สิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาทันที หากเมื่อสักครู่นี้เว่ยฉงไม่ได้บอกว่าเขาจะเข้าร่วมงานปาร์ตี้ของชั้นเรียนพวกเราแบบนั้นมันก็ยังดี แต่เมื่อเว่ยฉงตั้งใจมาบอกฉันว่าเขาก็ไปเข้าร่วมด้วย ก็ทำให้ฉันพะว้าพะวงเล็กน้อยขึ้นมา อย่างไรก็ตามแค่ฉันกับเฟิ้งฉีเทียนเป็นแค่เพื่อนกันหลิวหลงถิงก็ไม่พอใจแล้ว ถ้าเกิดว่าถูกเขาสงสัยอะไรบางอย่างขึ้นมาอีกรอบ ฉันก็คงต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาแน่ ๆ แต่ทว่าตอนนี้อาจารย์ประจำชั้นมาถามฉันด้วยตัวเองแล้ว ถ้าหากฉันพูดว่าฉันไม่ไปล่ะก็ อาจจะเป็นการไม่ไว้หน้าเขาเกินไปฉันลังเลอยู่ห้าหกนาทีและก็ได้ตอบตกลงกับอาจารย์ประจำชั้นไป ในใจก็คิดว่าจริง ๆ แล้วมันก็ไม่น่าจะมีอะไรหรอก ก็ไม่ใช่ว่าไปกับเขาเพียงลำพังสองต่อสองสักหน่อย อีกอย่างถ้าฉันดึงดั้นกล้าปฏิเสธอาจารย์ประจำชั้นของเรามันก็ดูไม่ดีหลังจากเริ่มเรียนได้ประมาณสิบนาทีแล้ว เฟิ้งฉีเทียนก็เดินเข้ามาจากทางประตูห้องเรียน พอเห็นว่าฉันอยู่ ๆ ก็ดูเหมือนลูกบอลที่หมดลมไปแล้วลูกหนึ่ง ก็เดินมุ่งหน้ามาหาฉันไปด้วย และถามฉันไปด้วยว่าช่วงนี้หลิวหลงถิงดูมีแปลก ๆ นิดหน่อยนะ หรือว่าเป็นเพราะเขากำลังหึงฉัน? ถ้าเป็นแบบนั้นจร
หลิวหลงถิงออกมาตามหาฉันแล้ว? ข้อความนั่นทำฉันตกใจจนรับหันมองไปรอบ ๆ ทุกด้าน ซึ่งด้านนอกมีเพียงรถและผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา ไม่เห็นแม้แต่เงาของหลิวหลงถิงเลยอารมณ์ฉันค่อย ๆ เงียบสงบลงไป ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังกลัวอะไรอยู่ ฉันเองก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่รู้สึกผิดต่อหลิวหลงถิงเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็ยังอยู่ในช่วงกำลังศึกษาดูใจกันอยู่ ออกมาเล่นสักพักก็คงไม่เป็นอะไรมากหรอกรถแท๊กซี่ใช้เวลาเดินทางประมาณสามสิบนาทีนิด ๆ ก็ถึงหน้าหมู่บ้านของฉันแล้ว ฉันเงยหน้ามองขึ้นไปที่หน้าต่างในบ้าน ยังมีแสงไฟสว่างออกมาอยู่เลย ในใจก็ครุ่นคิดว่าคงไม่ใช่เฟิ้งฉีเทียนหลอกให้ฉันตกใจเล่นหรอก หลิวหลงถิงก็อยู่ที่บ้านไม่ใช่เหรอ?พอขึ้นลิฟต์แล้วฉันเอาโทรศัพท์ที่จะให้หลิวหลงถิงส่งข้อความไปต่อว่าเขา หลังจากนั้นก็เปิดประตูบ้าน พอเปิดประตูออกมาก็เห็นหลิวหลงถิงสวมใส่ชุดนอนตัวใหญ่กำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จนนิ่งกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วเมื่อกี้หัวใจดวง ๆ น้อยที่ยกขึ้นมาจำต้องเก็บลงไปในทันที ร่างบางยิ้มแล้วหันเดินไปทางหลิวหลงถิง ถามเขาว่าเก็บผ้าอยู่หรอ? แต่ว่าในตอนที่พูดอยู่นั้น ฉันเ
“ถูกงูกัดเหรอ?” หลิวหลงถิงหันมาทางฉัน “เมื่อคืนไม่ใช่ว่าเขาร้องเพลงอยู่เหรอ? จะไปโดนงูกัดได้ยังไงกัน แถมพื้นที่ในแทบนี้ก็มีอากาศเย็นด้วย งูไม่ออกมาหรอก”หลิวหลงถิงตอบฉันอย่างไม่มีความผิดปกติ ฉันก็รู้สึกอยากจะเหยียดยิ้มออกมาเลยจริง ๆ ฉันจะเชื่อใจคนแบบนี้ได้อย่างไรกัน“ไม่ใช่นายทำงั้นเหรอ?” ฉันไม่อยากจะเสียพลังรับมือกับหลิวหลงถิงไปมากกว่านี้ ฉันเปิดปากพูดจุดประเด็นใส่เขาไปตรง ๆ พอเห็นว่าฉันสงสัยเขา ในแววตาของหลิวหลงถิงฉายแววประหลาดใจปนสงสัย แล้วนั่งลงที่ข้าง ๆ พลันเอ่ยว่า “เมื่อคืนนี้ฉันก็อยู่กับเธอตลอดไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันเป็นคนทำล่ะ?”“สำหรับนายแล้ว การฆ่าคนเป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่เหรอ? คนที่อยู่รอบข้างฉันเสียชีวิตไปหลายคนขนาดนั้น หรือว่าไม่ใช่นายฆ่าหรือไง? นายบอกอยู่ที่นี่ งั้นใครรับประกันได้ว่านายไม่ได้ให้เพื่อนนายไปฆ่าน่ะ?”ฉันพูดไปแบบนั้น หลิวหลงถิงจึงเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ใช่ ฉันฆ่าคนได้ง่าย ๆ ในพริบตา เมื่อคืนนี้ตอนที่ฉันเห็นว่าเธออยู่กับผู้ชายคนนั้น ฉันก็อยากจะไปฆ่าเขาแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบให้ฉันฆ่าเหรอ? อีกอย่างฉันวางแผนจะแต่งงานกับเธอแล้ว ทำไมฉันยังต้องไปฆ่าคนเ
หลิวหลงถิงเห็นฉันพูดขึ้นมาแบบนี้ สีหน้าเขาก็มีความสุขขึ้นหน่อยแล้วยิ้มออกมา “ตอนนี้ทำไมสมองเธอเริ่มฉลาดขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ?”ฉันมองบนให้หลิวหลงถิงหนึ่งที ไม่อยากสนใจเขา แต่ว่าในตอนนี้ไม่สนใจก็คงไม่ได้ เพราะว่าฉันไม่สามารถไปจัดการปัญหาเรื่องนี้เองเพียงลำพัง“ฉันก็ไม่ได้พูดว่าไม่ใช่นายทำแน่ ๆ เมื่อกี้ฉันรับสายโทรศัพท์จากแม่หมออิง ฉันรู้สึกได้ว่าแม่หมออิงไม่สนับสนุนให้พวกเราอยู่ด้วยกันมาตลอด เมื่อกี้เธอพูดกับฉันเยอะแยะมากมาย ฉันก็ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเรื่องหลอก”“เธอพูดมาให้ฉันฟังดูสิ ฉันจะช่วยเธอวิเคราะห์”ตอนแรกฉันยังอยากจะโกรธหลิวหลงถิงที่เมื่อคืนนี้ทำเรื่องนั้นกับฉัน และไม่อยากจะสนใจเขาเลยสักนิด แต่ตอนที่หลิวหลงถิงยิ้มใสแจ๋วหันมาแล้วขยับเขามาหาฉัน ใบหน้าของเขาดูดีเป็นพิเศษ หน้าตาเหมือนดังภาพวาด ผิวพรรณอ่อนเยาว์ เมื่อมองดูใบหน้าของเขา ต่อให้ในใจฉันโกรธก็โกรธไม่ลง จึงพูดกับเขาว่าไม่ต้องเลย เรื่องนี้ฉันจะไปคุยกับเฟิ้งฉีเทียนเพราะฉันคิดว่าสาเหตุที่แม่หมออิงไม่ต้องการให้ฉันกับหลิวหลงถิงอยู่ด้วยมาตลอด ก็อาจจะเพราะความสัมพันธ์ของเธอกับองค์เทพของเธอ แต่ว่าถ้าองค์เทพของเธอเป็นคนฆ่าสามีขอ
ถึงแม้ว่าฉันจะเคยได้ยินมาว่ามีเทศกาลขึ้นสองค่ำเดือนสองเชิดหัวมังกร แต่ฉันก็ไม่เคยไปเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ ฉันก็เลยถามหลิวหลงถิงว่าเมื่อถึงตอนนั้นมันต้องสนุกมาก ๆ ใช่ไหม?หลิวหลงถิงหันมาพยักหน้าให้ฉัน แล้วพูดว่าใช่สิ ถึงตอนนั้นฉันก็จะเห็นว่าองค์เทพกับร่างทรงคนอื่น ๆ ก็ถือว่าเป็นการพาฉันออกไปเล่นสนุก ๆ สักหน่อยด้วยพูดจริง ๆ นะ ผ่านมาตั้งนานขนาดนี้ ฉันเคยเห็นร่างทรงที่มีระดับชั้นที่สูงกว่าฉันเยอะมาก อย่างเช่นเสวียเทียนเจ๋อที่ยังดูว่าเป็นวัยรุ่นอยู่ ก็คือร่างทรงเดิมของเฟิ้งฉีเทียน เมื่อหลังจากที่ฉันถามเฟิ้งฉีเทียน ก็ได้รู้ว่าเขาอายุสามสิบเก้าปีแล้ว ดังนั้นเทศกาลขึ้นสองค่ำเกือนสองนี้ ฉันก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอเป็นอย่างมาก ๆ ฉันก็ไม่เชื่อว่าทั้งเมืองปักกิ่งนี้จะไม่มีร่างทรงที่อายุไล่เลี่ยกันกับฉันเลยหลังจากที่ถวนจือซูส่งข่าวให้ฉันว่าเว่ยฉงเสียชีวิตแล้วนั้น หลิวหลงถิงสัญญากับฉันว่าจะไปช่วยชีวิตเขา เมื่อตอนกลางวันได้ยินที่หลิวหลงถิงพูดขนาดนี้ฉันก็รู้สึกซาบซึ้งในบุญเขามาก แต่เมื่อตอนที่หลิวหลงถิงไปช่วยชีวิตเว่ยฉงก็ต้องใช้พลังชีวิตของตัวเขาเอง ฆ่าคนง่ายแต่ช่วยชีวิตคนมันยากนะ? ตัวอย่างเช่นฆ่าคน
ให้ตายสิ ฉันตกใจจนโง่ไปในทันที พลันกรีดร้องออกมาแล้วเข้าไปในอ้อมกอดของหลิวหลงถิงที่ยืนอยู่ข้างหลัง!หลิวหลงถิงเห็นมังกรสีเทาที่มีพลังมหาศาลที่พุ่งเข้ามาหาเรา ก็ผลักฉันเข้าไปในฝูงชนอย่างรุนแรง และบอกให้ฉันเดินไปให้ไกลจากที่นี่ ราชันย์มังกรกำลังพุ่งมาที่เขา!เสียงดังนั่นลดลงไปแล้ว เพราะหลิวหลงถิงมัวแต่พลักฉันออก เขาไม่มีโอกาสหลบเลยสักนิด และมังกรสีเทาก็วนรอบร่างกายของหลิวหลงถิงโดยตรงอย่างรวดเร็ว หนึ่งรอบ แผ่นหลังดุดันของเขาพุ่งเข้าไปที่ร่างของหลิวหลงถิงอย่างแรง!เมื่อตอนที่มังกรสีเทาตัวนั้นคำรามออกมาจากหน้าอกของหลิวหลงถิง พลังสีขาวในร่างกายของหลิวหลงถิงแตกกระจายออกมา และเคลื่อนตัวไปรอบ ๆ กายหลิวหลงถิงอย่างบ้าคลั่ง เพื่อไม่ให้ใครเข้าใกล้หลิวหลงถิงทั้งนั้น!ฉันถูกหลิวหลงถิงผลักเข้าไปในกลุ่มฝูงชน หลังจากมองไปยังร่างสูงที่ถูกมังกรสีเทาตัวนั้นนำพลังชีวิตออกมาจนนับไม่ถ้วน เขาคุกเข่าลงที่บนพื้น และอาเจียนเลือดสีแดงฉานออกมาจากในปาก จนคางสีขาวสะอาดตาเปื้อนไปด้วยสีแดงทันที“หลิวหลงถิง!”ฉันตะโกนเรียกหลิวหลงถิงด้วยเสียงดัง อยากจะวิ่งไปหลิวหลงถิงแต่มังกรสีเทาตัวนั้นเห็นว่าฉันอยากพุ่งออกไป ก็หั
เฟิ้งฉีเทียนมองมาที่ฉันด้วยสายตาซุกซน แต่ก็ไม่พูดอะไรโดยบอกว่าฉันรู้มากไปก็ไม่ดี และอีกอย่าง ตอนนี้ไม่ใช่ว่าตอนนี้ควรห่วงหลงถิงมากกว่าเหรอ? เขาบอกฉันว่าอย่าคิดมากเลยฉันก็เอื้อมมือไปตีไหล่ของเฟิ้งฉีเทียนหนึ่งที ต่อว่าเขานี่มันหมายความว่าอะไร ทำเหมือนกับว่าเขากับหลิวหลงถิงทั้งคู่รู้เรื่องราวเยอะแยะมากมาย มีเพียงแค่ฉันที่ไม่รู้ ความรู้สึกแบบนี้มันรับไม่ค่อยได้มาก ๆ เลยนะ ฉันจึงดึงดันต่อไปอีก พลางเอ่ยขอให้เฟิ้งฉีเทียนนำเรื่องที่เขารู้ทั้งหมดบอกกับฉันได้หรือไม่?เฟิ้งฉีเทียนก็ไม่พูด บอกว่านอกเสียจากฉันจะเรียกเขาว่าพ่อสิบครั้ง ถ้าหากว่าฉันยอมเรียกล่ะก็ เขาก็จะลองพิจารณาดูว่าจะบอกเรื่องนี้กับฉันฉันก็ด่าเฟิ้งฉีเทียนว่าเจ้าทึ่มไปหนึ่งคำ ไม่พูดก็ต้องไม่ต้องพูด ฉันก็ไม่ได้อยากฟังแล้วหลังจากที่พวกเราเรียกรถกลับมาถึงบ้านแล้ว ฉันยกกะละมังน้ำออกมาเช็คตัวหลิวหลงถืงให้สะอาด เฟิ้งฉีเทียนก็เริ่มต้นรักษาอาการบาดเจ็บให้หลิวหลงถิง แต่ว่าถึงอย่างไรเฟิ้งฉีเทียนก็ไม่ได้ชำนาญทางด้านนี้ ดั้งนั้นนอกจากจะทำได้แค่นำเข้าพลังชีวิตของเขาให้หลิวหลงถิงเพื่อให้อาการทางร่างกายคงที่แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อื่นใดแล้ว ตั้
คำพูดของหวังหงเกือบทำให้ฉันหาเหตุผลที่จะอยากกลับบ้านได้แล้ว แต่ว่าฉันก็โลภมากอีก ฉันไม่อยากแค่ลาหยุดสองสามวันไปเจอหลิวหลงถิง อีกทั้งอยากมาเรียนหนังสือ ดูเหมือนฉันจะถูกหลิวหลงถิงวางยาพิษไว้อย่างนั้นแหละ ทุกเช้าทุกคืนที่เขาไม่อยู่ ฉันคิดถึงเขามาก คิดถึงจนฉันแทบจะเป็นบ้า“ฉันจะเก็บไปคิดดู แล้วจะโทรกลับไปหานาย” ฉันตอบหวังหง“เธอจะมั่วคิดอะไรอีก! ทำธุรกิจการค้าได้เงินดีขนาดนี้ รับประกันเลยว่าหลังจากนี้ เธอไปทำงานแค่ภายในสองสามวันก็ได้เงินแปดหมื่นหยวนแล้ว...”ฉันไม่ฟังสิ่งที่หวังหงพูดต่อท้าย ฉันกำลังเริ่มวางแผนในใจว่าถ้าฉันต้องการทำเรื่องลาออก จะต้องไปหาอาจารย์คนไหนเพื่อทำเรื่อง ใช่แล้ว ฉันตัดสินใจได้แล้วว่า ฉันต้องการจะกลับไป ฉันไม่อยากเรียนหนังสือแล้ว ฉันอยากกลับบ้านไปเจอหลิวหลงถิงหลังจากที่ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ได้แล้ว ความกลัดกลุ้มในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาของฉันก็หมดไปเลย พลันเริ่มทยอยเก็บข้างของและจัดการเรื่องลาออกจากมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ที่หลิวหลงถิงกลับไป เฟิ้งฉีเทียนก็ทำบ้านฉันเป็นบ้านของตัวเองไปแล้ว เข้ามาก็ไม่เคาะประตู ฉันพูดกับเขาหลายครั้งมากก็ไม่ฟังกัน แต่ว่าเห็นแก