็มปากและลังเลว่าเธอควรจะเริ่มพูดจากตรงนี้ก่อนดี“อะไรเหรอ?” คิ้วของ ลู ชินจิน ขมวดขึ้น เมื่อเห็นว่าเธอกำลังลังเล"ก็แค่..." ทัง โรลชูว เม้มริมฝีปากของเธอและหลังจากคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งเธอก็พูดต่อ "ชินจิน ฉันไม่อยากให้คุณทิ้งงานของคุณเพราะฉันอีกแล้ว"ลู ชินจิน ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ “ผมไม่ได้ทิ้งงานของผมนะ”"คุณหมายความว่ายังไง? คุณควรจะอยู่ที่บริษัทนะ ในเวลานี้ แต่วันนี้คุณมาที่นี่เพื่อทำโจ๊กให้ฉันและยังทานข้าวกับฉันอีกด้วย"เมื่อเห็นเธอไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ลู ชินจิน ก็หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า "ชูว ผมเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในบริษัท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะงั้นทำไมผมถึงต้องจ้างผู้ช่วยอย่าง มู หลิง ล่ะ?”"ที่คุณพูด คุณพูดถูก" ทัง โรลชูว เถียงเขาไม่ได้เธอถอนหายใจเบา ๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ “ที่รัก” เขาเรียกเธอเบา ๆ
ทัง โรลชูว ลางานไป 2 ถึง 3 วันเพราะบาดแผลของเธอ แต่ในวันที่แย่ ๆ ก็มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น ไหน ๆ เธอก็มีวันหยุดแล้วเธอก็ต้องสนุกกับมันสิ เธอเลยชวนเสี่ยวเซียวไปเที่ยว ตั้งแต่เสี่ยวเซียวกลับมา ทั้งสองก็ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่เธอจึงจะใช้เวลาที่ได้หยุดนี้กับเสี่ยวเซียว"ขอโทษที มาช้าไปหน่อย"เสี่ยวเซียว โยนกระเป๋าของเธอ บนเก้าอี้ข้างเธอ ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม ทัง โรลชูวทัง โรลชูว มองไปที่กระเป๋าที่น่าสงสาร และถอนหายใจ “เสี่ยวเซียว แกไม่สนใจเรื่องเงินเลยจริง ๆ”เสี่ยวเซียว กำลังดื่มน้ำอยู่ เธอได้ยินแบบนั้นเธอก็ขมวดคิ้วและก็ถามอย่างสงสัยว่า "เธอเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหนกัน""นี่ไง!" ทัง โรลชูว พูดพร้อมกับมองไปที่กระเป๋าที่วางอยู่บนเก้าอี้ "นั่นเป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น! เป็นที่ต้องการของคนรวยหลายคน พวกเขาไม่มีโอกาสได้ซื้อมาด้วยซ้ำ แต่เธอไม่สนใจมันเลย"แบรนด์ต่างประเทศที่เป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น เป็นของที่มีคุณค่ามากสำหรับนักสะสม หากมันเกิดรอยขีดข่วนขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ก็จะทำให้ราคาของมันลดลง"ไม่เอาน่า!" เสี่ยวเซียว กลอกตาของเธอ "ตอนนี้ แกคือคุณหญิงลูนะ อย่ามีความคิดแบบคนธรรมด
คนของ ลู เส้าหลิน ออกมารับหน้าแทนเธอ ซอง อันยี รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลกและทำให้เธอหัวเราะ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีจำนวนคนงี่เง่าน่ารำคาญเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากซอง อันยี มองคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา “ประจบเธอตอนนี้ให้มาก ๆ ล่ะ ไม่งั้นจะไม่มีใครช่วยเธอเลยในอนาคต”หลังจากพูดจบ ซอง อันยี ก็เดินจากไปอย่างสง่างาม ในขณะที่พวกนั้นมองเธออย่างโกรธ ๆ"รอดูนะ! ฉันจะแสดงให้ ซอง อันยี และ ทัง โรลชูว รู้ว่าใครเป็นเจ้านาย!"ลู เส้าหลิน จ้องไปที่ด้านหลังของ ซอง อันยี ด้วยความรู้สึกเกลียดชังทัง โรลชูว นั่งอยู่ในรถ เมื่อเธอเห็นคนที่เดินออกจากอาคาร เธอก็รีบลดหน้าต่างลง และยื่นมือออกไปโบกให้คน ๆ นั้นเห็น"อันยี เรามารับแล้ว!"ซอง อันยี มองหาต้นตอของเสียงและเห็นรถจี๊ปที่จอดอยู่ไม่ไกลเธอขมวดคิ้วและวิ่งไปหาพวกเธอช้า ๆเมื่อ ซอง อันยี ขึ้นรถแล้ว เธอก็หันหน้าไปถามว่า "เสี่ยวเซียวทำไมเธอขับรถจี๊ปอีกแล้วล่ะ?""ฉันชอบมันนี่" เสี่ยวเซียว นั่งอยู่หลังพวงมาลัยหันกลับมายิ้มหวานให้เธอซอง อันยี เม้มริมฝีปากของเธอ “ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมผู้หญิงอย่างเธอถึงชอบขับรถที่พวกผู้ชายชอบขับ”เด็กสาวที่ร่ำรวยคนอื
"แกโดนแกล้งงั้นเหรอ?!" เมื่อ เสี่ยวเซียว พูดด้วยเสียงสูงเมื่อได้ยินว่าเพื่อนรักของเธอโดนแกล้ง "ใช่แล้ว ลู เส้าหลิน ดึงผมของชูว เลยทำให้เธอโดนน้ำร้อนลวก"เมื่อได้ยินว่าเธอถูกน้ำร้อนลวก เสี่ยวเซียว ก็กังวลและถามทันทีว่า "ชูว แกเป็นอะไรมากไหม?"ทัง โรลชูว หัวเราะเบา ๆ "ฉันสบายดี มันมีแค่รอยแดงเล็กน้อย"เสี่ยวเซียว ถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ก็ถือว่าโชคดีนะที่มันมีแค่รอยแดงนิดหน่อย แต่..." เธอกัดฟันแน่นและมีดวงตาที่ไร้ความรู้สึก “ฉันจะไม่ปล่อยให้ ลู เส้าหลิน นังตัวแสบคนนั้นหลุดมือ อย่างแน่นอน!”"เธอมีแผนอะไรงั้นเหรอ? ตอนนี้เธอได้เป็นถึงผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการเชียวนะ" ซอง อันยี รอให้เธอใจเย็นลงแล้วก็พูดขึ้นมา “ห๊ะ! ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ?!” ทัง โรลชูว ไม่ได้ไปทำงานแค่วันเดียวเมื่อเธอรู้เรื่องของการเปลี่ยนตำแหน่งเธอจึงตกใจมาก "ใช่ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฉันได้ยินมาว่า ซู เทียนอ้าย เลือก ลู เส้าหลิน ด้วยตัวเอง"“ดูเหมือนว่า ซู เทียนอ้าย และ ลู เส้าหลิน จะต้องพยายามช่วยกันกำจัดชูวแน่ ๆ” เสี่ยวเซียว ขมวดคิ้ว"ลู เส้าหลิน เป็นเพื่อนของ กู โรลโรล แน่นอนว่า ซู เทียนอ้าย ก็คงจะคอยช่วยเธอ
"อันยี!" ทัง โรลชูว และ เสี่ยวเซียว ร้องด้วยเสียงตกใจอย่างพร้อมกัน ซอง อันยี เห็นว่าพื้นใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงหลับตาลง เธอได้แต่คิดว่าหน้าของเธอกำลังจะกระแทกพื้นอยู่แล้ว มีคนมาโอบเธอไว้ เขาคว้าเธอให้ไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอได้กลิ่นน้ำหอมกลิ่นที่ดูสะอาดเหมือนผู้ดี หลังจากเผชิญหน้ากับความตายอย่างหวุดหวิด เธอก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ เธอสบตาเข้ากับสายตาเย็นชาของคน ๆ หนึ่งในขณะนั้นเธอกำลังช็อค เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคน ๆ พยุงเธอให้ยืนได้แล้ว เธอเรียกสติตัวเองกลับมา เมื่อเธอได้ยินเสียงของ เสี่ยวเซียว"ขอบคุณ ที่ช่วยอันยีไว้นะ"แม้ว่านั่นจะเป็นคำขอบคุณ แต่ เสี่ยวเซียว ก็พูดโดยไม่มีท่าทีอ่อนน้อมนั่นเป็นเพราะคนที่ช่วยอันยีเป็นคนเดียวกับที่แย่งโทรศัพท์ของเธอไปถ้าไม่ใช่เพราะเขาอันยีก็คงจะไม่หกล้มอย่างนั้น แต่พวกเธอเป็นผู้หญิงที่มีนิสัยดี และเหตุการณ์ทั้งสองอันนั้นแตกต่างกัน พวกเขาแยกแยะได้ ถ้าเขาช่วยเธอไม่ทันเวลาหน้าของอันยีคงแทบจะมีแต่รอยช้ำน่ารังเกียจ ชายคนนั้นส่งโทรศัพท์คืนให้ ซอง อันยี "ผมรู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ถ้าผมทำให้คุณไม่พอใจ โปรดยกโทษให้ผมด้วย"เสียงของชายคนนั้นชัดเจน
"จี ยินเฟง โคตรแย่เลย น่าขยะแขยงมากเลย กล้านอกใจแฟนตัวเองทั้ง ๆ ที่รู้ว่า กู โรลโรล กำลังท้องอยู่เนี่ยนะ"เสี่ยวเซียว มองไปที่ประตูของห้องอาหารส่วนตัว สีหน้าของเธอดูรับไม่ได้เลย“เธอคิดว่าพวกนั้นเห็นเราไหม?” เสี่ยวเซียว มองและถาม ทัง โรลชูว อย่างสงสัย“ไม่แน่ใจ” ซอง อันยี และ ทัง โรลชูว มองหน้ากันแล้วตอบด้วยความลังเล “คือ ผู้ชายคนนั้นเป็นบอดี้การ์ดเหรอ?” เสี่ยวเซียว ถามอีกครั้งซอง อันยี ดูเหมือนตกใจเล็กน้อยเมื่อเธอพูดถึงผู้ชายคนนั้น เธอก็ดึงสติตัวเองกลับมาแล้วตอบอย่างรวดเร็ว "น่าจะใช่นะ ตอนที่ฉันแอบถ่ายรูป เขาเดินมาเพื่อลบรูปที่ฉับแอบถ่ายสองคนนั้น และเขาน่าจะเป็นบอดี้การ์ดของใครสักคนในสองคนนั้นแหละ”ทัง โรลชูว วางชามและตะเกียบที่ทำความสะอาดเสร็จแล้วไว้ตรงหน้าพวกเธอสองคนแล้วพูดว่า "เอาล่ะ เราจะไม่พูดถึงมันอีกต่อไป เราควรใช้เวลานี้ด้วยกันสิ”เสี่ยวเซียว ได้ยินแบบนั้นก็เม้มริมฝีปากของเธอ "ใครอยากคุยเรื่องของคนพวกนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงที่ปากไม่มีหูรูดคนนั้น"เธอถอนหายใจเบา ๆ ขณะอุทาน "น่าเสียดายจัง ที่เราเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นไม่ได้""ไม่ต้องห่วงหรอก สักวันคนเขาก็ต้องรู้ก