ลู่เฉินเป็นทายาทที่กําหนดโดยชายชราตระกูลลู่ แม้ว่าคนอื่น ๆ จะไม่ยอมเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทางเลือก ในตระกูลลู่ ชราตระกูลลู่ก็คือพระเจ้าไม่มีใครกล้าคัดค้านสิ่งที่เขาพูด แม้ว่าจะไม่พอใจก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ ได้แต่ฝังมันไว้ในใจเท่านั้นหลินตงตามลู่เฉินสองพี่น้องเข้าไปในห้องโถงหลักด้วยกันก็เห็นชายชราที่มีรอยย่นเต็มหน้า นั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะกาแฟด้านหน้าของเขามีหม้อน้ำชาร้อน ๆ วางอยู่ ข้างหลังมีชายวัยกลางคนสี่คนยืนอยู่ สองคนในนั้นคือสองคนที่ถูกลุงซานที่อยู่ข้าง ๆ ฉินเจิงโจมตีได้รับบาดเจ็บสาหัสในฟู่ลี่จินซาครั้งที่แล้ว"คุณปู่!""คุณปู่!"สองพี่น้องลู่เฉินนั่งซ้ายขวาต่อหน้าชายชราแล้วเรียกชายชรายิ้มและพยักหน้า จากนั้นมองไปที่หลินตง"สวัสดีครับคุณปู่ลู่!" หลินตงทักทายอย่างสุภาพลู่รุ่ยไม่ได้พูดเพียงแค่มองดูหลินตงอย่างระมัดระวังกระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งหรือสองนาทีก่อนที่ลู่รุ่ยจะพูดว่า "ไม่เลว! ไม่เลว! สมกับเป็นฮีโร่หนุ่มที่สามารถเอาชนะฉินเจิงได้!""คุณปู่ลู่ชมเกินไปแล้ว หลินตงอายเล็กน้อย!" หลินตงพูดอย่างถ่อมตัว"หนุ่มหลิน นายก็ไม่จําเป็นต้องถ่อมตัว ฉินเจิงก็ถือว่าเป็นคนที่ดีเด
หลังจากลู่เซียวเซียวจากไป หลินตงก็คุยกับชายชราตระกูลลู่อีกสองสามคำ ชายชราตระกูลลู่ให้ลู่เฉินอยู่กับหลินตงและตัวเองก็ลุกขึ้นไปข้างบนระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ลู่เซียวเซียวยังคงหน้าแดง! และหลบหลีกหลินตงตลอดเวลาไม่กล้ามองเขาหลังอาหารกลางวัน หลินตงต้องการจากไป แต่ถูกชายชราตระกูลลู่เรียกไปที่ห้องหนังสือตามลำพัง"หนุ่มหลินเชิญนั่ง!" ลู่รุ่ยนั่งอยู่บนโซฟาในห้องหนังสือและพูดกับหลินตงหลินตงหาที่นั่งและไม่ตอบกลับ รอให้อีกฝ่ายพูดน่าจะมีอย่างอื่นที่ชายชราตระกูลลู่เรียกเขามา"หนุ่มหลิน นายคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้ของตระกูลลู่ของฉันเป็นอย่างไรบ้าง?" ลู่รุ่ยถาม"ยิ่งใหญ่สุด ๆ!" หลินตงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเขาไม่รู้ว่าทําไมลู่รุ่ยถึงถามแบบนี้ แต่เท่าที่เขารู้ ตระกูลลู่ในเจียงเฉิงและแม้แต่มณฑลเจียงหนานทั้งหมด ยิ่งใหญ่สุด ๆ จริง ๆ"ยิ่งใหญ่สุด ๆ เป็นเพียงภายนอกเท่านั้น ถ้าจู่ ๆ ฉันไม่อยู่แล้ว ตระกูลลู่ก็ไม่มีใครสามารถแบกรับภาระหนักนี้ได้ ตระกูลลู่เป็นเนื้ออ้วนชิ้นหนึ่ง ใคร ๆ ก็อยากกัดสักคำแบบนั้น" ลู่รุ่ยถอนหายใจหลินตงตกตะลึงพูดว่า "นี่เป็นไปไม่ได้มั้ง! ผมคิดว่าพี่ลู่เฉินน่าจะมีความสามาร
เดิมทีเขาคิดว่าชายชราตระกูลลู่เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง แต่หลังจากพบกันจึงพบว่าก็เป็นแค่ชายชราไม้ใกล้ฝั่งจิตวิญญาณของหลินตงนั้นแข็งแกร่งมากจนเขาไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามจากชราตระกูลลู่เลยแม้แต่น้อยในตอนนี้บางทีชราตระกูลลู่อาจเคยแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้เขาเป็นชายชราธรรมดาอย่างชัดเจนมันยากที่จะจินตนาการว่าครอบครัวที่ยิ่งใหญ่สุด ๆ ถูกสร้างขึ้นจากชายชราที่อยู่ข้างหน้าเขาหากชายชราหายไม่อยู่อย่างกะทันหัน อาคารใหญ่ของตระกูลลู่ก็จะพังทลายลง"หลินตงไม่รู้! ขอให้คุณปู่ลู่ชี้แนะด้วย!" หลินตงถามไม่ใช่ว่าเขาอยากรู้อยากเห็นหรืออะไร แต่เมื่อลู่รุ่ยหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา เขาจะต้องพูดต่ออย่างแน่นอนเขาเพียงแค่ถามไปตามน้ำเท่านั้นแน่นอน ลู่รุ่ยพูดต่อ: "นั่นเป็นเพราะฉันยังมีอีกตัวตนหนึ่ง!""ตัวตนอะไร?" หลินตงถามอย่างให้ความร่วมมือ"สมาชิกเกษียณอายุของหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งชาติกลุ่มบี!""สมาชิกเกษียณอายุของหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งชาติกลุ่มบี? นี่เป็นองค์กรอะไร?" หลินตงถามอย่างสงสัย!"ถ้าจะพูดถึงองค์กรนี้ ก็ต้องพูดถึงกลุ่มนักรบก่อน ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน กลุ่มนักรบก็ไม่เคยหายไป แต่สําหรับ
หลังจากที่ลู่รุ่ยพูดจบ หลินตงก็เข้าใจแล้วหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งชาติคงเป็นองค์กรที่ยอดเยี่ยมมากชายชราลู่เคยเป็นสมาชิกขององค์กรนี้ แต่เกษียณเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ แต่ก่อนที่เขาจะตาย องค์กรจะยังคงรักษาตระกูลลู่ของเขาไว้ให้ปลอดภัยแต่นี่มีข้อกําหนดเบื้องต้นว่าตระกูลลู่ต้องเป็นฝ่ายที่มีเหตุผล ถ้าตระกูลลู่เองต้องการล่วงละเมิดผู้อื่น องค์กรนี้จะไม่สนใจพูดง่าย ๆ ก็คือ คุณมีผู้สนับสนุนเมื่อคุณมีเหตุผล และคุณต้องแบกรับเมื่อคุณไม่มีเหตุผลลู่เฉินหยิบอาวุธออกมาและต้องการฆ่าคนของฉินเจิง นั่นก็คือไม่สนใจ ตายก็ตายเปล่าแต่ทำไมชายชราคนนี้พูดกับตัวเองเยอะขนาดนี้?ยังบอกว่าจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่ตัวเอง?หรือว่าจะให้ฉันเข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งชาติ?ถ้าเข้าร่วมได้ก็ดี งั้นเราก็ถือว่าเป็นคนที่มีสถานะและมีที่พึ่งพิงแล้ว อย่างน้อยใช้เงินสักหน่อยก็ไม่ต้องกลัวอีกแล้วใช่ไหม?ฉันไม่ได้ขโมยหรือปล้น ใช้เงินของตัวเอง ถ้าคนอื่นอิจฉาและมารบกวน ก็ถือว่าสมเหตุสมผลใช่ไหม?พอคิดแบบนี้แล้ว หลินตงกลับรู้สึกดีคือไม่รู้ว่ามีข้อจำกัดอะไรหรือเปล่า?จะต้องไปทํางานเก้าโมงเช้าเลิกห้าโมงเย็นทุกวันหรือเปล่า?
ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่กล้าปล่อยออร่าใส่ลู่รุ่ย เขากลัวที่จะส่งชายชราที่ไร้พลังคนนี้ไปตอนนี้เลยหลินตงกลับไม่รู้ว่าอะไรที่เป็นระบบไม่ระบบ ไม่มีใครคิดในแง่นี้เลยความแข็งแกร่งของโลกนี้ถูกฝึกฝนทีละขั้นตอน ไม่มีวิธีที่จะประสบความสําเร็จอย่างรวดเร็วและไม่มีเรื่องปาฏิหาริย์แม้แต่คนที่มีพรสวรรค์ก็ต้องฝึกตั้งแต่เด็ก เมื่อผ่านช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้ว ก็สามารถใช้ชีวิตธรรมดาได้เท่านั้นดังนั้นแม้ว่าบางคนจะตรวจสอบภูมิหลังของเขาได้ แต่ก็จะคล้ายกับที่ลู่รุ่ยคาดเดาเท่านั้น"หนุ่มหลินไม่จําเป็นต้องตื่นตระหนก เราเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่ศัตรู ส่วนเรื่องที่ฉันตรวจสอบนาย นายควรขอบคุณฉันมากกว่า เพราะหลังจากฉันตรวจสอบเสร็จ ฉันก็ซ่อนตัวตนของนายไว้ และเวลาต่อมามีคนอย่างน้อยสามกลุ่มได้ตรวจสอบภูมิหลังของนาย แต่ตรวจสอบอะไรไม่ได้เลย" ลู่รุ่ยอธิบายออร่าที่หลินตงเพิ่งปล่อยออกมานั้นแข็งแกร่งมาก!แม้ว่าออร่าจะไม่ได้มุ่งตรงไปที่เขา แต่ในฐานะอดีตยอดฝีมือรายการเสือ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะหายไปในขณะนี้ การรับรู้ของยอดฝีมือรายการเสือยังคงอยู่หลินตงแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่เขาถึงจุดสูงสุดเสียอีก!ยิ่งทำใ
ลู่รุ่ยกล่าวต่อไปว่า "หน่วยปฏิบัติการพิเศษเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐต่อกลุ่มนักรบในประเทศ ในเมื่อมีสำหรับภายใน ก็ย่อมมีสำหรับภายนอก""สำหรับภายนอก? สำหรับนักรบต่างชาติ?" หลินตงถาม"ถูกต้อง! สันติภาพระหว่างประเทศไม่ได้สงบสุขอย่างที่เห็นภายนอก อย่างไรก็ตาม ทุกคนตกลงที่จะไม่ใช้อาวุธทำลายล้างสูงเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิต ดังนั้นเราจึงทำได้เพียงใช้อาวุธเพื่อสำรวจส่วนลึกของกันและกัน""และองค์กรที่มีเป้าหมายนักรบต่างชาติเรียกว่าเหยี่ยว หากคุณสามารถเข้าร่วมสององค์กรนี้ในเวลาเดียวกัน ข้อมูลของคุณจะเป็นระดับสูงสุดของประเทศ นอกจากคนไม่กี่คนแล้ว ไม่มีใครสามารถค้นดูได้ ตราบใดที่คุณไม่ทรยศต่อประเทศ คุณก็เท่ากับมีเครื่องรางสองอัน""สามารถเข้าร่วมสององค์กรนี้ในเวลาเดียวกันได้?" หลินตงถามอีกครั้ง"ได้ แต่ก็มีเงื่อนไขบางประการ"หลินตงออกมาจากห้องหนังสือของชายชราลู่ ทักทายพี่น้องลู่เฉินและลู่เซียวเซียวและออกจากบ้านตระกูลลู่เขาต้องกลับไปวิเคราะห์สิ่งที่ชายชราลู่บอกเขาในวันนี้นอกจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งชาติแล้ว ยังมีองค์กรชื่อเหยี่ยวซึ่งเป็นองค์กรที่มีเป้าหมายเป็นนักรบ
"หัวหน้า! ผมไม่มีหน้าที่จะโทรหาคุณ ปีนั้นไม่สามารถทำภารกิจที่คุณให้สำเร็จได้!" ลู่รุ่ยกล่าว"ไร้สาระ! เรื่องในปีนั้นเป็นเพราะข่าวกรองผิดพลาด เลยทําให้ภารกิจล้มเหลว ไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่คุณกลับจ่ายราคาหนัก ท้ายที่สุดแล้ว องค์กรก็ยังเป็นหนี้คุณอยู่""หัวหน้า! เรื่องปีนั้นผ่านไปหลายปีแล้ว อย่าเพิ่งพูดถึงอีกเลย ครั้งนี้ผมโทรหาคุณเพื่อแนะนําใครสักคนให้คุณ เขาอยากสอบบุคคลภายนอก""ใคร?""ยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ของรายการเสืออายุประมาณยี่สิบปี!""อะไรนะ! คุณแน่ใจเหรอ? แล้วภูมิหลังตัวตนล่ะ? เป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ไหน? หรือผู้สืบทอดลับคนไหน?""ไม่ใช่ลูกตระกูลใหญ่! ภูมิหลังสะอาดมาก แต่คงมีอาจารย์ท่านหนึ่ง รายละเอียดเป็นใครยังตรวจสอบไม่พบ เดี๋ยวผมจะส่งข้อมูลให้คุณ""ได้! ในเมื่อคุณเป็นคนแนะนำ ผมเชื่อคุณแน่นอน! จะมาจิงตูเมื่อไหร่? เราไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว! ถ้าไม่รวมตัวกันอีก เราจะฝังดินกันแล้ว""หัวหน้า! มีโอกาสผมจะมา!""โอเค! แล้วฉันจะรอคุณ!"หลังจากที่ลู่รุ่ยวางสาย เขาก็โทรออกอีกครั้งอีกฝ่ายก็เป็นชายชราเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ แต่เป็นของเหยี่ยวเขาได้รับโควตาการสอ
จิงตูในบ้านสวนโบราณหลังหนึ่งชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ที่สนาม พลิกดูข้อมูลที่ลู่รุ่ยเพิ่งส่งมา ข้อมูลมีความหนามาก มีเจ็ดหรือแปดหน้า โดยพื้นฐานแล้วเล่าถึงประสบการณ์ยี่สิบเอ็ดปีก่อนหน้านี้ของหลินตง ชายชราดูช้า ๆชายวัยกลางคนที่สง่างามสองคนยืนอยู่ด้านหลังชายชราชายชราคนนี้ดูเหมือนจะอายุไม่น้อยแล้ว อย่างน้อยก็ไม่น่าจะแตกต่างจากลู่รุ่ยมากนักแต่เขาแตกต่างจากลู่รุ่ย ลู่รุ่ยเต็มไปด้วยรอยย่นและจิตวิญญาณที่ซบเซา ดูเหมือนว่าวาระกําลังจะมาถึงแต่เขามีใบหน้าเหมือนเด็ก ผมขาว และมีจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยม แม้ว่าจะมีชีวิตอยู่อีกยี่สิบสามสิบปีก็ไม่มีปัญหาเลยชายชราคนนี้ก็คือถังไห่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษแห่งชาติกลุ่มบี เขาอยู่ในตําแหน่งหัวหน้ากลุ่มบีนี้มานานกว่าสามสิบปีแล้ว แต่ก็ยังแข็งแกร่งไม่ใช่ว่าเขาโลภอำนาจและไม่เปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาว จริง ๆ แล้วเขาทำรายงานและยื่นขอเกษียณอายุหลายฉบับแต่ไม่ได้รับการอนุมัติเลยเพราะจนถึงตอนนี้กลุ่มบียังหาคนที่สามารถป้องปรามได้ทั้งกลุ่ม และประสานงานภาพรวมมาทดแทนเขาไม่ได้กลุ่มบีซึ่งเป็นหน่วยงานสำคัญของประเทศในการรักษาความสงบเรียบร้อยของนักรบภายในประเทศมีภารก
"พี่เฉิน ฉันขอโทษ ฉันเป็นคนทำให้คุณเดือดร้อน ไปสู้กันเถอะ"หลังจากหลินตงพูดจบ เขาก็แปลงร่างกายาทองคำอมตะอีกครั้ง!แม้ว่าเฉินจิงจื่อหานจะไม่ค่อยเข้าใจว่าคำพูดของหลินตงหมายถึงอะไรแต่เมื่อเห็นว่าหลินตงเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อีกครั้งเขาก็ไม่สามารถถอยกลับได้เช่นกันท้ายที่สุดแล้ว เขาก็มาจากอารยธรรมระดับสูง จะแพ้คนอย่างหลินตงที่มาจากอารยธรรมระดับต่ำกว่าได้อย่างไร?ให้ได้รู้ซะบ้าง วิชาลับของสำนักดาวสวรรค์น่ากลัวขนาดไหนทั้งสองแสดงกายาทองคำอมตะออกมาทีละคน พร้อมที่จะต่อสู้ในขณะนี้ ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมาท่ามกลางอสูรยักษ์สีทองหลายสิบตัว"โจมตี!!!"ทันใดนั้น อสูรยักษ์สีทองทั้งหมดก็ปลดปล่อยความเร็วสูงสุดและพุ่งเข้าหาหลินตงและเฉินจิงจื่อหานในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็เตรียมท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาเช่นกันตั้งใจที่จะทำร้ายหรือแม้กระทั่งฆ่าหลินตงและสหายในการโจมตีครั้งแรกนี่จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้พวกเขาตอบโต้กันปรมาจารย์ระดับเซียนเดินดินเกือบสามสิบคนลงมือพร้อมกันช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ?ยุนซีกับสาวๆ ที่กำลังดูอยู่ ต่างก็ใจเต้นรัวเธอกลัวว่า
เฉินจิงจื่อหานอาจยังคงนึกถึงภาพที่อสูรดาราเหล่านี้คุกเข่า และขอความเมตตาหลังจากที่ป้าหงของเขาลงมือ!แต่ความจริงก็คือคนที่ทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ ต้องตำหนิหลินตงถ้าไม่ใช่เพราะเขาไป๋หลี่เหยียนหงจะใช้พละกำลังทั้งหมด เพื่อควบคุมตัวเองแ ละไม่สามารถลงมือได้อย่างไร?แต่ว่าหลินตงเองก็บริสุทธิ์เช่นกันการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณของเขากับไป๋หลี่เหยียนหง เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเขาอย่างสิ้นเชิงใครทำให้ร่างเสน่ห์ของไป๋หลี่เหยียนหงน่าดึงดูดเกินไปล่ะ?ทำให้พลังจิตวิญญาณของเขาถูกดึงดูดเข้าหาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และทำสิ่งที่เลวร้ายเช่นนี้หลินตงก็เพิ่งค้นพบเป็นครั้งแรกเช่นกัน ว่าพลังจิตวิญญาณก็สามารถเป็นเช่นนี้ได้?นั่นทำลายความเข้าใจของเขาที่มีต่อโลกไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อมองดูอสูรยักษ์สีทองเกือบสามสิบตัวเคลื่อนเข้ามาใกล้เฉินจิงจื่อหานยังคงเฉยเมยในความคิดของเขาใครหนุนหลังเขาอยู่?นั่นคือไป๋หลี่เหยียนหง!!!ผู้นำของเจ็ดเซียนแห่งนิกายแก้วเจ็ดแสงรุ่นก่อนราชันย์อมตะแห่งอาณาจักรนิรันดรนิกายแก้วเจ็ดแสงจะมีเซียนที่ไม่มีใครเทียบได้เจ็ดคนซึ่งเป็นตัวแทนด้วยเจ็ดสี ได้แก่ แดง
อสูรดาราในอสูรกาแล็กซีเหล่านี้ไม่ได้ฆ่าหลินตงทันที แต่เลือกที่จะค่อยๆ เข้าใกล้และบีบวงล้อมของพวกมันพวกเขาจะทำเช่นนี้เพราะทั้งหลินตงและคนอื่นๆ ต่างก็เป็นปรมาจารย์ระดับเซียนเดินดินที่มีศาสตราเทพมายาอันตรายอย่างยิ่งหากทั้งสองร่วมมือกันและโจมตีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยกะทันหัน ก็มีแนวโน้มว่าจะส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิตได้ดังนั้นจึงจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้หลินตงและเฉินจิงจื่อหานตอบโต้ตราบใดที่ขวางทางถอยของหลินตงและค่อยๆ รุกคืบ แม้ว่าหลินตงจะลอบโจมตี พวกเขาก็จะมีเวลาตอบสนองและหลีกเลี่ยงผลที่ตามมาอันเลวร้ายหากปรมาจารย์ระดับเซียนเดินดินเกือบสามสิบคนรวมใจกันเป็นหนึ่ง แล้วโจมตีพร้อมกัน โดยไม่สนว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือไม่ หลินตงกับเฉินจิงจื่อหานจะไม่มีโอกาสต้านทานท้ายที่สุดแล้ว ความแตกต่างด้านจำนวนคนของทั้งสองฝ่ายนั้นมากมายเกินไปน่าเสียดายที่ไม่ใช่พวกเขาอสูรยักษ์สีทองเหล่านี้คือกำลังรบชั้นนำของเผ่าพันธุ์ของตน ไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์ตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของอสูรดาราที่ัตัวเองสังกัดอยู่ด้วยหากใครคนใดคนหนึ่งถูกหลินตงเล็งเป้าโจมตีอย่างกะทันหันจนได้รับบาดเจ
หลังจากเข้าใกล้เต่ายักษ์แล้ว พวกเขาก็ถอนกายาทองคำอมตะและยืนอยู่บนกระดองของมันอย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์การเคลื่อนไหวของพวกเขาดึงดูดความสนใจของอสูรยักษ์สีทองที่อยู่รอบ ๆ ทันที“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้แกยังทำเป็นเก่งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ? ไม่เพียงแต่แกเรียกพวกเราว่าสัตว์เดรัจฉาน แถมยังบอกอีกว่าถึงเราจะโจมตีพร้อมกัน ก็ยังไม่สามารถฆ่าแกได้ ตอนนี้ทำไมล่ะ? กลัวขึ้นมาแล้ว? ถ้ากแน่กริงก็เข้ามา! มาสู้กันอีกสามร้อยยก!” ป้าเทียนเยาะเย้ย"ชิ!!! ในหัวนั่นมีสมองอยู่ไหม? แกมองยังไงว่าฉันหนี? ถ้าฉันกลัวคงวิ่งหนีไปแล้ว? ตอนนี้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าพวกแแกกล้าก็มาฆ่าฉันสิ!" เฉินจิงจื่อหานตะโกนตอนนี้ เขาได้กลับมามีท่าทีเหมือนเจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักดาวสวรรค์อีกครั้งแล้วนี่แหละยังอธิบายได้ว่า ใช้อำนาจรังแกคนอื่นมีไป๋หลี่เหยียนหง ปรมาจารย์ระดับราชันย์อมตะหนุนหลังอยู่แน่นอนว่าเขาจะไม่กลัวขยะพวกนี้เฉินจิงจื่อหานเมินอสูรยักษ์สีทองที่กำลังเข้ามาเหล่านี้แต่หลินตงที่อยู่ข้างๆ กลับรู้สึกกังวลเล็กน้อยไป๋หลี่เหยียนหงเคยกล่าวไว้90% ของพลังการต่อสู้ของเธอ จะต้องใช้เพื่อระงับความปรารถนาที่กำ
คำพูดของเฉินจิงจื่อหาน เรียกได้ว่าด่าอสูรยักษ์สีทองเรียงแบบเหมารวมเลยพวกเขาคืออสูรดาราที่สูงส่ง เคยโดนเหยียบศักดิ์ศรีขนาดนี้เมื่อไหร่ ถึงกลับถูกด่าว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานนี่มันเกินกว่าที่ใครจะทนได้แล้วจริง ๆแต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีใครกล้าลงมือทันทีแต่เพราะกำลังรอการกระทำต่อไปของป้าเทียนป้าเทียนคือหนึ่งในสามปรมจารย์อาณาจักรนิรันดรระดับจุดสูงสุดเซียนเดินดินของมังกรทลายฟ้าถูกซัดจนบาดเจ็บไม่พอ ยังโดนด่าเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไว้ได้"ดี! ดีมาก! ดีจริงๆ !"ป้าเทียนพูดคำว่าดีออกมาติดกันถึงสามครั้ง ก่อนจะตะโกนลั่น “พี่ใหญ่! พี่รอง! พวกท่านก็ได้ยินใช่ไหม ไอ้มนุษย์นั่นมันกล้าด่าพวกเรามังกรทลายฟ้าว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานเลือดโสโครก มังกรทลายฟ้าเคยถูกเหยียบศักดิ์ศรีขนาดนี้เมื่อไหร่กัน? แล้วพวกคุณ เมื่อครู่ก็โดนด่าเหมือนกัน ทุกคนยังจะทนได้อยู่อีกเหรอ?”คำพูดของเขายังไม่ทันจบดี ก็มีเสียงตอบรับดังกลับมา“ทุกคนลุยพร้อมกันเลยเถอะ! รีบจัดการให้จบเร็วๆ ตามที่น้องสามของฉันพูดเมื่อกี้ ของรางวัลจากศึกนี้ มังกรทลายฟ้าของฉันขอแค่สนับมือ ส่วนที่เหลือ พวกคุณก็เอาไปแบ่งกันเอ
ไม่ว่าจะเป็นหลินตง หรือมนุษย์ที่อยู่ข้างเขา ก็ไม่ต่างกันหลินตงสามารถข้ามระดับย่อยสองขั้น แล้วเอาชนะปรมาจารย์เซียนเดินดินตอนปลายอย่างหยวนเซิงได้มนุษย์หนุ่มคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน สามารถข้ามย่อยหนึ่งระดับ แล้วเอาชนะป้าเทียน ที่อยู่ระดับจุดสูงสุดเซียนเดินดินเหล่าอสูรยักษ์สีทองที่ล้อมอยู่รอบๆ ต่างก็อิจฉาตาร้อนพวกเขาแทบรอไม่ไหว อยากจะลงมือจัดการหลินตง เพื่อแย่งชิงศาสตราเทพมายาที่เขาครอบครองไว้ถ้าแย่งมาได้ ตัวเองก็จะมีพลังที่สามารถสู้ข้ามระดับเช่นกัน“อาณาจักรนิรันดรระดับจุดสูงสุดเซียนเดินดิน? มีแค่นี้เองเหรอ!!! ฮ่า ๆๆ” เฉินจิงจื่อหานหลังจากซัดป้าเทียน แล้วก็ยังยืนหัวเราะลั่นอยู่ที่เดิมเสียงหัวเราะของเขานั้น ป้าเทียนได้ยินเต็มๆ ช่างบาดหูมากการที่ตัวเองถูกมนุษย์ที่มีพลังต่ำกว่าหนึ่งขั้นเล่นงาน จนได้รับบาดเจ็บถือเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาเลยในอสูรกาแล็กซี มังกรทลายฟ้าคือเผ่าพันธุ์อันดับหนึ่ง ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดกล้าท้าทายเคยชินกับการใช้กำลังข่มขู่ จนกลายเป็นนิสัยของพวกเขา และไม่เคยถูกเหยียบศักดิ์ศรีแบบนี้มาก่อน?ในเวลานี้ ในใจของป้าเทียนเองก็เต็มไปด้วยความตกตะลึ
ป้าเทียนหลบหมัดดาวสวรรค์สยบมารของเฉินจิงจื่อหานได้เพียงฉิวเฉียด แต่ยังไม่ทันได้โต้กลับ หมัดอีกข้างของเฉินจิ้งจื่อหานหมัดอีกข้างก็พุ่งเข้าใส่ทันทียังคงเป็นหมัดดาวสวรรค์สยบมารอันทรงพลัง ป้าเทียนถึงกับมองเห็นอย่างลางๆ ที่เหนือหมัดดาวสวรรค์สยบมารของเฉินจิงจื่อหานมีดาวเคราะห์สีแดงเพลิงขนาดมหึมาความร้อนแผ่ซ่าน ทำให้เขารู้สึกว่าผิวหนังกำลังร้อนแสบหมัดนี้ เขาหลบไม่ทัน จึงทำได้แค่รับมันไว้อย่างเต็มแรงหมัดราชันย์!!!แต่ป้าเทียนก็ไม่ยอมแพ้สวนกลับด้วยหมัดราชันย์ สุดยอดไม้ตายของมังกรทลายฟ้าฟาดใส่เเฉินจิงจื่อหานเต็มแรงเฉินจิงจื่อหานเผยสีหน้าเหยียดหยามถึงหมัดของป้าเทียนจะดูทรงพลังไม่น้อยแต่หากเทียบกับ หมัดดาวสวรรค์สยบมาร หนึ่งในสุดยอดวิชาของสำนักดาวสวรรค์แล้ว ยังห่างกันเกินไป และไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันด้วยซ้ำและที่สำคัญ ตอนนี้เฉินจิงจื่อหานยังมีศาสตราเทพมายาที่พ่อมอบให้---เปลวตะวันสนับมือถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อใช้คู่กับหมัดดาวสวรรค์สยบมาร เมื่อทั้งสองผสานรวมกัน พลังจะยิ่งรุนแรงยิ่งกว่าเดิมแม้จะยังเทียบไม่ได้กับตอนที่หลินตงใช้ดาบกำราบมารร่ายวิชาดาบกำราบมารแต่ถึงอย่างนั
ไม่แน่อาจจะมีชิ้นที่สาม หรือชิ้นที่สี่ก็ได้และคนที่ดีใจที่สุดท่ามกลางทุกคน คงหนีไม่พ้นป้าเทียนแห่งมังกรทลายฟ้าเขามีวิชาหมัดราชันย์ ซึ่งต้องอาศัยสนับมือช่วยเสริมพลัง จึงจะสามารถปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ไม่ทันได้ออกแรง ก็มีคนเอามาประเคนถึงหน้าสนับมือศาสตราเทพมายาคู่นั้น ต้องเป็นของเขาป้าเทียนเมื่อได้สนับมือมาครอบครองแล้ว พลังของหมัดราชันย์ จะต้องเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน“ฮ่าๆ นึกไม่ถึงจริงๆ พวกแกรู้ได้ยังไงว่า ฉันกำลังต้องการสนับมือศาสตราเทพมายาอยู่? ถึงกับรีบเอามาส่งให้ฉันถึงที่ ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่เกรงใจล่ะนะ สนับมือคู่นี้ ใครก็ห้ามแย่ง ส่วนของอย่างอื่น ฉันไม่ต้องการ” ป้าเทียนพูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง“ได้เลย! ป้าเทียน! สนับมือคู่นี้ให้คุณ ส่วนศาสตราเทพมายาชิ้นอื่น ไม่ว่าจะมีอีกกี่ชิ้น คุณห้ามแตะต้องเด็ดขาด”“ใช่! ป้าเทียน สนับมือคู่นั้นให้คุณ แล้วต่อให้หลินตงไม่มีศาสตราเทพมายาเหลืออีก เราก็จะไม่แย่งกับคุณ แต่คุณก็ต้องให้สัญญาว่า จะเอาแค่สนับมือเท่านั้น”“ตกลง!!! ฉันจะเอาแค่สนับมือ ส่วนของชิ้นอื่นให้พวกคุณ” ป้าเทียนตอบกลับ"สัญญา!!!""สัญญา!!!"“ดูท่าพวกแก
ท่ามกลางฝูงอสูรยักษ์สีทองอาณาจักรนิรันดระดับเซียนเดินดินกว่าสิบตัวที่ล้อมรอบอยู่ ทุกตัวดูฮึกเหิมและพร้อมเปิดฉากโจมตีหลินตงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย และพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ฉันคิดไว้อย่างดีแล้ว ก็อยากให้พวกนายได้ศาสตราเทพมายามากกว่านี้เหมือนกัน แต่มันก็ช่วยไม่ได้! หามาได้แค่อันเดียวเอง ฉันก็ไม่ใช่นักมายากล จะเสกของตามใจพวกนายได้ยังไง""ทุกคน! ดูท่าหลินตงจะไม่คิดยกศาสตราเทพมายาให้ พวกเราจะรออะไรกันอีก ลงมือเลยเถอะ! แค่ฆ่าหลินตงให้ได้ ไม่ว่าเขาจะมีศาสตราเทพมายากี่ชิ้น สุดท้ายก็เป็นของพวกเราทั้งนั้นแหละ!" หยวนหมิงที่อยู่ข้างๆ เร่งเร้าเขาอยากจัดการหลินตงให้จบๆ โดยเร็วถ้าปล่อยไว้นานเกินไป อาจมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้เพราะหยวนหมิงสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ระดับเดียวกันมากมายขนาดนี้หลินตงไม่เผยความกลัวแม้แต่น้อย มีเพียงความเยือกเย็นส่วนชายหนุ่มที่มากับเขา ก็แสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมาแค่แวบเดียวแม้สีหน้านั้นจะปรากฏเพียงแวบเดียว แต่ก็ยังถูกหยวนหมิงสังเกตเห็นที่เกิดสถานการณ์แบบนี้ไม่อย่างนั้นสองคนนี้ก็ซื่อบื้อมากหรือไม่ก็ยังไม่ได้เอาไ