ทัง โรลชูวประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้รับสาย เธอไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะมีเบอร์โทรศัพท์ของเธอ แต่เธอจำได้ว่าตระกูลลูเคยสืบประวัติเธอมาก่อน เพราะแบบนั้นพวกเขาเลยมีวิธีติดที่จะต่อหาเธอเมื่อเธอรับสาย เสียงของ หลิน เสวียจีก็มาจากปลายอีกด้าน ด้วยเสียงที่สงบและเยือกเย็น เธอพูดว่า "คุณทัง ฉันเอง แม่ของชินจิน"หลังจากแนะนำตัวแล้ว ทัง โรลชูวก็เลิกคิ้วขึ้น และถามออกไปอย่างสุภาพ “คุณป้าคะ คุณโทรหาฉันทำไมเหรอคะ?”“เธอว่างอยู่ไหม คุณทัง ฉันต้องการคุยกับเธอ”"คุย? ฉันคิดว่ามันคงไม่สะดวกเท่าไหร่ตอนนี้ค่ะ"“เราจะคุยกันได้ยังไงในเมื่อคุณอยู่ที่เมืองจิง ในขณะที่ฉันอยู่ที่กรุงเทพ”"ฉันอยู่กรุงเทพ"ทัง โรลชูวพูดไม่ออกตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะสามารถหนีที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ได้ แต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่มีปัญหามา เธอต้องจัดการกับมันมาตลอดหลังจากยืนยันเวลาและสถานที่กับ หลิน เสวียจีแล้ว ทัง โรลชูวก็ขอหลี่ น่า เพื่อลางาน ก่อนขับรถไปยังสถานที่นัดหมายเมื่อเธอเข้าไปในร้านกาแฟ ทัง โรลชูวก็เห็น หลิน เสวียจีกำลังนั่งรอเธอที่ริมหน้าต่างเธอเดินเข้าไปและเรียกอย่างสุภาพ “คุณป้าคะ”หลิน เสวียจี
"ขอแค่เธอตอบตกลง เธอสามารถอยู่กับชินจินได้โดยไม่มีใครเข้าไปแยกเธอกับเขาไปได้ แม้กระทั่งพ่อของชินจิน นอกจากนี้เซียวเหยาก็จะเป็นอิสระจากพ่อของเขาเหมือนกัน แบบนี้มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? "หลิน เสวียจีพูดเสริม ก่อนที่จะมองทัง โรลชูว ด้วยสายตาที่เต็มไปความมั่นใจดูเหมือนว่าเธอจะมั่นใจมากว่า ทัง โรลชูวจะเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะนี้ แต่ปากของ ทัง โรลชูวก็ขดยิ้มอขณะที่เธอตอบว่า "ขอโทษนะคะคุณป้า แต่ฉันไม่เห็นด้วย"หลิน เสวียจีถามออกไปอย่างกังวลใจ "ทำไม เธอจะไปจากชินจิน และดูพ่อของชินจินจัดการกับ เซียวเหยา อย่างนั้นเหรอ?"ทัง โรลชูวหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณป้า ฉันจะไม่ไปจากชินจิน และชินจินคงจะไม่ยอมให้เซียวเหยาได้รับบาดอันตรายแน่นอน”เมื่อมองหญิงสาวที่ยิ้มตรงหน้าเธอ ความมั่นใจของเธอทำให้ หลิน เสวียจีรู้สึกหงุดหงิด เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามออกไปอีกครั้ง “เธอไม่อยากทำจริง ๆ เหรอ?”ถ้าหล่อนไม่เต็มใจที่จะฟังเธอจริง ๆ เธอจะต้องคิดหาวิธีอื่น“ฉันไม่เต็มใจ ฉันเป็นแค่ภรรยาของชินจิน ฉันไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลลู และฉันก็ไม่ควรทำแบบนั้น คุณป้าคะ คุณไม่จำเป็นต้องมาโน้มน้าวฉัน
ณ เมืองจิง บ้านของตระกูลลู หลังจากกลับมาจากการทำธุรกิจ ลู เฉินตงก็ได้ยินพ่อบ้านของเขาบอกว่า ลู ชินจินมาที่นี่พร้อมกับภรรยาของเขาเมื่อวันก่อนเขารู้สึกประหลาดใจ เพราะ ลู ชินจินไม่ได้กลับมาหาตระกูลเป็นเวลานาน เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาพาภรรยากลับมา เพราะเขาต้องการท้าทายอำนาจของพ่อเขา“ลู ชินจินจะแต่งงานเมื่อไหร่?”เขาจำผู้หญิงที่มาหา ลู ชินจินระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำการกุศลที่กรุงเทพได้ ผู้หญิงที่ทำให้เขาลืมไม่ลงหลังจากสอบถามเกี่ยวกับการปรากฏตัวของภรรยาของลู ชินจิน แล้ว เขาก็สามารถยืนยันว่าวันนั้นเขาได้เจอกับภรรยาของลู ชินจิน“แสดงว่าแต่งงานกันแล้ว”เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่อ่อนโยน บริสุทธิ์ และสวยงาม ได้เป็นภรรยาของลู ชินจิน เขาย่อมรู้สึกอิจฉาที่ลู ชินจิน ได้รับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบนั้น"เฉินตง"ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงทุ้มก็ดังขึ้นในหูของเขาเขาหันกลับไปทันทีและเห็นว่าพ่อของเขา ลู ติงแบงกำลังเดินลงบันไดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและเย็นชา"พ่อ" เขาเดินไปพยุง ลู ติงแบงนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเมื่อนั่งลงแล้ว ลู ติงแบงก็เอ่ยปากถาม "สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?"“อีกฝ่ายตกลงเซ็นส
ลุงจ้าวฟื้นแล้วเมื่อทราบข่าว ทัง โรลชูวก็รีบตรงไปไปโรงพยาบาลทันทีเมื่อลุงจ้าวเห็นเธอ น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา "คุณหนู..."เมื่อเห็นใบหน้าที่แก่ชราของเขา ทัง โรลชูวก็รู้สึกถึงความขมขื่นในใจของเธอ ขณะที่เธอรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อจับมือเขา “ลุงจ้าว”เธอเรียกเขาออกมาอย่างแผ่วเบาตอนนี้ลุงจ้าวเป็นเหมือนเด็กน้อย เขาจับมือเธอแน่นและร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ข้าง ๆ เขา จ้าว ฉีเหยิงกำลังปาดน้ำตาออกจากหน้าพ่อของเขา ขณะที่เขาพูด “พ่อครับ หยุดร้องไห้เถอะ พ่อไม่อยากคุยกับคุณทังแล้วเหรอ?”ทัง โรลชูวยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรค่ะ ปล่อยให้ลุงจ้าวร้องไห้ก่อนก็ได้ เขาจะได้รู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ร้องไห้เสร็จแล้ว”แต่พวกเขาไม่คิดว่าลุงจ้าวจะเป็นลมไป เนื่องจากอารมณ์ที่ระเบิดออกมา พวกเขารีบเรียกหมอด้วยความกลัวทันทีหมอบอกว่าลุงจ้าวยังอ่อนแออยู่เพราะเพิ่งฟื้น เขากระวนกระวายเกินไปและด้วยเหตุนี้จึงเป็นลม แต่ในไม่ช้าเขาก็จะตื่นขึ้นเองทัง โรลชูวถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินคำพูดของแพทย์ เธอจ้องคราบน้ำตาของลุงจ้าวที่กำลังร้องไห้อยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ขณะที่เธอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ตราบใดที่ลุงจ้า
ริมฝีปากของทัง โรลชูว ค่อย ๆ ขดเป็นรอยยิ้มที่เย็นชาช้า ๆ “เธอช่างเป็นคนที่ร้ายกาจมาก เธอเปลี่ยนยาของพ่อฉัน และแกล้งทำข้อตกลงโอนหุ้นเพื่อพยายามยึดตระกูลทัง อีกทั้งเธอยังตัดท่อช่วยหายใจของพ่อฉันออกแล้วผลักคุณลงบันไดอีก ทั้งหมดเพื่อประโยชน์ของกู โรลโรล ถ้าเพราะลูกของเธอแล้วคงไม่มีอะไรที่เธอไม่กล้าทำ”เมื่อได้ยินสิ่งที่ ทัง โรลชูวพูด ลุงจ้าวก็รู้สึกประหลาดใจ “เธอเป็นคนร้ายกาจอะไรขนาดนั้นได้ยังไง คุณผู้ชายไม่ดีพอสำหรับเธอเหรอ?”“ลุงจ้าวคะ ความโลภสามารถกลืนกินความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของมนุษย์ได้หมด ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวและโลภอย่างเธอ คงจะไม่สนเรื่องความสัมพันธ์หรอกค่ะ”แม้แต่สุนัขก็ยังรู้ที่จะกระดิกหางต่อหน้าเจ้านายของมัน แต่กู โรลโรล และ เซา เสี่ยวหวันนั้นยังทำตัวแย่ยิ่งกว่าสุนัขซะอีกลุงจ้าวถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าและส่ายหัวออกมา “คุณหนูครับ ผมรู้สึกเสียใจต่อคุณหนูกับคุณผู้ชายมาก”ทัง โรลชูวยิ้ม “อันที่จริงแล้ว ฉันควรจะขอบคุณพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา ฉันก็คงไม่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ขนาดนั้น”การถูกทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เธอแข็งแกร่งเกินไปสำหรับพวกเขาเ
ความบาดหมางระหว่าง กู โรลโรล และ หนิง เฉียวเฉียวเป็นเพราะจี ยินเฟง แต่ทังไห่ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ต้องการให้พวกเขาทำงานถ่ายแบบด้วยกันซีอีโอของทังไห่นั้นเป็นคนที่ง่าย ๆ พอที่จะคิดว่าเรื่องนี้จะช่วยให้พวกเธอละทิ้งความบาดหมางกันในอดีต และกลายเป็นเพื่อนกันได้ แต่เขาคิดเรื่องความอิจฉาริษยาระหว่างผู้หญิงผิดไป“ถ้าเธอจะถ่าย งั้นฉันก็ไม่ทำ”เมื่อ หนิง เฉียวเฉียวเห็น กู โรลโรลในมาที่นี่ หน้าของเธอก็ไม่รับบุญไปและสั่งผู้จัดการของเธอผู้จัดการไม่เห็นด้วย “เฉียวเฉียว เพราะเรื่องอื้อฉาวนั้น ทำให้ความนิยมของคุณจึงลดลงอย่างมาก โฆษณาและโอกาสในการแสดงละครมีน้อยลงไปเรื่อย ๆ มันแทบไม่เหลือเลย ตอนนี้โชคดีที่บริษัทต้องการให้คุณทำงานนี้ ถ้าคุณออกไปตอนนี้อนาคตของคุณคงจะจบแค่นี้แน่ ๆ"เธอเข้าใจเรื่องที่ผู้จัดการของเธอกำลังพูด แต่เธอรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ที่คิดว่าจะอยู่ในภาพถ่ายเดียวกันกับกู โรลโรลทั้งหมดเป็นเพราะกู โรลโรล เธอถึงต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วยความเกลียดชังและการล้างแค้นของเธอ เธอจะถ่ายรูปกับเธอลงได้ยังไง?“ยังไงฉันฉันไม่ยอม ฉันจะรับผลที่ตามมาเอง” หนิง เฉียวเฉียวยังคงยืนยันคำเดิม เธอไ
คนที่มุงดูอยู่ก้มหน้าก้มตา แสร้งทำเป็นยุ่งเมื่อพวกเธอหันมามองที่พวกเขากู โรลโรลหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ ขณะที่เธอเดินไปนั่งพักผ่อนที่มุมหนึ่งของสตูดิโอ มีใครบางคนนั่งอยู่อย่างเงียบ ๆ“พี่โรลชูว เราออกไปตอนนี้ดีไหม?”นี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวซูออกมาสัมภาษณ์กับพี่สาวโรลชูว และเขาไม่คิดเลยว่าจะมีสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้เกิดขึ้นเขารู้ว่า กู โรลโรล และ หนิง เฉียวเฉียวต่างก็มีความบาดหมางกับพี่โรลชูว ดังนั้นเขาจึงถามเธอก่อนตัดสินใจเดินขึ้นไปสัมภาษณ์“ทำไมเราจะไม่ออกไปล่ะ” ทัง โรลชูวตอบ“ไม่สิ…ไม่…” เสี่ยวซูไม่คิดว่าพี่สาวโรลชูวจะตอบมาเช่นนี้เดิมทีเขาคิดว่าเธอจะรู้สึกอึดอัดใจ และคงจะยกเลิกสัมภาษณ์ในครั้งนี้ไปเสียก่อนเมื่อเห็นว่าเขากำลังสับสน ทัง โรลชูวก็ตบบ่าของเขาก่อนที่จะให้คำแนะนำเขาจากใจจริง “เสี่ยวซู เราเป็นนักข่าว ดังนั้นในอนาคตไม่ว่าเราจะเจอสถานการณ์แบบไหน เราต้องแสดงให้เห็นว่าเราเป็นมืออาชีพมาพอ และทำในสิ่งที่เราควรจะทำ”"ครับ" เสี่ยวซู พยักหน้า "ออกไปกันเถอะ"พูดจบเขาก็เดินนำทัง โรลชูว และตรงไปยังใจกลางของสตูดิโอทัง โรลชูวยิ้ม และรีบเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว...ก่
ทัง โรลชูวไม่โต้เถียงกับกู โรลโรล จนกระทั่งแอนมาถึง ทัง โรลชูวได้สัมภาษณ์เกี่ยวกับช่วงแรก ๆ ของแอน และผลงานที่ผ่านมาของเธอ เธอเป็นผู้กำกับที่มากความสามารถมากจริง ๆ ที่สำคัญกว่านั้น เธอเป็นผู้หญิงและยังค่อนข้างที่จะเด็กอยู่อีกด้วย ด้วยวัยสามสิบต้น ๆ ของเธอเนื่องจากเธอได้ทักทายแอนก่อนจะมา ทัง โรลชูวจึงเดินตรงไป และยื่นมือออกไปขณะที่เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "สวัสดีค่ะ ฉันทัง โรลชูว จากบริษัทข่าวบันเทิงไทม์” แอนอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็วและยื่นมืออกไปจับมือทัง โรลชูว แล้วยิ้มกลับ “สวัสดีค่ะ ฉันแอน” นั่นถือว่าพวกเธอทักทายกันเสร็จแล้ว และเนื่องจากพวกเขาต้องถ่ายทำโฆษณา ทัง โรลชูว และเสี่ยวซูจึงนั่งลงเพื่อรอ พวกเขาเฝ้าดูแอนทำงานอย่างเงียบ ๆ ขณะที่เธอกำกับทีมงานในกองถ่าย “ว้าว เธอเก่งถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสี่ยวซูอ้าปากค้าง เสี่ยวซูทำการบ้านก่อนที่จะมาสัมภาษณ์แอน และเห็นภาพของเธอมาก่อน ด้วยผมที่ยาวสลวยของเธอ มันทำให้เธอดูมีออร่าที่โดดเด่น และดึงดูดใจทุกคนให้หันมามองเธอ แม้ว่าเธอจะไม่สวยมากนักก็ตาม แต่นี่มันเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง ในตอนที่เขาได้มาเจอตัวจริง ด้วยโ