พี่หงรีบเดินไปด้านข้างเว่ยป้าวเว่ยป้าวโอบเอวอันอ่อนช้อยของพี่หงไว้ทันทีจางกุ้ยหลานเห็นคนกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ ก็ตกใจกลัวจนไม่กล้าส่งเสียงออกมาจากนั้นก็มองไปทางสวีเชาด้วยความระมัดระวัง ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถจัดการได้หรือไม่“เมื่อกี้ใครใช้ให้ผู้หญิงของฉันขอโทษมัน?” เว่ยป้าวตะโกนอย่างโมโห“ฉัน” สวีเชายืดอก และไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่นิดสายตาของเว่ยป้าวมองไปที่ตัวสวีเชาในทันทีในตอนนี้พี่หงพูดขึ้นเสียงเบา: “คนคนนี้คือสวีเชาเจ้าของบริษัทเทียนฉี่”เว่ยป้าวหรี่ตาลงเล็กน้อย: “ที่แท้นายก็คือสวีเชา”เมื่อเห็นสายตาดุดันของเว่ยป้าว ในใจของสวีเชาก็ได้เกิดความประหม่าอย่างอดไม่ได้แผ่นหลังก็มีเหงื่อเย็นซึมออกมา และเป็นกังวลอย่างมากแต่เขาก็ยังฝืนเดินเข้าไปเขาเค้นรอยยิ้มบางออกมาแล้วพูดขึ้น: “ท่านป้าวใช่ไหม? วันนี้ผมก็ไม่ได้มีข้อเสนอพิเศษอะไร เพียงแค่แฟนของคุณขอโทษเหวินเชาก็พอแล้ว”“เรื่องนี้ ผมก็ไม่ติดใจเอาความแล้ว”เขาเพิ่งพูดจบเว่ยป้าวก็ยกมือขึ้นฟาดใบหน้าของเขาเสียงดัง “เพียะ” ก้องกังวานไปทั้งบาร์เยว่หลาย“โอ๊ย…” สวีเชาถูกตบจนหน้าตางุนงง และวิงเวียนศีรษะ“อ๊ะ…นี่…”หลี่ฮุ่ยหราน
เว่ยป้าวออกคำสั่ง: “กระทืบแขนขาของไอ้หมอนี่ให้หักซะ”หลี่ฮุ่ยหรานเห็นแบบนี้ก็กัดฟัน และรีบเข้าไปขวางตรงหน้าน้องชายของตัวเองแล้วพูดขึ้น: “ท่านป้าว พวกเราชดใช้เงิน ชดใช้เงินคงจะได้ใช่ไหม?”ตอนนี้ใช้เหตุผลคงจะไม่ได้ผลแล้ว เธอทำได้แค่เลือกเสียทรัพย์เพื่อเลี่ยงภัยพิบัติพี่หงพูดถากถาง: “เมื่อครู่ฉันให้พวกเธอชดใช้เงินพวกเธอไม่ชดใช้ ตอนนี้กลัวแล้วเหรอ? ถ้ารู้แต่แรกก็คงไม่ทำสินะ?”หลี่ฮุ่ยหรานฝืนพูดขึ้นมา: “ประเด็นคือตอนนี้ในมือของฉันไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น ฉันผ่อนจ่ายได้ไหม?”เงินของตัวเองลงทุนไปกับโครงการของซีเฉิงหมดแล้วในมือไม่มีเงินเหลือแล้วจริง ๆเว่ยป้าวหันหน้ามองไปทางหลี่ฮุ่ยหราน: “เธอจะออกเงินกู้เหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบพูดอธิบาย: “แค่แบ่งจ่าย ไม่ได้ค้างชำระ เงินพวกเราจะชดใช้ให้แน่นอน”“น้องชายของฉันก็จะขอโทษพวกคุณ ทุกคนเปลี่ยนการต่อสู้ให้เป็นมิตรภาพจะดีกว่า พวกคุณคิดว่าอย่างไรคะ?”“เปลี่ยนการต่อสู้ให้เป็นมิตรภาพ?”เว่ยป้าวส่งเสียงไม่พอใจ: “เธอพูดได้ง่ายดายซะจริง วันนี้ถ้าเธอไม่มีปัญญาชดใช้เงิน พวกเธอทั้งครอบครัวก็อย่าได้คิดจะกลับไป”เว่ยป้าวพูดจบก็จับคอเสื้อของหลี่ฮุ่ยหรานเ
เว่ยป้าวถูกเตะจนเลือดออกที่มุมปาก ในใจกลับไม่ลนลานเลยสักนิด: “ไอ้หนุ่ม วันนี้แกตายแน่ ลูกน้องของฉันมีเป็นหลายร้อยคน”“ต่อให้แกฆ่าฉัน แกก็ออกไปไม่ได้” หลินเฟิงพูดเหยียดหยาม: “เรื่องอื่นฉันไม่กล้ารับปาก แต่นายต้องตายอยู่ตรงหน้าฉันแน่นอน”เว่ยป้าวทนดูท่าทางกำเริบเสิบสานแบบนี้ของเขาไม่ได้จริง ๆ: “แม่ง แกกล้าแตะต้องฉันดูสิ”“ไม่กลัวที่จะบอกแกว่า เบื้องหลังฉันก็คือสำนักเทียนเตา แกเคยได้ยินไหม?”มาเฟียอย่างพวกเขา ไม่พึ่งพาการทำธุรกิจเพื่อล้างมลทินก็รับใช้ตระกูลหรือผู้มีกำลังอำนาจหลัวเฟยหู่พึ่งพาตระกูลเฉินเมืองจงโจว ส่วนเว่ยป้าวก็พึ่งพาสำนักเทียนเตาเมืองเจียงโจวมีการคุ้มครองจากสำนักใหญ่โต ถึงได้ทำให้เว่ยป้าวกำเริบเสิบสานแบบนี้“สำนักเทียนเตา?” จางกุ้ยหลานกับหลี่ฮุ่ยหรานสีหน้างุนงงปกติพวกเธอไม่รู้จักกองกำลังของเจียงโจวด้วยซ้ำ เพียงแค่เคยได้ยินชื่อสำนักเทียนเตา แต่กลับไม่รู้ถึงความน่าหวาดกลัวของสำนักเทียนเตามีเพียงสวีเชาที่มีสีหน้าตกตะลึงไม่แปลกใจที่เว่ยป้าวไม่กลัวตระกูลเซี่ยงด้วยซ้ำ ที่แท้เบื้องหลังก็มีการคุ้มครองจากสำนักเทียนเตา“หลินเฟิง นายรีบปล่อยท่านป้าวซะ”เขาตะโกนขึ้
เพียงแค่หลินเฟิงปล่อยเขา ลูกน้องเยอะแยะขนาดนี้คิดว่าเขาจะทำไม่สำเร็จเหรอ?”เมื่อได้ยินแบบนี้ จางกุ้ยหลานรีบถอนหายใจยาว ๆ: “หลินเฟิง นายได้ยินแล้วยัง นายยังไม่รีบปล่อยท่านป้าว แล้วหักแขนตัวเองอีก”“คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม?” หลินเฟิงถลึงตาใส่จางกุ้ยหลานอย่างดูถูกจางกุ้ยหลานตะโกนด่าทอ: “ไอ้สกุลหลิน สามปีมานี้แกอยู่ฟรีกินฟรีที่ตระกูลหลี่ของพวกเรา เห็นได้ชัดว่าแกช่วยฮุ่ยหรานได้แต่กลับไม่ช่วย แขนข้างเดียวของแกสำคัญกว่าชีวิตของฮุ่ยหานอีกเหรอ?”หลินเฟิงพูดอย่างไม่พอใจ: “พูดว่าคุณโง่ คุณก็ยังไม่เชื่อ ถ้าหากผมปล่อยเขาไปตอนนี้ พวกคุณก็จะต้องตาย”เว่ยป้าวรีบพูดขึ้นทันที: “ฉันเว่ยป้าวสาบานเลยว่า วันนี้เพียงแค่นายหักแขนตัวเอง ฉันไม่มีทางเรียกหาความรับผิดชอบจากใครทั้งนั้น”“ตั้งแต่นี้ไปต่างคนต่างอยู่ไม่ล้ำเส้นกัน”สวีเชาถลึงตาแล้วพูดขึ้น: “ได้ยินแล้วยัง? ท่านป้าวสาบานแล้ว คนของสังคมให้ความสำคัญกับสัจจะมากที่สุด นายรีบหักแขนตัวเองซะ”“ไอ้สกุลหลิน แกหูหนวกหรือไง?”หลี่เหวินเชาเห็นเขาไม่ขยับเขยื้อน จึงพูดด้วยความโมโห: “ตอนที่แกแต่งงานกับพี่สาวของฉันรับปากกับคุณปู่ของฉันว่าอย่างไร?”“ยังจะพูดว
เมื่อเห็นซ่งเฉียนเฉิง พวกลูกน้องรีบหลีกทางให้เขาจางกุ้ยหลานและคนอื่น ๆ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยคนคนนี้ก็คือคนของสำนักเทียนเตา?ซ่งเฉียนเฉิงเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นหลินเฟิงที่ถูกกลุ่มคนล้อมไว้ จึงรู้สึกไม่ดีในทันทีเขามองไปทางเว่ยป้าวทันที: “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”เว่ยป้าวรีบพูดอธิบาย: “คุณซ่ง มีคนที่ไม่ดูตาม้าตาเรือมาก่อเรื่องที่นี่ คุณรอสักครู่นะครับ”“ผมจัดการไอ้หมอนี่ก่อน”ซ่งเฉียนเฉิงได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว ยังไม่รอให้เว่ยป้าวตอบสนอง เขาก็ยกมือขึ้นตบหน้าของเว่ยป้าว“อ้าก…”เว่ยป้าวร้องโอดครวญ คนทั้งคนล้มลงไปบนพื้นโดยตรงจากนั้นมองไปทางซ่งเฉียนเฉิงด้วยความงุนงง“คุณซ่ง คุณตบผมทำไมครับ?”ซ่งเฉียนเฉิงพูดด้วยความโมโห: “หุบปาก คุณหลินเป็นคนที่นายแตะต้องได้เหรอ?”เว่ยป้าวหัวใจกระตุกและรู้สึกถึงความผิดปกติซ่งเฉียนเฉิงเรียกไอ้หมอนี่ว่าคุณหลิน?“คุณซ่ง คำพูดนี้ของคุณหมายความว่าอย่างไรครับ?”ซ่งเฉียนเฉิงพูดอย่างเดือดดาล: “เบื้องหลังคุณหลินก็คือตระกูลถัง และก็เป็นผู้มีพระคุณของคุณถัง”เขารู้จักหลินเฟิงมาจากการบอกเล่าจากพี่ใหญ่ของตัวเองคิดว่ากองกำลังที่หนุนหลังหลินเฟิงก็คือตระ
เว่ยป้าวฟังการสนทนาของพวกเขาสองสามคน ในใจก็ครุ่นคิดขึ้นมา วุ่นวายอยู่ตั้งนานไอ้หมอนี่ก็คือผู้ชายที่ถังหว่านเลี้ยงไว้นี่เองแม่งเอ๊ย คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันที่ถูกผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินขี่หัว ซวยจริง ๆ“พวกแกสองสามคน ยังไม่ไสหัวไปอีก? หรือจะให้ฉันส่งพวกแกออกไปด้วยตัวเองเหรอ?”ถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็รู้ว่าวันนี้คุณซ่งเอ่ยปากด้วยตัวเอง เขาไม่สามารถสั่งสอนพวกเขาได้อีกแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยป้าว จางกุ้ยหลานก็รีบพยักหน้าพูดขึ้น: “พวกเราไสหัวไปเดี๋ยวนี้ จะไปเดี๋ยวนี้…”พวกเขาเหมือนกับได้รับอภัยโทษ รีบหนีออกจากบาร์อย่างรวดเร็วขณะเดียวกัน ซ่งเฉียนเฉิงกับหลินเฟิงก็มายังห้องส่วนตัวที่ชั้นสองหลินเฟิงเอ่ยปากพูดโดยตรง: “คุณซ่ง ให้ผมดูบัวหิมะเจ็ดสีหน่อยได้ไหม?”ซ่งเฉียนเฉิงหัวเราะเสียงดัง: “ไม่มีปัญหาแน่นอนอยู่แล้วครับ”เขานำกล่องไม้ที่ถืออยู่ในมือวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นเปิดฝาออกช้า ๆดอกบัวหิมะสีขาวบริสุทธิ์วางอยู่ในกล่องไม้ก้านและรากตรงดิ่ง ไม่มีส่วนงอใด ๆ ประหลาดตรงที่ก้านของดอกบัวมีใบไม้งอกออกมาเจ็ดใบใบไม้แต่ละใบมีสีแตกต่างกันหลินเฟิงถลึงตาโต จากนั้นยื่นมือออกไปลูบก้า
ซ่งเฉียนเฉิงเห็นหลินเฟิงไม่ได้รับปากจึงขมวดคิ้วขึ้นมา: “คุณหลินรู้ไหมว่าเสาต้นเดียวไม่สามารถค้ำตึกหลังใหญ่ได้”“ต่อให้กำลังของคนคนหนึ่งแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่มีกฎเกณฑ์ที่จะเอาชนะสำนักหนึ่งได้?”“ฮ่าฮ่าฮ่า…”หลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็หัวเราะออกมาเสียงดังกว่าเดิม “นั่นเป็นเพราะการขาดความรู้ของคุณ”ตอนนั้นตัวเองสู้กับแปดสำนักใหญ่เมืองไห่หนานเพียงลำพังก็ไม่เคยพ่ายแพ้เพียงแค่ความสามารถของคุณแข็งแกร่งมากพอ แผนการหรือสำนักและกองกำลังใดก็ไม่มีประโยชน์รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเฉียนเฉิงหายไป จากนั้นเขาล้วงขวดหยกออกมาจากในกระเป๋าแล้วพูดขึ้น: “คุณหลิน เพียงแค่คุณใช้เลือดและสารจำเป็นใส่เต็มขวดหยกนี้ พวกเราไม่เพียงแค่เป็นเพื่อนกัน”“ผมซ่งเฉียนเฉิงรับรองว่าคุณอยู่ที่เจียงโจวก็จะยิ่งใหญ่เหนือคนนับหมื่น”หลินเฟิงรู้สึกสนุกขึ้นมา: “ถ้าผมไม่ทำล่ะ?”“งั้นผมก็จะลงมือด้วยตัวเอง”ทันใดนั้น ภายในห้องส่วนตัวก็เงียบกริบจนน่าหวาดกลัวออร่าของทั้งสองคนเพิ่มสูงขึ้นกะทันหัน“ปัง” เสียงดังอึกทึกโต๊ะที่อยู่ระหว่างพวกเขาสองคนไม่สามารถทนทานต่อกำลังของทั้งสองฝ่ายได้ จึงแตกหักทันทีซ่งเฉียนเฉิงลงมือก่อน เขาปล่อยฝ
ซ่งเฉียนเฉิงรีบพูดขึ้น: “หลินเฟิง หลินเฟิง เรื่องในวันนี้เป็นความเข้าใจผิด คุณถือซะว่าผมไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”“เมื่อครู่นายอยากจะได้เลือดของฉันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทำไมถึงได้กลายเป็นความเข้าใจผิดแล้วล่ะ”หลินเฟิงยืนอยู่ข้างหน้าเขาด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉยซ่งเฉียนเฉิงรีบโบกมือ: “ไม่เอาแล้วครับ ผมไม่เอาแล้ว”“วันนี้ถือซะว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”หลินเฟิงหัวเราะเยาะออกมา: “นายพูดได้ง่ายมากเลยนะ”ซ่งเฉียนเฉิงมองดูสายตาของหลินเฟิงที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามและเยาะหยัน ในใจเกิดความตื่นตระหนกทันที: “หลินเฟิง คุณจะทำอะไร?”“ผมเป็นถึงน้องชายของท่านผู้นำสำนักเทียนเตา คุณจะฆ่าผมไม่ได้...พี่ใหญ่ของผมให้ดอกบัวหิมะเจ็ดสีกับคุณ หรือว่าจะแลกกับชีวิตของผมไม่ได้เหรอ?”หลินเฟิงพูดดูถูก: “ถ้าฉันไม่ได้เห็นแก่หน้าของพี่ชายของนาย ตอนนี้นายคงตายไปแล้ว”พูดจบหลินเฟิงก็จับแขนของเขาขึ้นมา“คุณจะทำอะไร?”“หักแขนของนายข้างหนึ่ง ต่อไปถ้ายังกล้าไม่เคารพฉันอีก ต่อให้พี่ชายของนายมาด้วยตัวเอง ก็รักษาชีวิตน้อย ๆ ของนายไว้ไม่ได้”หลินเฟิงพูดจบก็ออกแรงบิด“แกร่ก” เสียงดังขึ้นแขนของซ่งเฉียนเฉิงหักตามเสียงที
“เพียงแค่วางยาคุณหลงซิ่ว เพื่อดูว่าคุณมีพละกำลังพอที่จะเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า”หลินเฟิงมองไปที่หลงซิ่วที่สวมสูทสีชมพู แต่งเนื้อแต่งตัวเกินความพอดี รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจริงใจอย่างยิ่ง"แก......"“เอาล่ะ เอาล่ะ ผมรู้ว่าคุณทรมาน วางใจได้ ผมไม่มีทางไม่สนใจคุณ”ขณะพูดหลินเฟิงดีดนิ้วชายสองคนในชุดสูทก้าวออกมาจากด้านหลังของหลินเฟิง หามหลงซิ่วขึ้นและพาเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สองคนเหล่านี้คือคนของเผิงกวงฉี่ส่วนเผิงกวงฉี่ก่อนหน้านี้ เขาได้นำลูกน้องสี่หรือห้าคนของเขาไปที่ชั้นใต้ดินที่สอง ที่มีโซฟาสีชมพูขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ถ่ายภาพตั้งนานแล้วภายในห้องมีชายเปลือยกาย 2 คนล้มลงในแอ่งเลือดเมื่อถานหงเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวด้วยรอยยิ้มอาฆาตบนใบหน้า เห็นชายที่นั่งอยู่บนโซฟารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอแข็งทื่อ และกลายเป็นร่องรอยของความกลัวและความตื่นตระหนก“ถานหง ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เธอก็ได้พบกับที่พึ่งใหม่แล้วเหรอ?”เผิงกวงฉี่นั่งสูบบุหรี่ซิการ์อยู่บนโซฟา และมองไปที่ถานหงอย่างไม่ใส่ใจ"ฉัน......"ถานหงรู้สึกสับสนในเวลานี้ เผิงกวงฉี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?หรือว่า...หัวใจของถานหงรู้ส
ชีพจรมังกร...จะเป็นจื่อเสวียนรึเปล่านะ? -อิ่นนั่วเจียตกใจอย่างมาก และไม่ทราบว่าจื่อเสวียนกลายมาเป็นชีพจรมังกรที่หลงซิ่วพูดถึงได้อย่างไรดูเหมือนว่าตระกูลหลงจะต้องการสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรอย่างมากและครั้งนี้หลงซิ่วช่วยเหลือถานหง ในที่สุดก็รู้เป้าหมายชัดเจนแล้วพวกเขามาที่นี่เพื่อสิ่งที่เรียกว่าชีพจรมังกรในมือของหลินเฟิง!หลังจากคิดเรื่องนี้ออก ใบหน้าของอิ่นนั่วเจียก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลย นอกจากความคิดอันลึกซึ้งในทางกลับกัน จวงฉุนกลับถามหลงซิ่วด้วยสีหน้าสับสน:“คุณหลงซิ่ว ชีพจรมังกรคืออะไร?”“ชีพจรมังกรนั้นคือ…”หลงซิ่วไม่ต้องการตอบคำถามของจวงฉุน แต่เห็นว่าอินนั่วเจียยังคงจมอยู่กับความคิดเขาอธิบายอย่างเรียบง่ายว่า:"มีการกล่าวกันว่าชีพจรมังกรเป็นที่มาของโชคลาภของประเทศมังกร"“หากรวบรวมชีพจรมังกรครบทั้งแปดเส้นได้ ก็จะกลายเป็นราชาแห่งมังกรตัวจริงได้ ตามประวัติศาสตร์แล้ว ชีพจรมังกรเหล่านี้เป็นของตระกูลหลงของเรามาโดยตลอด”“เพราะเหตุนี้สถานที่นี้จึงเรียกได้ว่าเป็นประเทศมังกร”“แล้วนามสกุลของเราคือหลง (หลง แปลว่า มังกร) เข้าใจแล้วยัง?”“เราแค่อยากนำสิ่งที่เดิมเป็น
ดังนั้นการร่วมมือกับถานหง เพื่อจัดการกับอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงจึงเป็นเพียงงานเสริมเท่านั้นจุดประสงค์ที่แท้จริงของหลงซิ่วคือเพื่อสำรวจหรือแม้กระทั่งเอาชีพจรมังกรที่อยู่รอบตัวหลินเฟิงออกไป!มีเพียงแค่เอาชีพจรมังกรมาอยู่ในมือ หลงหยวนก็สามารถใช้พละกำลังของเขา จัดการกับหลินเฟิงอย่างกล้าหาญได้และเรื่องของชีพจรมังกรมีเพียงหลงซิ่วและสวีโจวซึ่งเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักบู๊ของตระกูลหลงที่เขาส่งออกไปเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ส่วนที่เหลือก็ไม่ชัดเจนนักแต่ในเวลานี้หลงซิ่วไม่รู้ว่าสวีโจวและคนอื่น ๆ ได้กลายเป็นวิญญาณที่ตายแล้วในมือของหลินเฟิง ด้วยความพยายามผลักดันของจวงฉุน ไม่มีใครหนีไปได้สักคนเหลือเพียงจวงฉุนเท่านั้น และเพื่อความอยู่รอด เขาจึงได้กลายมาเป็นคนทรยศหากหลงซิ่วรู้เรื่องนี้เกรงว่าเขาจะตบจวงฉุนคนไร้ประโยชน์คนนี้จนตายไปซะเลยแทนที่จะชื่นชมเขาเพราะเขาพาอิ่นนั่วเจียมาอยู่เคียงข้างเขา"เอาล่ะ"หลงซิ่วยืนขึ้นและโบกมือให้อิ่นนั่วเจียอย่างด้วยสีหน้านิ่งเฉย“ผมได้เตรียมคนและอุปกรณ์ไว้แล้ว อยู่ในห้องส่วนตัวใต้ดินชั้นสอง ถานหง คุณไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”“รอผมถามคำถามอิ่
“ฉันคือลูกน้องของเธอ? คุณหลงซิ่ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฉันจำได้ว่าไม่มีข้อกำหนดนั้นในสัญญาของเราหรอกมั้ง?”อิ่นนั่วเจียขมวดคิ้วและมองไปที่หลงซิ่วหลงซิ่วสับสนเป็นอย่างมาก แต่ไม่ได้พูดอะไรยังคงเป็นถานหงที่ตอบคำถามของอิ่นนั่วเจียด้วยเสียงหัวเราะ“อิ่นนั่วเจีย เธอช่างไร้เดียงสาเกินไป เธอคิดจริงๆ เหรอว่าตระกูลหลงจะเต็มใจยอมรับเธอ เพราะพวกเขาเห็นคุณค่าในชื่อเสียงและความสามารถของเธอจริงๆ”ถานหงส่ายหน้าอย่างดูถูกและกล่าวว่า:“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ตระกูลหลงจะยอมรับเธอได้ยังไง?”“อ่อใช่ ไม่ว่าฉันหรือตระกูลหลง ก็ไม่ได้โกหกเธอ เพราะฉันคือผู้รับผิดชอบบริษัทบันเทิงของตระกูลหลงที่เธอเข้าร่วมมาโดยตลอด”“ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อิ่นนั่วเจีย เธอต้องเชื่อฟังฉัน เข้าใจไหม?”“ฉันให้เธอถ่ายหนังอะไร เธอก็ต้องไปถ่าย”"เดี๋ยวนะ"อิ่นนั่วเจียยื่นมือออกไปและขมวดคิ้ว:“ถานหง เธอพูดรุนแรงเกินไปแล้ว ฉันจำได้ว่าฉันไม่เคยทำให้เธอขุ่นเคืองมาก่อน ทำไมเธอถึงตั้งใจจะจัดการกับฉันขนาดนั้น?”“ถึงขั้นยอมทุ่มเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเพื่อดึงตัวฉันมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปด้วย”“จุ๊จุ๊จุ๊”เมื่อได้ยินคำพูดของอิ่นนั
“บ้าเอ๊ย ฉันไม่สามารถทนได้จริงๆ ติดต่อน้องหลินให้ฉัน ฉันจะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ด้วย!”...วันต่อมาในบาร์ใต้ดินแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเมืองจิงจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียที่สวมหมวกและหน้ากากไว้ และดูเรียบง่ายมากรีบเดินทางมาที่นี่ ที่นี่คือ “สถานที่นัดพบ” ที่หลงซิ่วพูดถึงควบคู่ด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะและฝูงชนที่เต้นรำจวงฉุนและอิ่นนั่วเจียเดินผ่านทางเดินและมองเห็นหลงซิ่วกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พร้อมคาบบุหรี่อยู่ในปากเมื่อเห็นว่าอิ่นนั่วเจียมาจริง ๆ ดวงตาของหลงซิ่วก็เป็นประกายบุหรี่ในปากของเขาหล่นลงพื้นโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าอิ่นนั่วเจียจะสวมเพียงชุดเดรสยีนส์ซึ่งทำให้เธอดูเป็นเด็กสาวมากในวันนี้ แต่หุ่นที่น่าสะพรึงกลัวของเธอก็ยังทำให้ หลงซิ่วที่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊อย่างไม่ใส่ใจก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ"เชี่ย ไม่เสียแรงที่เป็นซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกรจริงๆ นะ!"หลงซิ่วอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเธอกับถานหง หลังจากคิดดู นี่มันไม่ใช่คนระดับเดียวกันด้วยซ้ำ!แม้ว่าถานหงจะเป็นราชินีเพลงประเทศมังกร หน้าตาก็คล้ายๆกันแต่เมื่อเทียบกับอิ่นนั่วเจียสาวสวยที่อยู่แต่ในจอ ถานหงยังด้อยกว่าเยอะมากเพียงแค่ออร่าอันส
สำนักงานใหญ่กลุ่มเผิงกวง เมืองจิงขณะนั้นเผิงกวงฉี่กำลังคาบซิการ์ไว้ในปากอย่างเรื่อยเปื่ยอ ฟังการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากทั่วทุกแห่งในการประชุมแม้ว่าเผิงกวงฉี่จะดูเป็นปกติ แต่ในใจเขากลับโกรธมากพวกขยะพวกนี้ได้แต่โทษกันไปมา และต่างคนต่างหาผลประโยชน์แม้แต่เผิงกวงฉี่ก็ยังคิดว่า ควรจะกำจัดคนไร้ประโยชน์เหล่านี้ และส่งเสริมให้คนอื่นขึ้นมาเป็นผู้นำภูมิภาคดีไหมขณะที่กำลังคิดแบบนี้ โทรศัพท์มือถือของเผิงกวงฉี่ก็ดังขึ้นกะทันหันเสียงโทรศัพท์ทำให้ห้องประชุมเงียบลงทันที“คุณหลินโทรมาครับ คุณเผิงกวงฉี่”ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้ด้วยความเคารพเมื่อคิดว่าเป็นหลินเฟิง เผิงกวงฉี่ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากไม่พูดไม่ได้ว่ายาหยกโมราของหลินเฟิงมีประสิทธิภาพมากจริงๆ ควบคู่กับน้ำพุร้อนที่เจียงโจว ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองดูหนุ่มลงเรื่อย ๆ และร่างกายก็เต็มไปด้วยกำลังวังชาแม้แต่ผู้หญิงคนใหม่ที่หามาช่วงนี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ช่วงนี้เขากำลังคิดว่าควรจะหาเพิ่มอีกสักหน่อย เพื่อสร้างทายาทให้กับตระกูลเผิงของเขาสองเดือนที่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดมาก่อนด้วยซ้ำ“ฮัลโหล
“ฉันจะโอนเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาทเข้าบัญชีของคุณทันที ทางที่ดีคุณให้อิ่นนั่วเจียออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ปโดยเร็วที่สุด ให้เธอมาพบฉันที่เมืองจิง”"ฮ่าฮ่าฮ่า......"ถานหงที่อยู่ปลายสายหัวเราะอย่างโอเวอร์“ฉันต้องการให้อิ่นนั่วเจียคุกเข่าอยู่แทบเท้าฉัน! ยังมีหลินเฟิง ฉันจะทำให้หลินเฟิงและหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าบออะไรนั่นได้ชำระในสิ่งที่ควรจ่าย!”หลังจากพูดจบโทรศัพท์ก็วางสายไปและภายในเวลาไม่กี่นาที ข้อความเงินสดเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นห้าพันล้านบาทก็ปรากฏบนโทรศัพท์มือถือของจวงฉุนทันทีเมื่อมองดูข้อความบนโทรศัพท์ ลมหายใจของจวงฉุนก็เร็วขึ้นอย่างมาก เขาไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้ในชีวิตของเขามาก่อนแต่เมื่อเขาเงยหน้ามองไปทางหลินเฟิง ก็รู้สึกเหี่ยวเฉาทันทีเขารู้ว่าเงินจำนวนนี้จะไม่มีวันมาถึงเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเรื่องที่อิ่นนั่วเจียเข้าร่วมตระกูลหลงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมดเขาแค่อยากหลอกเอาเงินก้อนนี้มาจากหลงซิ่ว เพื่อใช้รักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก็เท่านั้นเอง“ตอนนี้โอนเงินก้อนนี้เข้าบัญชีของหลี่ซื่อกรุ๊ปเถอะ”หลินเฟิงไม่พูดมาก บังคับจวงฉุนให้ดำเนินการบนโทรศัพท์มือถือของเขาโดยตรงหลังจากนั้นไม่นาน เงิน
“ดูเหมือนว่าคุณจะได้เจอกับอิ่นนั่วเจียจริงๆ นะ”หลงซิ่วที่อยู่ปลายสายพูดอย่างใจเย็นว่า:“ผมลืมบอกคุณไปว่าตอนนี้อิ่นนั่วเจียเป็นสมาชิกของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอเต็มใจที่จะออกจากหลี่ซื่อกรุ๊ป และร่วมมือกับตระกูลหลงของเราจริงๆ เหรอ?”เมื่อได้ยินสิ่งที่หลงซิ่วพูดจวงฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งตัวเกือบหัวใจวายเพราะความโมโหในที่สุดเขาก็ได้ลิ้มรสว่าการถูกหลอกเป็นอย่างไรหากหลงซิ่วเล่าเบื้องหลังของอิ่นนั่วเจียให้เขาฟังก่อนหน้านี้เขาจะพาผู้คนมาที่นี่เพื่อมาหาอิ่นนั่วเจีย และตกหลุมพรางได้ยังไง?ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรอีกแล้วร่องรอยแห่งความโกรธเริ่มผุดขึ้นในใจของจวงฉุนหากพูดว่าเมื่อครู่เพียงแค่โกหกหลงซิ่ว เขาก็มีความกดดันอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหลงซิ่วปกปิดเรื่องของอิ่นนั่วเจียกับเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีหากคุณไม่ได้บอกผมให้ชัดเจนก่อนที่คุณจะจากไปผมจำเป็นต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเฟิงงั้นเหรอ?จวงฉุนตัดสินใจ คำพูดก็ราบรื่นมากขึ้น“ใช่ครับ คุณอิ่นนั่วเจียบอกผมเอง แต่ว่า...”"แต่ว่าอะไร?"หลงซิ่วที่ปลายสายโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อย“แต่คุณอิ่นนั่วเจียบอกว่าเธอได้เซ็น
จวงฉุนคิดว่าคำพูดนี้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติขณะที่จวงฉุนกำลังจมอยู่กับจินตนาการของเขา หลินเฟิงก็ยื่นมือออกไปและโบกไปมาตรงหน้าจวงฉุน“การปล้นทำลายของพวกนายในครั้งนี้ ได้ทำลายสินค้าของหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันมูลค่าสองหมื่นห้าพันล้านบาทเต็มๆ เพียงแค่นายสามารถชดเชยเงินสินค้าเหล่านี้ให้เราได้ ฉันก็จะไม่ถือสาเอาความ”"สองหมื่นห้าพันล้านบาท?"เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ อิ่นนั่วเจียที่อยู่ข้างๆ ก็เปิดริมฝีปากสีแดงของเธอออกครู่หนึ่ง เธอก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญาหลินเฟิงกำลังพยายามกรรโชกเงินอยู่เหรอ!"เป็นไปไม่ได้!"เห็นได้ชัดว่าจวงฉุนก็ตกใจกับจำนวนเงินมหาศาลนี้อย่าว่าแต่ยี่สิบห้าล้านบาทเลย แม้แต่ห้าพันล้านบาทเขาก็ยังไม่มี จะอุดรูโบ๋นี้ได้อย่างไรหลินเฟิงรีดไถมากเกินไปจริงๆ“แน่นอนว่าหลี่ซื่อกรุ๊ปของฉันไม่สนใจเงินจำนวนน้อยๆ นี้ แต่ฉันแค่อยากเห็นท่าทางของคุณ”“เป็นไงบ้าง?”หลินเฟิงจ้องมองจวงฉุนด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ต้องการดูว่าคนๆ นี้จะหาเงินได้มากเท่าไหร่เพื่อเอาชีวิตรอดได้ในเมื่อเสียหายหนึ่งหมื่นล้านบาท หลินเฟิงต้องหาชดเชยมาจากที่อื่น"ดี...ดีครับ!"จวงฉุนรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับหลิ