Share

บทที่ 5

เฉียวอีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และก้าวออกไปข้าง ๆ รวดเร็วดุจสายฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม กาแฟร้อน ๆ บางส่วนก็ยังคงกระเด็นใส่เท้าของเธอ

เธอหายใจไม่ออกด้วยความเจ็บปวด

และในตอนที่กำลังจะโต้เถียงกับซ่งชิงหยา พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นซ่งชิงหยาทุบไปที่ตู้กระจกที่อยู่ด้านหลัง

เธอจึงเอื้อมมือออกไปดึงตามสัญชาตญาณ

แต่ซ่งชิงหยากลับหลบพ้น

"เพล้ง"

แขนของซ่งชิงหยาทำให้กระจกแตก

และเลือดก็ไหลไปตามแขนของเธอลงไปสู่พื้น

ในขณะนี้ เสียงเย็นชาของหลู้เหวินโจวก็ดังมาจากด้านหลัง

“เฉียวอี เธอทำอะไรน่ะ!”

ร่างสูงเพรียวของหลู้เหวินโจวพุ่งเข้าไปข้าง ๆ ซ่งชิงหยาอย่างรวดเร็ว

ดวงตาที่ดำขลับก็เริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ

"เธอเป็นยังไงบ้าง?"

จากนั้นก็มีน้ำตาไหลอยู่บนหน้าซีด ๆ ของซ่งชิงหยา และปากของเธอก็กระตุก

“พี่เหวินโจว ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉันเองค่ะ ฉันไม่ทันระวังทำกาแฟหกใส่เลขาเฉียว ทำให้เธอเข้าใจผิดว่าฉันตั้งใจสาดใส่เธอ เธอจึงผลักฉันค่ะ

พี่อย่าไปโทษเธอเลยจะได้ไหมคะ?"

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดวงตาของเฉียวอีก็เบิกกว้างขึ้นมาทันที

เธอไม่คาดคิดว่าซ่งชิงหยาจะใช้อุบายทำร้ายตัวเองเพื่อใส่ร้ายเธอเช่นนี้

เธอรีบอธิบายขึ้นว่า: "ฉันไม่ได้ผลัก เธอชนมันเอง"

ดวงตาที่เย็นชาของหลู้เหวินโจวจ้องมองไปที่ร่างของเธออย่างรวดเร็ว และดวงตาสีดำขลับของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่รอยลวกบนหลังเท้าของเธออยู่ครู่หนึ่ง

และเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: "เดี๋ยวฉันจะกลับมาจัดการกับเธออีกที!"

พูดจบ เขาก็รีบออกไปพร้อมกับซ่งชิงหยา

เฉียวอีมองไปที่แผ่นหลังของพวกเขา ด้วยใบหน้าที่เจ็บปวดอย่างไม่อาจอธิบายได้

นี่ก็คือผู้ชายที่เธอรักมาเจ็ดปี

ระหว่างเธอกับซ่งชิงหยา เขาไม่เคยเลือกที่จะเชื่อเธอเลยด้วยซ้ำ

เฉียวอีรีบจัดการอารมณ์ และเธอจะไม่ปล่อยให้แผนของซ่งชิงหยานั้นสำเร็จ

แม้ว่าเธอจะเลิกกับหลู้เหวินโจวแล้ว และเธอก็ไม่สนใจว่าเขาจะมีทัศนคติต่อเธออย่างไร

แต่เธอก็ทนไม่ได้กับการถูกใส่ร้ายป้ายสีแบบนี้

มีครั้งหนึ่งก็จะมีครั้งต่อไป

เธอรีบไปหาเสี่ยวหลี่เพื่อนร่วมงานของเธอทันที และขอให้เธอไปหาแฟนหนุ่มของเธอที่อยู่ในแผนกเทคนิคมาช่วยเธอเอาสำเนาคลิปวิดีโอเมื่อกี้นี้ให้หน่อย

เธอต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ

เฉียวอีจัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเข้าสู่การทำงานที่เข้มข้น

หลู้เหวินโจวกับเฉินจัวต่างก็ไม่อยู่ และผู้บริหารระดับสูงก็รออยู่ในห้องประชุมอยู่แล้ว การประชุมในตอนเช้านี้เธอจึงทำได้เพียงต้องจัดการไปเองเท่านั้น

เธอบันทึกรายงานจากแผนกต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบ

และนำโครงการที่ยุ่งยากมาอภิปรายในสัปดาห์นี้ ด้วย

ในห้องประชุมที่ไม่มีหลู้เหวินโจว บรรยากาศจึงผ่อนคลายมากขึ้น

ทุกคนต่างชื่นชมเฉียวอีสำหรับความสามารถของเธอ และแม้กระทั่งแซวเธอเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยของพวกเขา เนื่องจากเธอและหลู้เหวินโจวทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี

เฉียวอียิ้มบาง ๆ ให้กับคำชมของทุกคน

“เราแค่มีีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันในเรื่องงาน กรุณาอย่าเดากันแบบสุ่ม ๆ เลยค่ะ แล้วเดี๋ยวฉันก็จะ…...”ลาออกแล้ว

ก่อนที่เธอจะพูดจบ ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก

หลู้เหวินโจวยืนอยู่ที่ประตูในชุดสูทสีดำ มีกลิ่นอายที่เย็นชาและน่ากลัว ราวกับปีศาจที่ออกมาจากขุมนรก

ดวงตาสีดำสุดลึกล้ำคู่นั้น มองไปที่เฉียวอีอย่างเย็นชา

เมื่อครู่ห้องประชุมที่มีบรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลาย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นอึดอัด จนหายใจไม่ออก

ทุกคนยืนขึ้นและตะโกนขึ้นว่า"ประธานหลู้"ขึ้นพร้อมกัน

หลู้เหวินโจวไม่ตอบอะไร และเดินตรงไปหาเฉียวอีด้วยขายาว ๆ ของเขา

มือใหญ่ ๆ ที่เย็นเฉียบของเขาจับข้อมือของเฉียวอี และเสียงของเขาก็เย็นชาจนน่ากลัวยิ่งขึ้น

"มากับฉัน!"

หลู้เหวินโจวลากเฉียวอีออกมาจากห้องประชุม

เมื่อลดสายตาลงมาก็เห็นจุดแดง ๆ และบวมเป่งที่ชัดเจนอยู่หลายจุดบนหลังเท้าที่ขาวและเรียบเนียนของเธอ

เขาพูดด้วยความโกรธว่า: "ให้ตายเถอะเธอมันโง่จริง ๆ !"

พูดจบ เขาก็ก้มลงและอุ้มเฉียวอีเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา

เมื่อมาถึงยังลานจอดรถ เขาก็ผลักเธอเข้าไปบนที่นั่งฝั่งผู้โดยสาร

เขาหยิบกล่องยาทาแผลที่ยังไม่ได้เปิดออกจากกล่องเก็บของ

ขนตาของเขาหรี่ลง และริมฝีปากบางของเขาก็เม้มเอาไว้แน่น

ความแวววาวกลิ้งกลอกอยู่ในดวงตาสีเข้มของเขา

หลู้เหวินโจวเปิดกล่องยาแล้วบีบครีมสีขาวขุ่นลงบนนิ้วเรียวยาวของเขา

จากนั้นค่อย ๆ ทาครีมบนเท้าของเฉียวอี

มีรอยที่ระหว่างคิ้วของเขาผุดขึ้นมาอย่างไม่แน่ชัดถึงความหมายที่แฝงอยู่

และเห็นว่าเฉียวอีเจ็บปวด จนคิ้วอันบอบบางของเธอก็ขมวดแน่นขึ้นมา และฟันของเธอก็กัดลงบนริมฝีปากจนกลายเป็นสีขาว

ส่วนนิ้วก็ขดแน่น

แรงบนนิ้วของหลู้เหวินโจวก็เบาลงมาก

เขาทาไปตามบริเวณที่แดงและบวมทั้งหมด

จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเฉียวอีด้วยดวงตาสีเข้ม

ราวกับเขาจะหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า "เธอมันโง่ขนาดนี้ แน่ใจหรือว่าเธอจะอยู่รอดได้โดยไม่มีฉันน่ะ?"

เขายืดตัวขึ้น แล้วโยนยาทาแผลในมือลงบนแขนของเฉียวอี "ทาเช้าและเย็นอย่างละครั้ง อย่าให้โดนน้ำในช่วงสองวันนี้ ไม่งั้นเป็นแผลเป็น แล้วอย่ามาร้องไห้กับฉันนะ"

เฉียวอีขมวดคิ้ว และน้ำเสียงของเธอก็ฟังไม่ออกว่ามีอารมณ์ใดแฝงอยู่: "จะอยู่รอดได้หรือเปล่า ลองสักหน่อยก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ"

หลู้เหวินโจวมองดูใบหน้าเล็ก ๆ ที่ดื้อรั้นของเธอ และพูดตะคอกขึ้นด้วยความโกรธ

“เฉียวอี เธอจะโมโหก็โมโหไป ทำไมต้องไปลากซ่งชิงหยาเข้ามาเกี่ยวด้วย เธอไม่รู้เหรอว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า? ฉันเคยบอกเธอไปแล้ว ว่าเธอคุกคามเธอไม่ได้ ทำไมเธอไม่เชื่อกันบ้าง"

ความซาบซึ้งที่เฉียวอีเพิ่งจุดติดขึ้นมาได้มอดดับลงไปทันที และมองดูหลู้เหวินโจวด้วยสายตาที่เย็นชา

และรอยยิ้มประชดประชันก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า

“หลู้เหวินโจว ฉันขอบอกอีกครั้งไว้เลยนะ ว่าฉันไม่ได้แตะต้องเธอ เธอจงใจชนเอง เพราะแค่อยากจะใส่ร้ายฉัน ถ้าไม่เชื่อ ก็ไปตรวจกล้องวงจรปิดดูได้เลย”

หลู้เหวินโจวเงยหน้าขึ้นมองดูเธอ "ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น แต่ซ่งชิงหยามีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด และเป็นเลือดอาร์เอชลบอีกด้วย ตอนนี้เธอเสียเลือดเยอะมาก และไม่มีสต๊อกในธนาคารเลือด เธอไปบริจาคเลือดให้เธอ แล้วฉันรับประกันว่าตระกูลซ่งจะแตะต้องอะไรเธอไม่ได้ และเรื่องนี้จะจบลงเพียงแค่นี้"

ถ้าเมื่อกี้นี้หัวใจของเฉียวอีรู้สึกเจ็บแปลบ ตอนนี้ก็เป็นความเจ็บปวดที่บีบรัดไปทั่วหัวใจ

ความเจ็บปวดนั้นทนไม่ไหวจนเธอลืมหายใจไป

หลู้เหวินโจวต้องการพาเธอไปบริจาคเลือดให้กับซ่งชิงหยา

เธอเพิ่งแท้งลูกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ยังเสียเลือดมากเกินไปจนทำให้เกิดภาวะโลหิตจางในระหว่างการผ่าตัด และเธอยังคงดื่มยาจีนโบราณเพื่อรักษาอาการดังกล่าวอีกด้วย

ดวงตาสีเข้มของเฉียวอีจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่หลู้เหวินโจว และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดื้อรั้นซึ่งหาเจอได้ยาก

“หลู้เหวินโจว ถ้าฉันบอกว่าร่างกายของฉันไม่สามารถบริจาคเลือดได้ในตอนนี้ คุณจะทำอย่างไร คุณจะยังบังคับให้ฉันไปหรือเปล่า?”

หลู้เหวินโจวมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา

“รายงานผลการตรวจร่างกายของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ แค่บริจาคสี่ร้อยซีซีคงไม่ส่งผลต่อร่างกายของเธอมากนัก

นอกจากนี้ ซ่งชิงหยายังเป็นแก้วตาดวงใจของซ่งจวินฮุย ไม่ว่าเธอจะรับผิดชอบหรือไม่ก็ตาม หากเขาไปแตะต้องตระกูลเฉียวเพราะเรื่องนี้ แม้แต่ฉันก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้นะ"

เฉียวอียิ้มเยาะให้กับตัวเอง

หลู้เหวินโจวรู้เพียงว่าซ่งชิงหยาเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อเธอ แล้วทำไมเธอถึงไม่เหมือนกันล่ะ?

ในตอนที่เธอแท้ง เธอมีเลือดออกมากขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่รับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ

ซ่งซิงหยาเพียงแค่เกิดบาดแผลเล็กน้อย ก็ทำให้เขากังวลจนแทบตาย และยังเอาตระกูลเฉียวมาข่มขู่เธออีกด้วย

เรื่องนี้หากไม่มีเปรียบเทียบดูก็ไม่เจ็บปวดใด ๆ

เฉียวอีมองหลู้เหวินโจวด้วยสายตาเศร้าสร้อย

"หลู้เหวินโจวสี่ร้อยซีซีจะไม่ทำอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย แล้วสองพันซีซีล่ะ?"

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status