หยิง เสี่ยวเซียว เม้มปาก “เธอทำเหมือนกับว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธออย่างนั้นแหละถ้า เซิน โมเฟย ไม่อยู่ที่นั่น เธอยังมีพวกเราไม่ใช่เหรอ?”“ทำไม? เธออิจฉางั้นเหรอ?” ทัง โรลชูว พูดหยอกล้อพร้อมกับยิ้มออกมา“ใครอิจฉากัน?” หยิง เสี่ยวเซียว จ้องเธออย่างโกรธเคืองทัง โรลชูว ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอยิ้มอย่างมีความหมายออกมา“ก็ได้ ก็ได้ ใช่ฉันอิจฉา “ความมหมายของฉันก็คือ อันยี ปิดบังเรื่องทุกอย่างจากฉันมาตลอด แล้วอยู่ ๆ ก็เริ่มออกเดทกับโมเฟย และตอนนี้ก็ยังเต็มใจที่จะให้เขาช่วยเธออีก ฉันไม่พอใจกับเรื่องนี้เลยนะ” เธอพูดเรื่องจริง เมื่อนึกไปถึงมิตรภาพความเป็นเพื่อนระหว่างเธอกับ อันยี เทียบไม่ได้เลยกับความสัมพันธ์ของเธอกับ เซิน โทเฟย คนที่เธอเพิ่งจะเริ่มศึกษาดูใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดทัง โรลชูว ส่ายหน้าก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยใจ “เธอ…”“ฉันทำไมเหรอ?”“เปล่าหรอก” ทัง โรลชูว ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก หยิง เสี่ยวเซียว รู้สึกไม่สบายใจ ผลักจานข้าวของเธอออกไปด้านข้างอย่างหงุดหงิด “ฉันไม่อยากกินอีกแล้ว นี่มันแย่มากเลย” ก่อนจะหยิบเครื่องดื่มของเธอขึ้นมายกดื่มเข้าไปอึกใหญ่เมื่อเห็นดั
หลังจากเสร็จงาน ทัง โรลชูว เดินออกจากตึกบริษัทกับเพื่อนร่วมงานของเธอช่วงฤดูหนาว ท้องฟ้าของเมืองมืดลงอยากรวดเร็ว โคมไฟข้างถนนก็ถูกเปิดขึ้นเร็วกว่าเดิม โคมไฟที่เป็นแถวยาวดูสวยงามหลังจากบอกลาเพื่อนร่วมงาน ทัง โรลชูว ก็เดินแยกไปที่ป้ายรถบัสจู่ ๆ ก็มีรถมาจอดข้าง ๆ เธอ เธอหันกลับมาก่อนจะต้องตกตะลึง กระจกรถค่อย ๆ เลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของ เซิน โมเฟยทัง โรลชูว อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “โอ้ โมเฟย นายเองเหรอ”“พี่สะใภ้ ให้ผมไปส่งคุณกลับบ้านนะ”“ไม่จำเป็นหรอก ฉันนั่งบัสกลับบ้านเองได้” ทัง โรลชูว ปฏิเสธเขา ก่อนจะพูดขึ้น “นายไม่ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนอันยีเหรอ? ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก”เซิน โมเฟย ขมวดคิ้ว “พี่สะใภ้ คุณไม่ได้ขับรถมาเหรอวันนี้”ทัง โรลชูว พูดขึ้น “อืมม พรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ฉันก็เลยอยากจะนั่งรถบัสสาธารณะ ชื่นชมวิวข้างทาง ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นมาสักพักแล้ว”เธอต้องรับมือกับปัญหาต่าง ๆ มามากมาย เธอรู้สึกเครียด เมื่อเธอมีโอกาสที่จะได้ผ่อนคลาย เธอก็อยากจะใช้ชีวิตแบบช้า ๆ ลงหน่อยนั่งรถบัสดูจะเป็นทางเลือกที่ดี“พี่สะใภ้ ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านเถอะ ถ้าคุณนั่งรถบัสกล
“ได้ค่ะ ฉันจะโทรหาคุณเมื่อฉันทานเสร็จ คุณมารับฉันที่นี่ได้หลังจากนั้น”หลังจากพูดคุยอีกสักพักเธอวางโทรศัพท์แล้วเดินเข้าไปด้านในหลี่ น่า มองเธอที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม มุมปากของเธอม้วนขึ้นเป็นรอยยิ้ม “คุยโทรศัพท์กับแฟนงั้นเหรอ?”“เปล่าหรอกค่ะ สามีฉันน่ะ”ทัง โรลชูว ยกเหยือกน้ำขึ้นก่อน ที่จะรินใส่แก้วของ หลี่ น่า และของเธอเอง เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าคำพูดที่เรียบง่ายของเธอทำให้ลีน่าตกใจเธอแต่งงานแล้ว?หลี่ น่า จ้องไปที่เธอ คิ้วขมวดปม เธอถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “นี่เธอแต่งงานแล้วอย่างนั้นเหรอ?”ทัง โรลชูว พยักหน้า “ใช่ค่ะ ฉันแต่งงานมาได้สักพักแล้ว”เธอไม่ได้พยายามจะปกปิดความจริงที่ว่าเธอแต่งงานแล้ว เธอแค่ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ คนที่ต้องรู้ก็ต้องรู้เองในที่สุดก่อนที่ หลี่ น่า จะถาม เธอจึงยอมรับความจริงอย่างตรงไปตรงมาแต่...หลี่ น่า กลับดูตกใจมาก! เธอจึงยิ้มมาถามขึ้น “ผู้จัดการหลี่ คุณคิดว่าเรื่องนี้มันดูไม่น่าเชื่ออย่างนั้นเหรอคะ?”“ใช่สิ ฉันคิดมาตลอดว่าเธอกับผู้บริหารเซินเป็นแฟนกัน เมื่อพูดคำนั้นหลุดออกจากปากไป เธอก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นผิด เธอรีบอธิบาย “ข่าวลือมันแพร่
หลังจากทานอาหารเสร็จ ทัง โรลชูว ก็ปฏิเสธ หลี่ น่า ที่อาสาไปส่งเธอที่บ้านอย่างสุภาพ เธอเดินออกมาคนเดียวที่ด้านข้างถนน รอคอยให้ชินจินมาถึงเป็นคืนที่มืดสนิท ไฟตามข้างทางของถนนทั้งสองข้างส่องประกายหักเหไปบนถนนลาดยาง สายลมพัดผ่านเบา ๆ หอบเอาความเย็นมาปะทะทัง โรลชูว กระชับเสื้อกันลมตัวบางที่เธอสวมอยู่เข้ามา ก่อนจะกอดอกและเงยหน้ามองหารถของชินจินห่างออกไป รถขับเข้ามาใกล้ แสงไฟหน้ารถส่องแสงจ้าระยิบระยับด้วยสัญชาตญาณของ ทัง โรลชูว เธอหันหน้าไปดู และยกมือขึ้นบังแสงไฟที่แยงตา เพื่อที่จะจ้องไปที่รถคันนั้น ‘เอี๊ยด!’ เธอได้ยินเสียงรอรถขุดไปกับถนนทัง โรลชูว คิดว่าเป็นรถของชินจิน แต่เมื่อเธอดูใกล้ ๆเธอก็เห็นว่ามันเป็นรถของคนอื่นนี่มันก็ดึกมากแล้วทำไมรถของคนแปลกหน้าถึงมาหยุดตรงนี้?เธอหรี่ตามอง ความสงสัยพุ่งพล่านอยู่ในใจเธอจ้องไปที่รถคันนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ และด้วยสัญชาตญาณเธอ เธอจึงก้าวถอยหลังลงมาจากนั้นประตูรถก็ถูกเปิดออก ชายร่างสูงเดินก้าวลงมาแสงไฟไม่สว่างมากนัก เธอจึงไม่สามารถมองเห็นหน้าเขาได้อย่างชัดเจน“คนสวย ทำไมเธอยังมายืนรอแท็กซี่ดึกดื่นขนาดนี้ เธออยากให้ฉันไปส่งเธอที่บ้
“ชินจิน รีบ ๆ มาช่วยฉันที!”“คุณอยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงของชินจินตื่นตระหนกทัง โรลชูว บอกที่อยู่แก่เขาไปก่อนจะวางสายเธอยังคงวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ ไม่หยุดสายลมพัดผ่านเข้ามาในหูของเธอ ทัง โรลชูว ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงหายใจหอบหายใจของตัวเอง ขาของเธอราวกับถูกเติมเต็มไปด้วยตะกั่ว มันหนักอึ้งเสียจนเธอต้องผ่อนฝีเท้าลง เธอหันหลังกลับไปดูด้วยสัญชาตญาณ และก็เห็นร่างอันดุดันของชายคนนั้นกำลังวิ่งตามมาเธอตกใจกลัว เธอกัดริมฝีปากก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าของเธอขึ้นไปอีก“ยัยตัวแสบ! อย่าให้ฉันจับตัวได้นะ ฉันจะทำให้เธอต้องร้องขอชีวิตเลยคอยดู”เสียงตะโกนของชายหนุ่มไล่ตามหลังมา ทัง โรลชูว รู้ดีว่าเขาพูดจริงแน่ ๆ ถ้าเธอถูกเขาจับได้อีกครั้งเธอจะต้องตายแน่ ๆ แต่ขาของเธอมันกลับหนักมากยิ่งขึ้นทุกที เธอวิ่งช้าลง และชายคนนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังอยู่ภายในใจเธอวิ่งต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว!เธอก้มตัวลงจับที่เข่าหายใจหอบหนัก ลำคอของเธอแห้งเผือด จนเธอคิดว่ามันคงโดนเผาไม่ไปหมดแล้ว เธอรู้สึกแย่เอามากๆ“วิ่งสิ ทำไมเธอไม่วิ่งหนีไปอีกล่ะ?” ชายหนุ่มเข้ามาใกล้เธอ น้ำเสียงของเย็นยะเยือกแ
หลังจากที่ตำรวจมาจับตัว ลู เฉินซี ไปแล้ว ลู ชินจิน ก็พา ทัง โรลชูว กลับบ้านเมื่อพวกเขากลับมาถึงบ้าน ทัง โรลชูว ก็เข้าห้องไปอาบน้ำทันทีหลังจากทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้ว เธอก็นั่งพิงอยู่ที่เตียง เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งรอดชีวิตมาจากภัยพิบัติครั้งใหญ่แต่...ลู เฉินซี เป็นน้องชายของชินจินรึเปล่า? หรือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องน้อง?ระหว่างทางกลับบ้าน ใบหน้าอันหล่อเหลาของชินจินแสดงถึงความตึงเครียดมาตลอดทาง แต่เธอไม่กล้าถามเขา เพราะเขาดูเย็นชาและเคร่งขรึมดูเหมือนว่า...ก่อนที่ ลู เฉินซี จะถูกตำรวจจับตัวไป เขากระซิบบอกอะไรบางอย่างกับชินจิน และหลังจากที่เขาบอกชินจินแล้ว สีหน้าของชินจินก็เปลี่ยนไปทันทีตอนนั้นเขาพูดอะไร?ลู ชินจิน ผลักประตูเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นใบหน้าหม่นหมองของเธอ เขาเลิกคิ้วและเดินไปหาเธอช้า ๆ"คุณกำลังคิดอะไรอยู่?" เขาถามเบา ๆทัง โรลชูว ตกใจ แต่หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มกว้าง "ไม่ได้คิดอะไร"เธอขยับตัวไปอีกฝั่งของเตียงเพื่อให้เขามีที่นั่งลู ชินจิน ยกมือขึ้นจับไหล่ของเธอ แล้วดึงเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาเธอเอนหัวพิงหน้าอกของเขาเบา ๆ เมื่อทำแบบนั้นเธอจึงสามารถได้ยินเสียงหั
คิ้วของ ทัง โรลชูว เลิกขึ้นจนแทบมองไม่เห็น จากนั้นเธอก็ยิ้ม “จริง ๆ แล้ว มันไม่สำคัญหรอก ผู้ชายที่ฉันแต่งงานด้วยคือคุณ ฉันไม่สนใจเรื่องอื่นเลย”เมื่อจ้องมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่มีชีวิตชีวาและสวยงามของเธอ หัวใจของ ลู ชินจิน ก็สั่นไหว เขาไม่สามารถต้านทานความอ่อนโยนที่กำลังจะเอ่อล้นในหัวใจของเขาได้ เขาก้มศีรษะลงและจูบริมฝีปากสีทับทิมของเธอเล็กน้อยหลังจากจูบเธอเบา ๆ แล้ว เขาก็ยังคงประทับริมฝีปากของเธอไว้ “ชูวชูว...”เสียงของเขาเรียกเธออย่างอ่อนโยนและโหยหา มันทำให้หัวใจของ ทัง โรลชูว สั่นเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะเกี่ยวคอของเขาด้วยแขน จากนั้นเธอก็ยกศีรษะขึ้นเพื่อจูบริมฝีปากของเขาอย่างเพลิดเพลินเขาวางเธอลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปบนตัวของเธอและจูบที่ริมฝีปากของเธออีกครั้งลมค่อย ๆ พัดผ้าม่านด้านหลังของทั้งคู่ที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันดวงจันทร์ซ่อนตัวอยู่ในก้อนเมฆคื่นนี้เป็นคืนฤดูใบไม้ร่วงที่แสนจะยาวนานทัง โรลชูว หลับไปเพราะ ลู ชินจิน เธอหมดแรงและเมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็บ่ายแล้วโชคดีที่เธอไม่ต้องทำงาน เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์หลังจากทานอาหารกลางวันช้าก
ในขณะที่ ทัง โรลชูว วางสายโทรศัพท์เธอก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เมื่อเธอลงมาอีกครั้งเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วป้าอูเห็นจึงรีบถามเธอ "คุณนายจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?""ใช่ค่ะป้าอู คืนนี้ป้าไม่ต้องเตรียมอาหารเย็นให้พวกเรานะคะ ชินจินกับฉันคงกินข้าวนอกบ้าน" ทัง โรลชูว กล่าวเธอรีบเปลี่ยนรองเท้า"ค่ะ เข้าใจแล้ว"หลังจากใส่รองเท้าในตู้รองเท้าแล้ว ทัง โรลชูว ก็โบกมือให้ป้าอู "ป้าอู ฉันไปแล้วนะคะ"ป้าอูมองอย่างงงงวย ใบหน้าของเธอดูวิตกกังวล เธอพึมพำ “มีอะไรที่ด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ คุณนาย?”มีอะไรที่ด่วนงั้นเหรอ?!ไม่เลย เป็นคุณหยิงที่นัดบอด โชคไม่ดีที่เธอพบกับผู้ชายแปลก ๆ และเธอก็ต้องการคนมาช่วยเธอในสวนฉินหลานช่างเป็นชื่อที่สง่างามมากนอกจากนี้ยังเป็นร้านอาหารจีนชั้นสูงอีกด้วยเนื่องจากชายคนนี้ขอให้เธอไปพบในร้านอาหารที่ดีแบบนี้ เขาจึงดูเหมือนจะไม่เลวร้ายเกินไปแต่ทางโทรศัพท์เสี่ยวเซียวก็บอกว่าเขาน่ากลัวแค่ไหนเธออยากรู้มากว่าผู้ชายแปลก ๆ แบบไหนที่สามารถทำให้เสี่ยวเซียวกลัวได้มากขนาดนี้แน่นอนว่าเธอจะต้องไม่เห็นฉากนี้เพียงลำพังดังนั้นเธอจึงชวน ลู เซียวเหยา ไปด้วยพวกเขาสองคนนัดพ