“เหมือนกันกับฉัน?”ดูเหมือนว่าเขาจะไปที่นั่นเพื่อถามเกี่ยวกับการส่งตัวพ่อเธอไปที่สหรัฐอเมริกาเหมือนกันดังนั้น ทัง โรลชูว จึงถามออกไปตรง ๆ “คุณหมอว่าอย่างไรบ้างคะ?”“เขาไม่แนะนำนะ” เพียงแค่คำพูดง่าย ๆ สามารถอธิบายทุกอย่างได้ชัดเจน“ทำไมล่ะคะ?” ทัง โรลชูว ถามขึ้นด้วยความกระวนกระวาย“เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ร่างกายของพ่อคุณอ่อนแอยิ่งกว่าแต่ก่อน เรากังวลว่าการเดินทางไกลจะกระทบต่อสุขภาพของพ่อคุณ”ได้ยินบทสนทนาที่พวกเขาคุยกัน คุณหมอจึงออกมาตอบคำถามของ ทัง โรลชูว แทน ลู ชินจิน “แต่ถึงกระนั้น พ่อของฉันก็จะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาถ้าเราไม่ส่งเขาไปที่สหรัฐอเมริกา” ทัง โรลชูว ขึ้นเสียง“ใจเย็น ๆ ก่อนนะ ชูวชูว” ลู ชินจิน กอดไหล่เธอไว้อย่างปลอบโยนทัง โรลชูว สูดลมหายใจเข้าลึก “แล้วเรื่องของพ่อฉัน คุณหมอ? คุณมีหนทางรักษาอย่างไรก็บ้าง?”“เราจะทำการรวบรวมตัวเหล่าคุณหมอเฉพาะทาง เพื่อปรึกษาถึงหนทางการรักษาท่านผู้อาวุโสทังแน่นอน”ถึงแม้เขาจะสัญญาเช่นนั้น ก็ยังไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าพ่อของเธอจะได้รับการรักษาอย่างเต็มที่อย่างไรก็ตาม ถ้าอาการของพ่อเธอแย่ลงระหว่างทางบินไปสหรัฐอ
ตามที่ผู้หญิงร้องขอ ลู เซียวเหยา ขับรถไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองขณะอยู่บนรถ เขาถามเธอว่าเธออยากกินอะไร เธอตอบอย่างกระตือรือร้นด้วยคำเดียวว่าหม้อไฟพวกเขามาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้เพราะหม้อไฟเนี่ยแหละ เนื่องจากเธอบอกว่ามีร้านอาหารหม้อไฟแท้ ๆ สูตรดั้งเดิมและอร่อยสุด ๆหลังจากลงจากรถแล้ว หยิง เสี่ยวเซียว และ ลู เซียวเหยา เดินตรงไปที่ชั้นสี่และเดินเข้าไปในร้านอาหารหม้อไฟ ที่ดูค่อนข้างโบราณน่าดู บริกรที่เป็นมิตรเดินเข้ามาหาพวกเขาทันทีและพูดว่า "ยินดีต้อนรับครับ! โต๊ะสำหรับสองคนใช่ไหมครับ?""ใช่ค่ะ" หยิง เสี่ยวเซียว มองไปรอบ ๆ ร้านอาหาร มีคนไม่กี่คน เธอบอกว่า "เราอยากนั่งตรงมุมห้อง""ได้สิครับ เชิญตามสบายครับ"บริกรพาพวกเขาไปที่โต๊ะตรงหัวมุมและพูดว่า "เชิญนั่งได้เลยครับ เดี๋ยวผมจะเอาเมนูมาให้คุณ"ลู เซียวเหยา เหลือบมองบริกรก่อนนั่งลง“คุณมาที่นี่บ่อยไหม?”เขามองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของ หยิง เสี่ยวเซียว ตรงข้ามเขาและเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย “ฉันเคยมาที่นี่บ่อย ๆ กับชูวชูว และคนอื่น ๆ” เธอตอบขณะหันกลับไปดูการตกแต่งที่ร้านอาหาร มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักในช่วง
และเธอก็ดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เธอดูปกติมาก ยกเว้นบลัชออนที่แก้มที่แดงแจ๋ดต่อมรับรสของเธอ ยังทำงานผิดปกติใช่ไหมหรือว่าพวกเขาไม่ได้กินหม้อไฟหม้อเดียวกัน ลู เซียวเหยา นึกไม่ออกว่าใครจะทนอาหารรสเผ็ดได้ขนาดนี้ได้ เธอต้องไม่ธรรมดา!หยิง เสี่ยวเซียว กำลังเป่าอาหารของเธอ เธอยังคงโยนอาหารลงไปในหม้อไฟ และหยิบมันออกมาใส่เข้าไปในปากของเธอถึงแม้ว่ามันร้อนมากจนทำให้เธอไม่รู้สึกอะไรเลย เธอก็ยังคงกินต่อไปลู เซียวเหยา ทนกินต่อไม่ได้อีกแล้ว เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอ ขณะที่เธอถือกระชอน "ถ้ายังกินแบบนี้ ระวังท้องอืดนะ"หยิง เสี่ยวเซียว เงยหน้าขึ้นมองเขา และเห็นที่เขาขมวดคิ้วราวกับว่าเขาเป็นห่วงเธอเธอเลียริมฝีปากที่ชาของเธอแล้วพูดติดตลกว่า “ถ้าอยากให้ฉันหยุดกินของอร่อยนี่ ก็ตกลงเป็นแฟนกับฉันสิ”"ฮะ?" ลู เซียวเหยา ตกตะลึง ไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเลยในที่สุด หยิง เสี่ยวเซียว ก็วางตะเกียบลงและเช็ดปากก่อนจะพูดว่า “อันที่จริง วันนี้ฉันจะเลี้ยงอาหารเย็นนาย เพราะฉันต้องการให้นายช่วยอะไรสักหน่อย”เขาเพิ่งรู้ว่าเธอจะไม่มีวันใจดีกับเขาขนาดนั้น เว้นแต่เธอจะต้องการอะไรจากเขาลู เซียวเหยา หัวเราะออกมา
"สัญญารัก?"เมื่ออ่านชื่อสัญญา ซึ่งเป็นตัวอักษรสีดำตัวหนา ลู เซียวเหยา เขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกตาเล็กน้อย เธออ่านนิยายโรแมนติกมากไปหรือเปล่า เธอคิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ลู เซียวเหยา อ่านต่อไป:ตัวละคร เอ: หยิง เสี่ยวเซียวตัวละคร บี: ลู เซียวเหยาระยะเวลา: จนกว่าจะสำเร็จ ข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตามในขณะที่ทั้งสองฝ่ายแกล้งเป็นคู่รัก:ข้อที่หนึ่ง: ความสัมพันธ์ที่โรแมนติกเป็นแค่การแสดง และจะต้องไม่ไม่รู้สึกอะไรเลย ห้ามตกหลุมรักเป็นอันขาด ข้อที่สอง: การแสดงความเสน่หาทางกาย สามารถทำได้ต่อหน้าผู้อื่นเท่านั้นและเมื่อจำเป็นเท่านั้น ในที่ส่วนตัวต้องรักษาระยะห่างข้อที่สาม: วันที่สิ้นสุดของสัญญานี้จะถูกกำหนดโดยฝ่ายเอหลังจากอ่านแล้ว ลู เซียวเหยา ก็หัวเราะออกมาขณะที่มองไปยังผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามเขา “นี่คุณ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าสัญญานี้มันดูไร้สาระ?”หยิง เสี่ยวเซียว เลิกคิ้วและถามว่า "ยังไงอ่ะ"ลู เซียวเหยา กระแทกสัญญาลงบนโต๊ะอย่างแรง จากนั้นเอนข้อศอกของเขาและเอามือวางไว้ใต้คางของเขา มองไปที่เธอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ เขาถามว่า "คุณคิดว่าถ้าเราแกล้งทำเป็นคนรักจริง ๆ เราอาจจะตกหลุมรักกันงั้นเหรอ?"
ลู เซียวเหยา เงียบไปสักพัก ก่อนที่จะคิดดี ๆ จากนั้นเขาก็พูดว่า "ตกลง ผมช่วยก็ได้ แต่ผมก็มีเงื่อนไขของผม"“อะไรกันเนี่ย?” หยิง เสี่ยวเซียว ไม่รอเขาพูดให้จบ “ผมแค่อยากจะขอให้คุณทำตัวเป็นผู้หญิงมากกว่านี้หน่อย และอย่าทำตัวเย็นชาไร้อารมณ์แบบนี้ มันจะทำให้คุณแก่เร็วขึ้น!” ลู เซียวเหยา เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่อยากจะขอเงื่อนไขอะไรหรอก เขาแค่อยากจะแกล้งเธอเท่านั้นเอง หยิง เสี่ยวเซียว เหล่ตาของเธอด้วยอารมณ์ที่ดุร้าย “ลู เซียวเหยา หรือเพราะว่าวันนี้ฉันใจดีกับนายเกินไป นายไม่ชินหรอ?”ลู เซียวเหยา พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “จริงนะ ผมไม่ชิน แต่...”เขายิ้มและพูดว่า "คุณก็น่ารักดี"หยิง เสี่ยวเซียว ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเขาพูดแบบนั้น เธอรู้สึกประหลาดใจและห้ามตัวเองไม่ให้หน้าแดงไม่ได้เลย เธอไอเล็กน้อยปกปิดความเขินอายและถามอย่างร้อนรน "บอกฉันสิ! นายจะช่วยฉันใช่ไหม?""ใช่!" ลู เซียวเหยา เลิกคิ้วเล็กน้อย "ดูจากความจริงใจของคุณและความจริงที่ว่าชื่อของผมได้ถูกเขียนไว้ในสัญญาแล้ว ผมจะรู้สึกแย่ถ้าผมไม่ได้ช่วยคุณในครั้งนี้" เขาเต็มใจที่จะช่วยเหลือใบหน้าที่สวยงามของ หยิง เสี่ยวเซียว ก็สดใสขึ้นทันที เธอรี
ลู ชินจิน กำลังคุยเรื่องงานอยู่กับ มู่ หลิง ตอนที่เขารับโทรศัพท์ของ ทัง โรลชูวทันทีที่เขาเห็นว่าใครกำลังโทรมานั้น ท่าทีที่เย็นชาและตึงเครียดบนใบหน้าของเขาก็หายไปทันที มู่ หลิง เลิกคิ้วอย่างสงสัย ต้องเป็นคุณผู้หญิงแน่ ๆ ท่านประธานเย็นชาเป็นเหมือนภูเขาน้ำแข็ง เขาจะละลายต่อหน้าภรรยาของเขาเท่านั้นลู ชินจิน เดินไปที่หน้าต่างก่อนจะรับสาย“ชินจิน คุณกลับบ้านเมื่อไหร่คะ?”เขาได้ยินเสียงของ ทัง โรลชูว ทันทีที่เขาหยิบขึ้นมาลู ชินจิน โค้งงอริมฝีปากของเขา “ทำไม คุณคิดถึงผมไหม?”“ค่ะ ฉันคิดถึงคุณแล้ว ฉันอยากกินอาหารเย็นกับคุณ”ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ทัง โรลชูว ไม่สามารถเห็นได้ว่า ลู ชินจิน มึนงงทันทีที่เธอพูดแบบนี้ และดวงตาของเขาก็ลุกวาวเหมือนดวงดาวเขามองออกไปนอกยังท้องฟ้าที่มืดมิดนอกหน้าต่าง ด้วยแสงอันอ่อนโยนในดวงตาของเขา เขาพูดเบา ๆ ว่า "ได้สิผมจะกลับไปเร็ว ๆ นี้ครับ"“งั้นฉันจะรอนะคะ”เธอวางสายหลังจากพูดแบบนั้นลู ชินจิน วางโทรศัพท์มือถือและยิ้ม จากนั้นเขาก็หันกลับมาและพูดกับ มู่ หลิง ซึ่งยังคงนั่งอยู่บนโซฟาว่า “มาสรุปกันดีกว่า พรุ่งนี้เราค่อยพูดถึงเรื่องที่เหลือกัน”มู่
...หลังอาหาร เพราะยังไม่ดึกมาก ลู ชินจิน จึงชวน ทัง โรลชูว ออกไปเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารทัง โรลชูว มองวิวถนนจากหน้าต่างของรถแล้วหันกลับไปมอง ลู ชินจิน ที่กำลังขับรถอย่างระมัดระวัง เธอถามเขาด้วยความสงสัย “เราจะไปไหนกันเหรอ? ไม่ได้ไปเดินเล่นหรอกเหรอ?”เธอคิดว่าเขาจะพาเธอไปเดินเล่นรอบหมู่บ้าน ใครจะไปคิดว่าเขาจะขับรถไปทางนอกหมู่บ้าน?“ไปหาเพื่อนครับ” ลู ชินจิน เหลือบมองเธอ “พวกเขาบอกว่าไม่ได้เจอคุณนานแล้ว และพวกเขาก็...”เขาหยุดพูดแล้วหันกลับมามองเธอ รอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมริมฝีปากของเขา "คิดถึงคุณ""คิดถึงฉัน?" ทัง โรลชูว เลิกคิ้วข้างหนึ่ง "ทำไมพวกเขาต้องคิดถึง?"เธอรู้ว่าเขาหมายถึงเพื่อนคนไหน พวกเขาโตมากับ ลู ชินจิน แต่เธอเคยพบพวกเขาแค่ครั้งเดียว ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ได้สนิทกับเธอเลย แล้วทำไมพวกเขาถึงคิดถึงเธอลู ชินจิน ส่ายหัว “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”มันเป็นเรื่องจริง เซียวเหยาโทรมาบอกว่าพวกเขาอยากพบเธอ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าทำไมทัง โรลชูว กัดริมฝีปากของเธออย่างครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ฉันคิดว่าพวกเขาอยากเจอคุณ แต่พวกเขาไม่อยากจะพูดออกมาตรง ๆ เพราะงั้นพวกเขาก็เลยใช้
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่สองที่เธอได้เจอเพื่อนของชินจิน แต่ ทัง โรลชูว ก็ทักทายพวกเขาอย่างเป็นธรรมชาติ“เซินมู หลิงเหยา ชูหยวน เป็นอย่างไรกันบ้าง?”เธอพูดชื่อของพวกเขาอย่างถูกต้อง หลิงเหยาอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า "โรลชูว เธอความจำดีนี่ เราเคยพบกันแค่ครั้งเดียวเอง แต่เธอก็จำชื่อพวกเราได้หมด"ทัง โรลชูว ยิ้ม “ถ้าฉันจำไม่ได้ มันคงน่าอายน่าดู”เมื่อได้ยินแบบนั้น คนอื่น ๆ ก็หัวเราะออกมา“หลิงเหยา นายคิดว่าทุกคนมีมีสมองเท่านายรึไง ที่ต้องเจอผู้คนกันสักซักสองสามครั้งถึงจะจำชื่อได้”ลู เซียวเหยา ล้อเลียนหลิงเหยา ดังนั้นหลิงเหยาจึงหันกลับไปเตะเขาที่น่องด้วยความไม่พอใจ “อย่าล้อฉันนะ ไม่งั้นฉันจะบอกโรลชูวว่านายทำเตียงเปียกได้ยังไง ทั้งที่อายุแค่เก้าขวบ”ทั้งห้องเงียบลง จากนั้นพวกเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นหลิงเหยา มองไปที่คนอื่น ๆ และรู้สึกสับสน “พวกนายหัวเราะทำไม”ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกหนักบนบ่าของเขา เขาหันไปก็เห็นเพียงใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้เต็มไปด้วยสีหน้าลำบากใจ เขากระโดดถอยหลังทันที และตะโกนว่า “ลู เซียวเหยา นายจะทำอะไร?”“เหยา โชคร้ายจากการพูดอย่างไม่คิด นายรู้ไหมว่าคืออะไร?”